EVE Burst Error
ภาค โคะจิโร่
วันที่ 6 ธันวาคม ค.ศ. 19xx

เงื่อนงำที่ขาดหายไป


“เจอนายมิโดแล้วเหรอคะ?”
“อื้อ ไม่เลวเลยล่ะคนนี้” ผมเฉลยต่อ “ไม่สิ ร้ายกาจ
เอาการทีเดียวล่ะ ตีหน้าเซ่อก็เก่งมาก ผมลองขุด
หลุมพรางดักเขาในระหว่างที่ทำตัวเป็นนักข่าว
สัมภาษณ์เขาตั้งหลายครั้ง แต่หมอนี่ก็ตีหน้าซื่อไม่รู้
ไม่ชี้ ตอบปฏิเสธทุกเรื่องที่ผมถามเลยฮะ”
ผมยักไหล่ แล้วก็เล่าให้เอเยนต์สาวของหน่วยตรวจ
สอบสถานศึกษาฟัง ถึงเรื่องที่ผมลองถามนายมิโด
ตั้งแต่เรื่องของการสิ้นพระชนม์ของกษัตริย์, เรื่อง
ของนายโค, เรื่องของภาพลายเส้น (ซึ่งอันนี้ผมเองก็
ไม่รู้เหมือนกันว่าเกี่ยวข้องกับนายมิโดหรือไม่
เพราะคนที่เกี่ยวข้องกับมันคือ นายโคตัวจริงและ
นายโคตัวปลอม) และสุดท้ายก็เป็นเรื่องของนายนิ
ไคโด
“แต่ท้ายที่สุดแล้วนะ..” ผมว่าต่อ “เขาก็เสียท่าจน
ได้ ผมถามเขาเฉย ๆ ว่าเขารู้จักนายนิไคโดรึเปล่า
เขาก็หลุดปากออกมาเองว่า เขาไม่รู้จักนักสืบที่ชื่อนิ
ไคโด ทั้ง ๆ ที่ผมยังไม่ได้พูดสักคำว่านิไคโดที่ว่านี่
เป็นนักสืบ”
“เหรอคะ แสดงว่า เขารู้จักนายนิไคโดมาก่อน แต่
แกล้งปฏิเสธ”
“ฮะ แต่เขาก็ลื่นเอาการนะ บังเอิญคำถามก่อนหน้า
นั้นเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับนักสืบด้วย พอผมท้วงขึ้น เขา
ก็เฉไฉไปว่า นึกว่าผมกำลังถามต่อเนื่องจากคำถาม
ก่อน เลยเข้าใจผิดว่านายนิไคโดนี่เป็นนักสืบ” ผม
เล่าต่อ “แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เราแน่ใจได้อย่าง
นึงแล้วล่ะฮะ ว่านายมิโดรู้จักกับนายนิไคโด และก็
ค่อนข้างชัวร์ด้วยว่า เขาเป็นคนว่าจ้างนายนิไคโด
ให้สืบอะไรหรือทำอะไรบางอย่าง ซึ่งเกี่ยวข้องกับ
คดีนายโค ทั้งเรื่องนายโคตัวปลอมและเรื่องคดี
ฆาตกรรมนายโคตัวจริงแน่นอน”
“ตกลง คุณกำลังคิดว่า นายมิโดน่าจะมีส่วนรู้เห็น
เกี่ยวกับการตายของนายโค รวมทั้งรู้จักนายโคตัว
ปลอมนั่นด้วย หรือคะ?” ฮิมุโระพยายามร้อยเรียง
ข้อมูลทั้งหมดเข้าด้วยกัน แล้วเอ่ยถามความเห็น
ของผม
“ครับ อย่างแรกนั้นค่อนข้างแน่ครับ คุณเองก็คงเห็น
ด้วยเหมือนกัน” ผมหมายถึงประเด็นที่ว่า นายมิโดรู้
เห็นเบื้องหน้าเบื้องหลังเกี่ยวกับการตายของนายโค
