EVE Burst Error
ภาค โคะจิโร่
วันที่ 6 ธันวาคม ค.ศ. 19xx

เงื่อนปมใหม่


“บ้าจริง ไปซ่อนที่อื่นซิ” ฮิมุโระหันมาทำตาเขียว
เพราะผมเข้าไปเบียดหล่อนอย่างเนื้อแนบเนื้อที
เดียว
“ไม่ทันแล้ว ชู่ว์วว”
เสียงเปิดประตูดังแอ๊ด แล้วมีเสียงฝีเท้าเดินเข้ามา
ผมกะประมาณว่ามีสองคน
“…” เสียงคนหนึ่งในสองอาคันตุกะ พูดว่าอะไรฟัง
ไม่ถนัด แต่ฟังรู้ว่าเป็นผู้ชาย
“ไม่พบค่ะ เมื่อกี้เราหาทุกซอกทุกมุมในห้องนี้แล้วนี่
คะ เจ้านาย จะดูอีกทีไหมคะ?” อีกเสียงหนึ่งตอบ
มา เป็นเสียงผู้หญิง ผมใจหายวาบทันที รวมทั้ง
หญิงสาวที่นั่งเบียดกับผมอยู่ด้วย ที่ตัวเกร็งขึ้นจน
ผมรู้สึกได้
“อืมห์ ช่วยไม่ได้ เจ้านั่นมันใจเด็ดกว่าที่เราคิดกัน
จริง ๆ ขนาดวาระสุดท้ายแล้วมันยังไม่ยอมปริปาก
บอกเลย”
“…”
คราวนี้ผมขนลุกซู่ เพราะจำได้ว่า เสียงผู้ชายนี้ คือ
เสียงของนายโคตัวปลอมนั่นเอง
“จึ๋ง ๆ” ผมเอื้อมมือไปสะกิดเอวฮิมุโระ
“อะไร” สาวหันมาทำตาเขียวใส่ผมอีก เอ่ยเสียงเบา
จนแทบไม่ได้ยิน
ผมทำปากบอกเจ้าหล่อนว่า “โคตัวปลอม”
“เหรอ” ฝ่ายนั้นทำปากในทำนองนั้นกลับมา แล้ว
เลิกคิ้วพลางเบ้ปากไปทางต้นเสียงทั้งสองคนเป็น
เชิงถามผม
ผมไม่ตอบ แต่ยกนิ้วชี้ขึ้นจรดริมฝีปากเป็นสัญญาน
ว่า รอดูท่าทีไปก่อน
“แล้วผู้หญิงคนนั้นล่ะ” เสียงเจ้าหมูตอนดังขึ้นมา
จากทางประตู คงจะตัดใจไม่ค้นหา ‘อะไร’ บาง
อย่างในห้องนี้แล้ว และกำลังเตรียมที่จะออกไป
จากห้อง
“ป่านนี้คงจะอ่อนปวกเปียกทั้งกายทั้งใจแล้วล่ะค่ะ
นี่ก็ผ่านมาหลายชั่วโมงแล้ว”
“หึหึหึ” เสียงฝ่ายชายหัวเราะอย่างซาดิสม์ “ที่จริงก็
คงไม่มีอะไรที่ต้อง ‘รีด’ จากแม่นั่นแล้วล่ะนะ”
คำสนทนาของทั้งสองจบเพียงนี้ มีเสียงเปิดประตู
และเสียงเดินออกจากห้องไป ตามด้วยเสียงปิด
ประตูโดยก่อนปิดมีการกดปุ่มล็อคห้องจากภายใน
ก่อน จากพฤติกรรมทั้งหมดนี้แสดงว่าที่ห้องเปิดอยู่
เมื่อกี้เป็นฝีมือของสองคนนี้นั่นเอง ผมนึกดีใจที่เมื่อ
ครู่ตอนเข้ามา ไม่ได้กดล็อคประตูไว้ คงปล่อยให้มัน
เปิดได้ตามเดิม มิฉะนั้นสองคนนี่ต้องผิดสังเกตแน่
ฮิมุโระแอบยื่นหน้าออกพ้นขอบโต๊ะอย่าง
