EVE Burst Error
ภาค โคะจิโร่
วันที่ 6 ธันวาคม ค.ศ. 19xx
(กลางคืน)

เค้าพายุใหญ่


ช่วงเย็นนั้น ผมใช้เวลาไปเดินเตร็จเตร่ในย่านเซ็น
ทรัลอะเวนู แต่จุดมุ่งหมายใหญ่ก็คือ ไปหายะโยยที่
สำนักงานของเธอ
“มาทำไม” รู้สึกว่าคำถามนี้ กลายเป็นคำทักทายที่
ยะโยยใช้กับผมไปซะแล้ว ทุกครั้งที่ผมมาเยือน
สำนักงานแห่งนี้
“มาไม่ได้เหรอจ๊ะ”
“ฮึ ว่างนักเหรอ นี่ถ้าแกมาช้ากว่านี้หน่อยฉันจะ
กลับบ้านแล้วนะ”
“โอ้โฮ วันนี้กลับเร็วเชียวแฮะ” ผมลองแหย่เธอดู
“ไม่มีงานนี่ ช่วยไม่ได้” ยะโยยพูดเสียงเรียบ พลาง
ยักไหล่ อืมห์ ถ้าลงอาการอย่างนี้ก็ยังไม่น่าห่วงเท่า
ไร ว่าแต่หายโกรธเรื่องเมื่อเช้ารึยังหว่า ผมคิดในใจ
และเตรียมจะขอตัว ยะโยยก็พูดขึ้นอย่างนึกได้ว่า
“เออ เจอยัยมะรินะรึยัง”
“โฮโจ มะรินะ พนักงานสืบสวนชั้นหนึ่งแห่งสืบราช
การลับญี่ปุ่นนี่นะ” ผมย้อนถาม
“…” ยะโยยมองผมเขม็ง พลางย่นคิ้วเข้าหากัน
อย่างใช้ความคิด ผมเสียวสันหลังวาบ นึกในใจว่า
พลาดเข้าให้เสียแล้ว แต่แล้วอดีต (?) คนรักของผม
ก็ยักไหล่อย่างที่เธอมักชอบทำเวลาคิดจนได้ข้อสรุป
อะไรที่เธอเห็นว่าเธอไม่อยู่ในสถานะที่จะทำอะไรได้
“แกแกว่งเท้าหาเสี้ยนอีกแล้วสิท่า” เธอพูดทิ้งท้ายไว้
แค่นั้น ก่อนที่จะเดินลิ่วไปที่ประตูสำนักงาน ทำให้
ผมต้องรีบเดินตามออกมาด้วย
สุดท้ายแล้ว ผมก็แยกกับยะโยยที่หน้าอาคารสำนัก
งานแห่งนั้นเอง ยะโยยเงียบไปโดยไม่ยอมพูดจากับ
ผมอีกเลย ผมเองก็มี ‘คดีเก่า’ ติดค้างอยู่กับเธอ
หลายคดีซะด้วย เลยพูดอะไรไม่ออกเหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม ความรู้ใหม่ที่ผมได้ก็คือ ขณะนี้โฮโจ
มะรินะ นางสิงห์ร้ายแห่งหน่วยสืบราชการลับญี่ปุ่น
กำลังพยายามติดต่อกับผมอยู่ จะด้วยเรื่องอะไรก็
แล้วแต่เถิด ผมนึกถึงข้อมูลเกี่ยวกับยัยโฮโจคนนี้
เท่าที่ผมทราบมา แล้วก็ขบประเด็นไม่ตกเสียทีว่า
เจ้าหล่อนต้องการคอนแท็กกับผมด้วยเรื่องใดกัน
แน่
‘อย่างน้อยก็หวังว่ายัยนั่นจะไม่ใช่ศัตรูนะ’ ผมนึกใน
ใจ สถิติการทำงานของหล่อนไม่ใช่ฝีมือระดับ
ธรรมดาเลย ถ้าผันตัวไปเป็นฝ่ายตรงข้ามกับผมละ
ก็เป็นเรื่องที่น่ากลัวมากทีเดียว
