EVE Burst Error
ภาค โคะจิโร่
วันที่ 6 ธันวาคม ค.ศ. 19xx
(กลางคืน)

พบกันอีกครั้ง


"ขอโทษทีนะ ที่ฉันไม่มีเสื้อผ้าให้คุณเปลี่ยน"
"ไม่เป็นไรครับ" ผมตอบ "คุณนอนซะเถอะ วันนี้
เหนื่อยมามากแล้ว เจอเรื่องร้าย ๆ มาทั้งวัน"
"รวมทั้งเรื่อง 'เมื่อกี้' ด้วยใช่ไหมคะ?" ฮิมุโระถาม
ยิ้ม ๆ
"แหะ ๆ" ผมเสหัวเราะ "แหม เมื่อกี้เรื่องออกจะ 'ดี๊ดี'
ทำไมว่าเป็นเรื่องร้ายละฮะ"
"ไม่รุไม่ชิ"
ตอนนี้ ผมกำลังยืนอยู่บริเวณชั้นวางรองเท้าก่อนถึง
ประตูห้องของฮิมุโระ โดยผมสวมเสื้อผ้าชุดเดิมซึ่ง
ยังชื้น ๆ อยู่ และเตรียมจะร่ำลาเจ้าของสถานที่ เพื่อ
กลับไปยังสำนักงานของตนเอง ส่วนฮิมุโระอยู่ในชุด
ลำลองและเจ้าหล่อนบอกว่าจะเข้านอนแล้ว ท่า
ทางของเธอสบายใจขึ้นมากหลังจากคิดตกในเรื่อง
ของงานที่เธอได้ทำมา และตัดสินใจว่าจะลาออก
นึกถึงเรื่องนี้แล้ว ผมอดถามย้ำเธออีกไม่ได้ว่า
"แน่ใจแล้วนะฮะ ว่าจะมาทำงานเป็นผู้ช่วยนักสืบ
อย่างผม"
"ค่ะ" หญิงสาวผู้กำลังจะกลายเป็นอดีตตำรวจตอบ
อย่างหนักแน่น "ให้ฉันเริ่มงานพรุ่งนี้เลยนะคะ"
"ครับผม พรุ่งนี้มาหาผมที่ออฟฟิศละกัน"
"ตอนสาย ๆ นะคะ เพราะตอนเช้าฉันจะแวะไปยื่น
ใบลาออกก่อน" หญิงสาวตอบ ใบลาออกของหล่อน
นี้คงจะไม่มีเหตุถูกยับยั้งอันใด เพราะขณะนี้เธอไม่
ได้อยู่ระหว่างภารกิจใด ๆ อยู่แล้ว
"ราตรีสวัสดิ์ครับ" ผมเอื้อมมือไปจับลูกบิดประตู
"เรื่องเมื่อกี้..." เสียงหญิงสาวดังขึ้นมาแผ่ว ๆ จาก
ด้านหลัง ผมชะงักกึก รอดูว่าเธอจะพูดอะไรต่อ
"ถือว่าจบกันไปแล้วก็ละกัน คุณมีคนรักที่คุณจริงจัง
ด้วยอยู่แล้วไม่ใช่หรือคะ? ไม่ต้องห่วงหรอกว่าฉันจะ
เข้าไปแทรกเป็นมือที่สาม"
ผมอึ้งไป ไม่นึกเลยว่าจะได้ยินคำพูดใจกว้างแบบนี้
จากผู้หญิงที่เพิ่งมอบกายให้กับผมมาหยก ๆ
"ให้ผมรับผิดชอบการกระทำของผมก็ได้นะครับ
เพราะผมกับทางนั้นก็ยังไม่แน่ว่าจะคืนดีกันจริงรึ
เปล่า-"
"คนบ้า" ฮิมุโระผลักผมออกนอกห้องทันที "ก็ที่คุณ
ยื่นคอเข้าหาคมมีดอยู่อย่างนี้ ไม่ใช่เพราะ 'เธอคน
นั้น' หรอกรึ ไม่ต้องมาทำเป็นสุภาพบุรุษกับฉัน
หรอก"
พูดจบ หญิงสาวก็ปิดประตูทันที เอ อะไรกันนักกัน
หนา อารมณ์ของผู้หญิงนี่เปลี่ยนแปลงเร็วเหลือเกิน
ตามแทบไม่ทันเลยแฮะ ผมขยับจะเคาะประตูเรียก
เธออีกครั้ง แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ เดินออกมาโดยดี คิด
ในใจว่า ช่างเถิด เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ได้เจอกันอยู่ดี
ตอนนั้น ผมยังไม่มีโอกาสทราบเลยว่า วันรุ่งขึ้นจะ
เกิดอะไรขึ้น กว่าผมกับฮิมุโระจะได้พบกันอีก ก็ปา
เข้าไปอีกหลายวันให้หลังทีเดียว!