ระมัดระวังในจังหวะที่ประตูกำลังจะปิดลง ผมเห็น
ดังนั้นจึงถามขึ้น
“เป็นไงบ้าง”
“ไปแล้วค่ะ เป็นผู้ชายอ้วนคนนึง อีกคนเป็นผู้หญิง
สวมชุดกี่เพ้าค่ะ ลักษณะเป็นคนเอเชียตะวันออก”
ฮิมุโระตอบเสียงเบา พลางขยับตัวดันผมให้ถอย
ห่างออกจากตัวหล่อน และลุกขึ้นยืนอย่าง
ระมัดระวัง
ผมยืนขึ้นบ้าง แล้วกระซิบบอกหล่อนอย่างรวดเร็ว
“ตามไปเร็ว”
พลางเผ่นแน่บไปที่ประตู หญิงสาวรีบตามมา แล้ว
ขยุ้มเสื้อด้านหลังผมไว้ก่อนที่ผมจะเปิดประตู
“เดี๋ยวซี่ ถ้าเปิดไปแล้วจ๊ะเอ๋กับพวกมันเข้าพอดีล่ะ”
“ก็สนุกดิ๊” ผมตอบแล้วเอื้อมมือไปเปิดประตู
“บรื้น ๆ ๆ” เสียงรถยนต์กำลังออกตัวดังเข้ามา
กระทบโสตประสาทผม ขณะที่ผมกำลังแทรกตัว
ผ่านช่องว่างของประตูที่แง้มเปิด
ผมมองไปทางต้นเสียงทันที และก็เห็นรถยุโรปคัน
ใหญ่ กำลังวิ่งพ้นประตูโรงเรียนออกไป ถึงแม้จะ
มองเห็นคนที่อยู่ในรถนั้นไม่ถนัดก็ตาม แต่ผมก็คาด
ว่าคงเป็นคณะของเจ้าหมูตอนนั่นเอง เป็นไปได้ว่ามี
พวกอีกคนหนึ่งขับรถมารับ และพวกนั้นก็กำลังจะ
เดินทางไปที่ไหนสักแห่ง
ผมรีบวิ่งตามรถคันนั้นไปทันที ได้ยินเสียงของฮิมุ
โระร้องโวยวายให้รอ และวิ่งตามหลังมาอยู่ แต่ใน
ตอนนี้ สิ่งที่ผมกำลังมุ่งมั่นอยู่คือ ต้องการทราบให้
ได้ว่า เจ้าหมูตอนนั่นกำลังจะไปไหน ปะเหมาะอาจ
จะได้เบาะแสในการตามตัวเจ้าหมอนี่ก็ได้ นี่เป็น
สายใยในการทำลายคดีต่อเนื่องที่พัวพันอยู่รอบ ๆ
ตัวผมนี้อีกสายหนึ่ง ที่ผมพบโดยไม่คาดฝันและจะ
ปล่อยให้มันหลุดมือไปไม่ได้
…
ผมวิ่งตามรถนั้นห่าง ๆ และทุกครั้งที่เห็นมันเลี้ยว
เปลี่ยนทิศทางลับสายตาผมไป ผมก็ต้องภาวนาใน
ใจให้รถยังไม่ไปไกลเกินสายตาผมเมื่อผมวิ่งตามไป
ถึงมุมถนนนั้น
อย่างไรก็ตาม โชคดีที่รถนั้นวิ่งไปไกลนัก และผมก็
ได้เห็นอยู่ห่าง ๆ ว่า รถแล่นผ่านประตูใหญ่ของ
สถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งผมยังไม่เคยเห็นเจ้าประตูนี่เปิด
เลยในความทรงจำของผม แต่รถคันนี้กลับวิ่งเข้าไป
ในสถานที่แห่งนั้นอย่างสง่าผ่าเผย ผมหยุดวิ่งตาม
เมื่อตระหนักว่า สถานที่แห่งนั้นคือ
‘สถานทูตเอลเดีย!!!’