‘แต่ดูเหมือนโอกาสจะสูงแฮะ ที่ยัยนั่นจะอยู่ฝ่าย
ตรงข้ามกับเรา’ ผมนึกไปถึงข้อมูลที่ว่า โฮโจ มะรินะ
เคยเป็นองค์รักษ์อารักขาบุตรีของทูตเอลเดีย นายมิ
โดมาก่อน รวมทั้งเหตุการณ์ที่หล่อนเคยร่วมมือกับ
มิโดแสดงละครตบตาผม เมื่อตอนที่ผมลอบติด
เครื่องดักฟังที่สถานทูตเอลเดียด้วย
…
ผมเดินเข้าโกดังที่ใช้เป็นสำนักงานของตัวเอง เพื่อที่
จะพบว่า มีข้อความทิ้งไว้ในเครื่องตอบรับโทรศัพท์
อัตโนมัติ
“โคะจิโร่ หายไปไหน รีบมาที่จุดนัดพบเร็วเข้า เพื่อน
ของเรามากันเยอะแล้วนะ”
เสียงแหลม ๆ ของฮิมุโระ เคียวโกะดังขึ้นจากเทปที่
อัดไว้ เมื่อผมกดปุ่มเพื่อฟังข้อความในเครื่อง ข้อ
ความดังกล่าวฟังดูเหมือนกับเพื่อนโทรฯ มาตามตัว
เพื่อนที่ผิดนัดกันธรรมดา แต่ผมคิดสักหน่อยก็
ทราบว่า สาวเจ้าหมายถึงอะไร
‘มีความเคลื่อนไหวที่สถานทูตเอลเดีย!’
นั่นคือสิ่งที่ฮิมุโระต้องการสื่อถึงผม
จากเวลาที่กำกับไว้ท้ายข้อความทำให้ผมทราบว่า
เจ้าพนักงานสาวคนนี้เพิ่งโทรฯ มาเมื่อสองสามนาที
นี้เอง ผมไม่รอช้า รีบเดินทางไปยัง ‘จุดนัดพบ’ ทันที
…
“…” ไม่ต้องรอให้ฮิมุโระเอ่ยปากบอกอะไร ผมก็
สัมผัสได้ถึง ‘บรรยากาศผิดปกติ’ รอบ ๆ สถานทูต
ตอนนี้ผมกับฮิมุโระอยู่ที่หัวมุมถนนก่อนที่จะถึง
สถานทูตเอลเดีย โดยเราสองคนซุ่มตัวอยู่ในเงามืด
ซึ่งไฟถนนส่องมาไม่ถึง พลางกวาดสายตาไปรอบ
บริเวณพร้อมกับเงี่ยหูฟังไปด้วย
“หาตัวให้เจอ เร็วเข้า”
“หายไปตั้งแต่เมื่อไหร่นะ พวกแกไม่มีใครรู้เห็นเลย
เรอะ!”
“… (ฟังไม่ถนัด) แค่คนเดียวให้รอดสายตาไปได้ยัง
ไง!!!”
“แบ่งคนออกไป ทางนั้น …(ฟังไม่ถนัด คงเป็นชื่อ
คน) ไปทางนี้…”
“…”
ทิ้งระยะไปสองสามอึดใจ สรรพเสียงรอบ ๆ ก็เงียบ
หายไป พร้อมกับร่องรอยคนจำนวนหลายสิบคนที่
หายไปจากบริเวณหน้าสถานทูต
ผมกับฮิมุโระหันมาสบตากันในเงามืด ผู้มาถึงก่อน
ทำลายความเงียบขึ้นว่า
“ตอนที่ฉันมาทีแรก แค่เห็นพวก ’สูทดำ’ วิ่งเข้าวิ่ง
ออกสถานทูตเท่านั้นเองค่ะ พอฉันไปโทรศัพท์บอก
คุณกลับมาได้สักพักก็เป็นอย่างที่เห็นนี่แหละ”
“อืมห์ ท่าทีเหมือนกับกำลังตามตัวใครอยู่นะฮะ”
ผมลองคาดการณ์ดู “ไม่สิ ต้องเรียกว่า กำลัง ‘ตาม
ล่า’ ตัวใครอยู่ต่างหาก”
“ตามล่าใครเหรอคะ?”