ไม่มากก็น้อย “แต่ประเด็นหลังที่ว่า เขารู้เกี่ยวกับ
นายโคตัวปลอมนั้น ยังไม่แน่เหมือนกันครับ แต่ถ้า
เรามองว่า นายนิไคโดก่อนตาย หรือถ้าจะให้คาด
คะเนก็คือ ก่อนจะถูกฆ่าปิดปากนี่ เขารับดับเบิ้ลบุ๊ค
กิ้ง คือ รับงานซ้อนกันทั้งจากนายมิโด และจากนาย
โคตัวปลอมแล้วละก็ ก็เป็นไปได้สูงทีเดียวครับ ว่า
งานที่เขารับจากนายมิโดเป็นงานที่ใหญ่กว่า นั่นคือ
ให้นายนิไคโดไปแกล้งรับงานจากนายโคตัวปลอม
อีกที เพื่อสืบอะไรบางอย่าง”
จบคำพูดยาวเหยียดของผม ฮิมุโระก็อึ้งไป มองผม
ด้วยสายตาที่แสดงถึงความทึ่ง แฮ่ม บอกแล้วว่า
ลองให้สมองนักสืบอัจฉริยะของผมทำงานละก็ ไม่
ว่าจะมีประเด็นเล็กน้อยแค่ไหนผมก็จับมาร้อยเรียง
จนคลำทางได้ถูกต้องนะแหละ
เงียบกันไปสักครู่หนึ่งแล้ว สาวเจ้าก็ถามขึ้นมาอีก
ว่า
“แล้วที่คุณดักฟังได้จากเครื่องดักฟังเมื่อกี้ละคะ ตก
ลงเป็นไง”
“ฮะ ฮะ นึกว่าคุณจะลืมเรื่องนี้ซะแล้วสิ” ผมยิ้มแล้ว
แกล้งถามย้อนกลับ “คุณคิดว่าไงล่ะ?”
“จะทดสอบฉันเหรอ?” สาวเลิกคิ้ว ถามผมกลับมา
อย่างรู้ทัน “ฟังจากที่คุณเล่ามานี่ ฉันว่า คงเหลวมั้ง
คะ นายมิโดคงจะรู้ทันอยู่แล้วว่าคุณแอบติดเครื่อง
ดักฟัง เขาปล่อยคุณออกมาก็บุญแล้วมั้งคะ”
“ฮะ ฮะ แม่นแล้ว” ผมตอบหน้าตาเฉย “เขาคงมั่น
ใจในตัวเองมากเลยฮะเนี่ย ถึงได้ปล่อยให้ผมติด
เครื่องดักฟัง แถมยังแสดงละครให้ผมดู..ไม่สิ..ฟัง
ตะหาก”
ว่าแล้วก็เล่าเรื่องที่ผมดักฟังได้ที่ด้านนอกสถานทูต
ซึ่งมียัยคนที่ชื่อโฮโจ ร่วมแสดงด้วยกับนายมิโดให้ฮิ
มุโระฟัง
“ฮะฮะ” ฮิมุโระฟังจบก็หัวเราะเบา ๆ “ชัดเจนเลยว่า
เล่นละครกันชัด ๆ”
“…” ผมอึ้งไปนิดหนึ่ง ก่อนเอ่ยปากต่อ “ไม่ใช่ย่อย
เลยนะครับเนี่ย ทั้งนายมิโดแล้วก็ทั้งยัยโฮโจนี่”
“นั่นสิ แกล้งเล่นละครบอกว่า ทูตมิโดจะไม่อยู่ที่
สถานทูตค่ำนี้ ก็แปลว่าการป้องกันของสถานทูตก็
จะอ่อนลง หลอกล่อให้เราบุกเข้าไปติดกับ”
ฮิมุโระพูดช้า ๆ อย่างวิเคราะห์
“นั่นนะสิครับ แต่…” แกล้งเว้นช่วงไว้ สาวหน้าอ่อน
ไหวทันทันที เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม ผมจึงเฉลยต่อ “ผม
คิดว่าฝ่ายนั้นก็คงจะรู้ทันอยู่ดีแหละครับ ว่าทางเรา
รู้ทันว่า นี่เป็นการเล่นละคร”
“หมายความว่าไงคะ?”