ไม่ผิดแน่นอน ดูกี่ทีกี่ที ที่นั่นก็คือสถานทูตเอลเดียที่
ผมเคยมาป้วนเปี้ยนและเคยแม้กระทั่งเข้าไปล้วง
คองูเห่ามาแล้วนั่นเอง
หมายความว่า เจ้าโคตัวปลอมนั่นเป็นคนของสถาน
ทูตอย่างนั้นหรือ หรือว่า มันเป็นพวกเดียวกับนายมิ
โด
ถึงตอนนี้ผมนึกถึงเหตุการณ์เล็กน้อย อีกเรื่องหนึ่ง
ขึ้นมาได้ว่า คุณครูสาวซิเรียก็เคยเดินเข้าไปใน
สถานทูตนี้ และในตอนนี้ผมรู้แล้วด้วยว่า เจ้าหล่อน
เป็นคนของหน่วยข่าวกรองเก่าของเอลเดีย และเจ้า
มิโดนี่ก็เป็นอดีตหัวหน้าหน่วยข่าวกรองเก่าด้วย
‘มิโด-ซิเรีย-โคตัวปลอม-หน่วยข่าวกรองเก่าเอลเดีย’
ผมคิดทวนในใจ พลางหนักใจขึ้นมาตะหงิด ๆ นี่มิ
หมายความว่า นายโคตัวปลอมนั่นก็เป็นพวกนายมิ
โดด้วยอย่างนั้นหรือ
แล้ว…. ยังมีอีกเรื่อง… พรินยังอยู่ในนั้น!!! หรือ
อย่างน้อยก็คือ อาจจะตกอยู่ในเงื้อมมือของฝ่ายนั้น
มิฉะนั้นแล้วเสื้อของแกที่ยืมไปจากผมจะไปอยู่ใน
สถานทูตนั่นได้อย่างไร
‘จากที่ซิเรียเผยให้เราฟัง พรินเป็นนางกำนัลในวัง
และมาญี่ปุ่นเพื่อมาติดต่อกับนายโค (แน่นอนว่า
หมายถึงโคตัวจริง แต่แล้วตอนนี้พรินกลับอยู่ใน
เงื้อมมือของพวกหน่วยข่าวกรองเก่าของเอลเดีย
และมีความเป็นไปได้สูงมากด้วยที่ นายโคตัวปลอม
ก็อาจจะเป็นคนของหน่วยข่าวกรองเก่าเอลเดีย
ด้วย’ ผมพยายามปะติดปะต่อข้อมูลที่ได้รับเข้าด้วย
กัน นี่ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ แล้วนะนี่ พรินกำลังตกอยู่ใน
อันตราย!!! ซึ่งความจริง ผมก็คิดถึงประเด็นนี้ตั้งแต่
ตอนที่เห็นเบาะแสของแกในสถานทูตแล้ว เพียงแต่
ยังไม่มีปัญญาที่จะทำอะไรได้ แต่มาถึงตอนนี้ยิ่งทำ
ให้ผมร้อนใจมากขึ้น
มองไปที่สถานทูตอีกครั้งหนึ่ง ประตูใหญ่ซึ่งเปิดรับ
รถของนายโคตัวปลอมนั้นปิดสนิทเข้าหากันตั้งนาน
แล้ว รั้วสูงใหญ่รอบ ๆ สถานทูตและบรรยากาศที่
ล้อมรอบทำให้รู้สึกถึงได้ความไม่เป็นมิตร และการ
ไม่ยินดีต้อนรับผู้บุกรุก ชนิดที่ว่าใครลองแหยมเข้า
ไปเป็นได้เรื่องแน่ ๆ นึกแล้วก็กลุ้มใจ ในใจผมอยาก
จะลองบุกเข้าไปตอนนี้เลยด้วยซ้ำ เพื่อดูสิว่า เด็ก
สาวที่ผมถูกชะตา (หรือแพ้ทางหว่า เพราะเวลาอยู่
ด้วยกันผมเป็นฝ่ายยอมเออออตามเจ้าหล่อนอยู่
เรื่อย) เป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง
“โคะจิโร่!” เสียงคุ้นหูทักผมขึ้นจากด้านหลัง
“ฮิมุโระเหรอ” ผมตอบโดยไม่หันไป อีกฝ่ายหนึ่งเป็น
ฝ่ายเดินอ้อมตัวผมมาหยุดตรงหน้าผมเอง
“ตามหาแทบแย่แน่ะ บ้าจริง บทจะวิ่งก็วิ่งออกมา
เลยคุณนี่”
“โทษที”
“…” ฮิมุโระย่นคิ้วนิดหนึ่ง จ้องตาผมเขม็งก่อนที่จะ
เอ่ยว่า “เป็นอะไรไป จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไร
เลยนะคะ”
“อืมห์” ผมชั่งใจนิดหนึ่ง ก่อนที่จะตัดสินใจเล่าข้อ
มูลใหม่ล่าสุดนี้ให้สาวฟัง พร้อมกับสิ่งที่ผมกำลังคิด
อยู่นี้ เพราะเชื่อว่าปิดบังไปก็ไม่อยู่
“…” ฮิมุโระเม้มปากแน่น สายตาไม่ยอมละไปจาก
หน้าผม และในที่สุดก็พูดขึ้นว่า “คุณคงไม่คิดจะบุก
เข้าไปตอนนี้หรอกใช่ไหมคะ ถ้าคุณทำอย่างนั้นละ
ก็… ขอโทษนะที่ต้องบอกว่า โง่สิ้นดีเลย และฉันคง
จะไม่ขอร่วมมือกับคุณอีก”
“ฮะ ฮะ” ผมเสหัวเราะ “ผมยังไม่บ้าถึงขนาดนั้น
หรอกครับ ไม่ต้องห่วง เฮ้อ!”