“อ้าว! แล้วกัน ถามผมแล้วผมจะไปทราบได้ยังไง
ละครับ” ผมตอบ ในใจก็ประหวัดนึกถึงเด็กสาวชาว
เอลเดีย ผู้มีลักษณะพิเศษคนนั้น แต่แล้วก็รีบสลัด
ความคิดนั้นทิ้งไป “แต่… ช่างเถอะ พวกเขาจะ
กำลังตามใครอยู่ก็ช่าง …”
ผมพูดไม่ทันจบประโยคก็ขยับตัวทำท่าจะออกเดิน
ฮิมุโระดูเหมือนจะตามทันความคิดของผม เธอรีบ
ฉุดแขนผมไว้ทันที
“บ้าเหรอ” สาวเอ็ดมาเสียงแหว “อย่าบอกนะว่าคุณ
จะลอบเข้าไปใน…”
“แม่นแล้ว” ผมตอบ ยื่นมือไปแกะมือหญิงสาวออก
จากแขนผมอย่างสุภาพ แล้วบีบมือนั้นเบา ๆ ก่อน
ปล่อย และบอกว่า “คุณไม่ต้องตามมาหรอกนะ
อันตราย ถ้าเกิดอะไรขึ้นก็รีบหนีไปซะ”
“คุณจะบ้าไปจริง ๆ เหรอ!” ผมไม่ต้องใช้ความ
สังเกตเลย ก็รู้ได้ว่าหญิงสาวทำตาโตเท่าไข่ห่านแน่
ๆ ในความมืดนี้
“โอกาสอย่างนี้หาไม่ได้แล้วนะครับ ลาก่อนครับคุณ
ฮิมุโระ”
ผมไม่รอฟังคำทัดทานอีก รีบวิ่งลัดเลาะตามเงามืด
ของต้นไม้ริมทาง ตรงดิ่งไปที่ประตูสถานทูตซึ่งเปิด
อ้าซ่าอยู่ทันที พลางใช้ประสาทสัมผัสทุกส่วนจับ
ความเคลื่อนไหวรอบด้าน สัมผัสทั้งหกที่ถูกฝึกมา
อย่างดีแล้วของผมนี้ก็บอกผมว่า ตอนนี้ ปลอดคน
ไม่มีใครอยู่บริเวณนี้เลยสักคนเดียว แสดงว่า ใครก็
ตามที่เป็นเป้าหมายการ ‘ตามล่า’ ของคนในสถาน
ทูตในครั้งนี้ต้องเป็นคนที่มีความสลักสำคัญพอสม
ควร เพียงพอที่จะทำให้พวกนั้นแตกตื่นจนทำงาน
หละหลวมขนาดนี้
ผมผ่านประตูสถานทูตเข้าไปภายในได้อย่างสะดวก
โยธิน พลางใช้ประสบการณ์จากที่ผมเคยเข้ามาที่นี้
แล้วครั้งหนึ่ง เมื่อตอนกลางวันพาตัวเองตรงไปที่ตึก
ที่ทำการของสถานทูตที่ผมไปเผชิญหน้ากับนายมิ
โดอย่างจัง ๆ มาแล้วครั้งหนึ่ง
“หือ?” ผมชะงัก สปริงตัวหลบไปเข้าเงามืดข้างทาง
ก่อนที่จะพบว่า ใครบางคนที่กำลังวิ่งตรงเข้ามานั้น
คือ…
“โคะจิโร่!”