“ก็ถ้าคุณเป็นสองคนนั่น คุณคิดเหรอครับ ว่าไอ้นัก
ข่าวกำมะลอที่กล้าบุกเข้าไปล้วงความลับจากทูตมิ
โดคนเนี้ย----นะ” ผมใช้นิ้วชี้มาที่จมูกตัวเอง “จะโง่
ขนาดหลงกลเชื่อ แล้วบุกเข้าไปในสถานทูตในค่ำนี้
จริง ๆ”
ฮิมุโระทำตาโต แต่ในประกายตามีแววที่บอกว่า
ยอมรับในสิ่งที่ผมพูด
“แต่…ที่ร้ายที่สุดก็คือ ไม่ว่าผมจะหลงเชื่อกลลวง
ของเขาหรือไม่ก็ตาม เขาก็มีแต่ได้ประโยชน์ฮะ นั่น
คือ ถ้าผมเกิดโง่ บุกเข้าไปในสถานทูตนั่นจริง ๆ ก็
โดนจับ แต่ถ้าผมอ่านเกมออกว่ามันเป็นกลลวง ผม
ไม่บุกเข้าไปก็เท่ากับเป็นการป้องกันไม่ให้ผมเข้าไป
ทำอะไรในสถานทูตนั่นตั้งแต่แรก สรุปก็คือ เขาไม่มี
ทางเสียเปรียบเลยนั่นแหละ”
“… โคะจิโร่” เอเย่นต์สาวของหน่วยงานของตำรวจ
ญี่ปุ่นบอกผมอย่างทึ่งอีกครั้ง พูดพึมพำออกมา
เสียงแผ่วเบา “คุณเป็นนักสืบธรรมดา ๆ จริง ๆ หรือ
นี่”
ฮะฮ้า บอกแล้วไงครับ ว่า เรื่องแค่นี้ไม่ครณาสมอง
อัจฉริยะของผมหรอก แต่ตอนนี้ผมไม่มีเวลามานั่ง
ยืดอกภาคภูมิใจกับความฉลาดของตัวเองหรอก
ครับ … ใช่แล้ว ปมของคดีต่าง ๆ หลาย ๆ อย่างมัน
เริ่มขมวดเข้ามากันจนดูเหมือนจะเกี่ยวพันกันไป
หมดเลย และเรื่องที่ผมจะต้องรีบทำก็ยังมีอีกมาก
มายหลายเรื่องด้วยกัน
เราลองมาทบทวนกันหน่อยนะครับ ตอนนี้คดีต่าง
ๆ ที่ผมเข้าไปเกี่ยวข้องทั้งหมด มันเริ่มมาจาก การที่
ผมกับเจ้านิไคโดถูกนายโคตัวปลอมหลอกใช้ให้หา
ภาพวาดลายเส้นอิสลาม ซึ่งผมก็หามันพบอยู่ใน
บ้านของคุณโคนั่นเอง และแล้ว ในคืนวันนั้นเองคุณ
โคตัวจริงก็ถูกฆาตกรรมในบ้านตัวเอง พร้อม ๆ กับ
ที่โคตัวปลอมหายตัวไป และเจ้านิไคโดกลายเป็นผู้
ต้องสงสัยว่าทำการฆาตกรรมคุณโค วันถัดมา
ปรากฏว่าเจ้านิไคโดก็ตาย โดยประกาศของทาง
ตำรวจบอกว่าเป็นการฆ่าตัวตายเพื่อหนีคดี แต่การ
ปิดคดีอย่างนี้ทำให้ชื่อเสียงของสำนักงานนักสืบ
เอกชนคะทสึระงิ ที่ยะโยยเป็นเจ้าของอยู่ต้อง
ประสบภาวะวิกฤติอย่างหนัก ในขณะที่ผมสืบรู้มา
ได้ว่าการตายของโคเป็นเรื่องที่ “อาจจะ” เกี่ยวพัน
กับการเมืองในเอลเดียเอง และ “อาจจะ” เกี่ยวกับ
นักฆ่ารหัส “เทอร์เรอร์” ด้วยรวมทั้งความที่ผมเป็น
คนพบศพคุณโคเอง ผมไม่เชื่อว่านายนิไคโดเป็น