สุดท้ายผมถอนหายใจด้วยความสุดกลั้น นี่ไม่มี
อะไรที่ผมจะทำได้ในตอนนี้เลยหรือนี่ ทำไมทุก
อย่างต้องไปติดขัดที่คำว่า ‘สถานทูตเอลเดีย’ ด้วย
นะ
“ใจเย็น ๆ สิ พอเป็นเรื่องของพรินนี่เป็นเดือดเป็น
ร้อนเชียวนะคุณ ไหนว่ามีแฟนแล้วไง”
“หือ ใครมีแฟนแล้ว พรินเหรอ” ผมทำหน้าเลิ่กลั่ก
“บ้าสิ คุณนั่นแหละย่ะ” ฮิมุโระตวาดแหว แต่แล้วก็
ยิ้มออก “ฮึ! ตั้งสติได้ก็ออกลวดลายเชียวนะ”
“ฮี่ ๆ” ผมหัวเราะแบบกวน ๆ มองไปรอบ ๆ ตัว
สัมผัสกับบรรยากาศยามเย็นบนฟุตบาทของถนนที่
ทอดยาวไปสู่สถานทูตเอลเดีย แล้วก็พูดขึ้นว่า
“ผมขอกลับไปตั้งหลักที่สำนักงานของผมอีกทีละ
กันครับ แต่ยังไง ก็คงต้องดูความเคลื่อนไหวของ
‘สถานทูตเอลเดีย’ ไปก่อน คุณมีธุระอะไรรึเปล่า
ครับ”
“ถ้างั้น เราแยกกันตรงนี้ก่อนนะคะ ฉันมีอะไรบาง
อย่างต้องทำเหมือนกัน”
…
เป็นอันว่าเราสองคนแยกย้ายกันตรงนั้น ผมรีบตรง
ดิ่งกลับมายังสำนักงานนักสืบเอกชนอะมะกิ เพื่อ
ตรวจดูว่ามีอะไรผิดปกติในนั้นบ้าง และก็พบว่า ไม่
มีสิ่งปกติใดนอกเสียจากว่า กล้องถ่ายรูปของยัยอะ
คะเนะที่มาวางลืมไว้เมื่อคืนนั้น อันตรธานไปจาก
โต๊ะเอนกประสงค์แล้ว และพรินท์เอาท์ที่พิมพ์เนื้อ
หาของล็อกไฟล์ที่ฮิมุโระไปเจาะข้อมูลจากสันติบาล
มา ถูกย้ายไปซ่อนอยู่ในตู้เอกสารอย่างเรียบร้อย
อย่างแรก คงจะเป็นเจ้าตัวนั่นเองที่มาเอาของของ
ตัวกลับไป แต่อย่างหลังนี่สิ ผมอดเสียวสันหลังวาบ
ไม่ได้ นึกตำหนิตัวเองที่เลินเล่อ ไม่เก็บของอันตราย
อย่างนี้ให้ดีเสียก่อนที่ออกจากที่นี่ไป แต่จะว่าไปก็
ต้องโทษเจ้าหมูตอนนั่นแหละครับ เพราะโทรศัพท์
บ้านั่นแท้ ๆ เชียวที่ทำให้ผมรีบออกไป ว่าแต่… ใคร
กันนะที่มาพบเห็นเจ้าเอกสารลับนี่ แล้วยังอุตส่าห์
เก็บซ่อนให้มิดชิดด้วยแบบนี้?
…
back index next