ฮิมุโระนั่นเอง ผมรีบฉุดมือเธอเข้ามาแอบในเงามืด
ด้วยกันก่อนที่จะดุขึ้นเบา ๆ ว่า
“อ้าว! ตามมาทำไม เป็นตำรวจมาทำแบบนี้ซะเอง
ไม่ดีนะ”
“ฉันก็จะตามมาดูแลคุณ ไม่ให้ทำอะไรเกินเลยไป
ไง” หญิงสาวตอบมาเสียงดุเหมือนกัน “คนบ้าอะไร
ก็ไม่รู้ พูดห้ามก็ไม่ฟัง”
“ฮะฮะ ตกลงว่าคุณจะช่วยผมด้วยใช่ไหม”
“บอกแล้วไง ฉันตามมาคอยกำกับไม่ให้คุณทำอะไร
ที่ผิด…มากกว่านี้” หญิงสาวไม่วายวางเชิง คงเป็น
เพราะเลือดของผู้พิทักษ์กฎหมายที่ไหลพล่านในตัว
เธอนั่นเองแต่ตอนท้ายก็เสียงอ่อยลง “บอกเป้า
หมายคุณมา เรารีบช่วยกันทำแล้วรีบ ๆ กลับออก
ไปเถอะ”
“ตกลง” ผมตัดสินใจทันที “คงทำอะไรไม่ได้มาก
หรอกฮะ เช็คดูให้แน่ใจว่า พรินอยู่ในนี้รึเปล่า ถ้าอยู่
และช่วยได้ก็ช่วยออกไป”
“ฉันว่าแล้ว” หญิงสาวทำสีหน้าระอา แต่แล้วก็รับ
ปากโดยดี “ตกลง”
ผมวิ่งนำเธอเข้าไปในอาคารใหญ่ของสถานทูตทันที
แล้วหยุดกึกที่ห้องโถงใหญ่ชั้นล่าง
“ทางซ้ายนี่ ตอนกลางวันผมไปมาแล้ว เป็นห้อง
ออฟฟิศ… ห้องนายมิโดก็อยู่ทางนั้น ผมไปทางนี้
เองละกัน คุณช่วยไปทางขวาได้ไหมครับ”
“ค่ะ” หญิงสาวรับคำทันที คงเห็นด้วยกับผมว่า ให้
ผมไปค้นทางที่ผมเคยไปแล้วจะดีกว่า
“อีกสิบห้านาทีเจอกัน ไม่ว่าจะเจอหรือไม่เจออะไรก็
ตาม ตกลงนะครับ”
ใจจริงผมอยากจะอยู่นานกว่านี้ และค้นชั้นสอง-
สาม-สี่ให้หมดด้วยซ้ำ แต่คงต้องทำใจแหละครับ
ยิ่งอยู่นานก็ยิ่งเสี่ยงต่อการถูกจับได้ พวกที่วิ่งออก
ไปข้างนอกนั้นจะกลับมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้
เจ้าพนักงานสาวซึ่งวันนี้ทำผิดกฎหมายเสียเองเป็น
ครั้งที่เท่าไรก็ไม่รู้แล้ว ไม่ตอบอะไรแต่วิ่งตรงไปตาม
ทางที่ผมบอกทันที ผมเห็นดังนั้นก็ไม่รอช้า ตรงไป
ตามระเบียงทางปีกซ้ายบ้าง
จากที่ผมได้เข้ามาดูลาดเลาแล้วหนึ่งครั้ง เมื่อตอน
กลางวัน ทำให้ผมทราบว่า บริเวณนี้จะเป็นโซนของ
ห้องทำงานเสียเป็นส่วนมาก ซึ่งเป้าหมายใหญ่ของ
ผมในการเข้ามา ‘ค้น’ ในครั้งนี้ ก็คงอยู่ที่ห้องทำงาน
ของนายมิโดเป็นหลักนั่นเอง และมีห้องที่อยู่เลย
จากห้องนายมิโดอีกสองสามห้อง ซึ่งเมื่อตอนกลาง
วันผมไม่สามารถสังเกตการณ์ได้ว่าเป็นห้องอะไร
ผมย่องเลยผ่านห้องนายมิโดไปก่อนเพื่อดูห้องที่น่า
สงสัยสองห้องดังกล่าว เพียงเพื่อจะพบว่าเป็นห้อง
พักผ่อนและห้องประชุมธรรมดา ไม่มีอะไรน่าสงสัย
เนื่องจากเวลามีจำกัด ผมจึงตัดใจย้อนกลับไปที่
ห้องนายมิโด
โชคดี หรืออะไรก็สุดเดา ห้องดังกล่าวเปิดอยู่ ไม่ได้
ล็อคกุญแจ ผมไม่อยากคิดว่านายมิโดสะเพร่า แต่ก็
ไม่อยากคิดเหมือนกันว่านี่เป็นกับดัก อย่างไรก็ตาม
มาถึงตอนนี้ผมไม่มีทางเลือกเหลืออีกแล้ว ถ้าลงทุน
บุกเข้าถ้ำเสือในครั้งนี้แล้ว ยังไงก็ต้องขอลูกเสือติด
ไม้ติดมือออกไปบ้างล่ะครับ
back index next