ฆาตกร พอ ๆ กับที่ไม่เชื่อว่า นายนิไคโดจะฆ่าตัว
ตายเอง ทำให้ผมกระโดดเข้าไปจับคดีนี้ต่อ โดยมี
จุดประสงค์ก็เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเจ้านิไคโด
เพื่อกอบกู้ชื่อเสียงที่เสียไปของสำนักงานของยะ
โยยให้กลับคืนมาด้วย
ผลจากการนี้ ทำให้ผมสาวเรื่องไปจนถึงชื่อของ “มิ
โด” ว่าอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย แต่
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่า ตราบใดที่ผมไม่สามารถ
หาข้อมูลเกี่ยวกับนายมิโดให้มากกว่านี้ได้ ก็คงจะ
ไม่เห็นแสงสว่างที่จะคลี่คลายคดีนี้
ในขณะเดียวกัน รอบตัวผมก็ถูกชักนำไปเกี่ยวโยง
กับเรื่องราวอีกกระแสหนึ่ง เมื่อผมได้รู้จักกับ “พริน”
โดยบังเอิญ และมาทราบภายหลังว่า เด็กสาวพริน
นี้เป็นถึงนางกำนัลในพระราชวังเอลเดีย และมีส่วน
เกี่ยวข้องกับนายสตอลมันโคด้วย อย่างไรก็ตาม
ตอนนี้ พรินก็หายตัวไปจากผม และเบาะแสของ
พรินที่ผมได้ครั้งล่าสุดก็อยู่ในสถานทูตเอลเดียอีก
นั่นแหละ
นอกจากนี้ บรรยากาศรอบ ๆ ตัวผมก็รู้สึกว่าจะเต็ม
ไปด้วยเรื่องไม่ธรรมดาแฮะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ
คุณครูสาวซิเรีย ซึ่งตัวจริงเป็นคนของอดีตหน่วยสืบ
ราชการลับของเอลเดีย, เรื่องของโฮโจ มะรินะกับ
เด็กสาวที่ชื่อมิโด มะยะโกะ, เรื่องของคดีการยัก
ยอกเงินของนายโคซึ่งฮิมุโระตามสืบอยู่ (แต่ถูกสั่ง
ให้ยกเลิกกลางคัน), เรื่องของข่าวแปลก ๆ ที่ผมได้
รับจากเจ้าเกล็น โดยเฉพาะข่าวเรื่อง อะซะชิน
(เทอร์เรอร์) และเรื่องของค่าหัว (ค่าตัว) ของพริน
“เฮ้อ…” หลังจากตกอยู่ในภวังค์คิดเสียนาน ผมก็
ถอนหายใจออกมา “คิดไปคิดมาก็ไปติดอยู่ที่สถาน
ทูตเอลเดียแฮะ”
“หมายความว่าไงคะ?” ฮิมุโระถาม
“ข้อมูลน้อยไป” ผมตอบ “โดยเฉพาะข้อมูลของนาย
มิโดนั่น”
ลางสังหรณ์ของนักสืบของผมบอกว่า นายมิโดคนนี้
ต้องมีบทบาทสำคัญไม่ทางใดก็ทางหนึ่งแน่นอน
“ที่จริง เรื่องที่เราพอจะทำได้ตอนนี้นะฮะ ก็มี…” ผม
พูดต่อ “ไปดูที่ห้องผอ. โรงเรียนคุณ ตามที่เราตกลง
กันไว้เมื่อคืนนี้ แต่ว่า…” ผมพูดแล้วมองหน้าหญิง
สาวตรงหน้าด้วยสายตาออดอ้อน “ผมอยากได้ข้อ
มูลเกี่ยวกับนายมิโดให้มากกว่านี้สักหน่อย ผมรู้สึก
ว่าเจ้าคนนี้ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรที่ไม่ธรรมดาที
เดียวกับคดีพวกนี้ แต่ข้อมูลเราน้อยเหลือเกิน รู้
แต่ว่าเขาเป็นทูตของเอลเดียเท่านั้นเอง … นะ คุณ
ว่างั้นไหม ฮิ-มุ-โระ” สุดท้ายทอดเสียงยาว
“อะ…อะไรเหรอ อย่ามองอย่างนี้ เห็นแล้วสยอง” ฮิ
มุโระทำหน้าพะอืดพะอม
“ได้ข่าวว่า ฐานข้อมูลของหน่วยงานตำรวจนี่สุด
ยอดเลยไม่ใช่เหรอฮะ”
“ก็…ใช่ แต่มันก็ขึ้นกับว่า เป็นฐานข้อมูลของหน่วย
งานไหนนะ มันมีทั้งฐานข้อมูลอาชญากรรมของ
กรมตำรวจ, ฐานข้อมูลเกี่ยวกับความมั่นคงของ
ชาติของสำนักงานตำรวจสันติบาล” เจ้าพนักงาน
สาวสาธยายให้ฟังช้า ๆ “ที่ฉันพูดนี่ เพราะคิดว่าคุณ
ก็คงรู้อยู่แล้วนะคะ ไม่งั้นฉันไม่พูดเรื่องอย่างนี้ให้
ประชาชนอย่างคุณฟังหรอก”
“อ้อ ความลับทางราชการ” ผมพูดเชิงประชด เรียก
เสียง “ฮึ” ในลำคอของสาวที่อยู่ตรงหน้า แต่อย่างไร
ก็ตาม ผมก็ถามต่อ “แล้วคุณสามารถเปิดค้นดูเจ้า
ฐานข้อมูลของสันติบาลที่ว่านั่นได้ไหมละฮะ”
ฮิมุโระเป็นเจ้าหน้าที่ของหน่วยตรวจสอบสถานการ
ศึกษา ซึ่งเป็นหน่วยงานทดลองตั้งขึ้นใหม่ อยู่สังกัด
สำนักงานตำรวจสันติบาล
“ก็… ที่จริงเจ้าหน้าที่ระดับล่างอย่างฉันไม่มีสิทธิ์ใช้
ฐานข้อมูลนั่นโดยตรงหรอกนะ แต่ฉันเคยเห็นเจ้า
นายฉันใช้ฐานข้อมูลนั่นอยู่ทีนึง” หญิงสาวตอบ
“แล้ว เพราะอะไรก็ไม่รู้ ฉันรู้พาสเวิร์ดของเจ้านาย
ฉันด้วย”
“โอ้โฮ ยอดไปเลย ฮิมุโระเนี่ย” ผมแกล้งชม ตาเป็น
ประกาย
“อย่าบอกนะว่า…” สาวตรงหน้าตอบ นัยน์ตาแสดง
ความหวาดระแวง ไม่เลว หัวไวไม่ใช่เล่นเหมือนกัน
แต่ต่อให้ฝ่ายตรงข้ามรู้ตัว ผมก็ยังคงจะรุกต่ออยู่ดี
แหละครับ ไม่งั้นก็ไม่ใช่ผมสิ
“ฮี้-มู-โหร่-----” ผมอ้อนต่อ
“บะ…บ้าเหรอ ถ้าถูกจับได้ มีหวัง…เสร็จแน่เลยนะ
ฉันโดนไล่ออกแน่เลย”
“ฮี—มู---โร---- เราเป็นคู่หูกันไม่ใช่เหยอ----“
“…”
“ฮิ – มุ – โระ”
“รุ… รู้แล้ว เอาก็เอา พอใจแล้วใช่ไหม” ฮิมุโระยอม
แพ้ แต่ก็ไม่วายบ่นกระปอดกระแปด “พระเจ้า ช่วย
ด้วยเถอะ ผีสางตนไหนเข้าสิงฉันแล้วเนี่ย”
…
back index next