...
"!!!" ผมเดินเข้าใกล้โกดังซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงาน
นักสืบของผม แล้วก็ต้องหยุดชะงักเมื่อสังเกตเห็น
ใครคนหนึ่ง กำลังนั่งกอดเข่าอยู่หน้าโกดังในความ
มืดของรัตติกาล แต่เมื่อผมเข้าไปใกล้อีกนิดหนึ่ง ก็
สังเกตได้ว่า อาคันตุกะยามดึกผู้นั้น ก็คือ บุคคลผู้ที่
ผมกำลังอยากพบมากที่สุดคนหนึ่งในขณะนี้นั่นเอง
"พริน!" ผมเรียก
"..." เด็กสาวหันมาทางผม สีหน้าซีดเซียว บอกถึง
ความไม่สบายใจ ความวิตกกังวล และอารมณ์ทาง
ลบอีกหลาย ๆ อย่างที่ผมสังเกตไม่ออก อึดใจถัดมา
ดวงตาคู่งามที่มีสีฟ้าข้างหนึ่งและสีทองข้างหนึ่งก็
เบิ่งกว้างออก พร้อมกับเสียงที่ลอดออกมาจากริมฝี
ปากน้อย ๆ ว่า
"คุณโคะจิโร่!"
พริบตาต่อมา ร่างของเด็กสาวพุ่งเป็นลูกธนูหลุด
จากแหล่ง โผตรงเข้ากอดผมไว้แน่น พลางซุกหน้า
ลงกับอกของผม แล้วก็เริ่มปล่อยโฮออกมายกใหญ่
"ฮือ ๆ ๆ กระซิก ๆ"
เสียงตอนหลัง ๆ ไม่ใช่อะไรหรอกครับ เจ้าหล่อน
ร้องไห้จนน้ำมูกไหล ต้องเช็ดกับเสื้อผมด้วยนั่นเอง
เฮ้อ! เวรกรรม (^^;;; แต่เราอภัยให้ได้เสมอนิ
"..."
ผมปล่อยให้แกร้องไห้อยู่พักใหญ่ ใช้สองแขนโอบ
หลังเด็กไว้หลวม ๆ พลางลูบผมสีทองสลวยนั้น
ช้า ๆ อย่างปลอบโยน เสียงร้องไห้ค่อย ๆ เงียบลง
ในที่สุด
"สบายใจแล้วใช่ไหม" ผมถาม พยายามให้น้ำเสียง
อ่อนโยนที่สุด
"เจ้าค่ะ" เด็กสาวตอบ ผละตัวออกจากอ้อมอกของ
ผม แล้วก็ทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยม "ขอโทษเจ้าค่ะ เสื้อคุณ
โคะจิโร่เลอะหมดแล้ว แหะๆ"
"ไม่เป็นไร เรื่องเล็ก เสื้อนี่ก็เลอะอยู่แล้วล่ะ ฉันกำลัง
จะเข้าไปเปลี่ยน" ผมรีบตอบ "แค่ได้เจอพรินก็ดีใจ
แทบแย่แล้ว รู้ไหมเป็นห่วงมากเลยนะ"
"ขอโทษเจ้าค่ะ"
"ไป เข้าไปข้างในกันก่อน แล้วค่อย ๆ คุยกัน... นะ"
ผมชวน แต่เด็กสาวทำท่าอิดออด บอกว่า
"หนูอยากจะนั่งดูทะเลอยู่ตรงนี้น่ะค่ะ"
ผมมองหน้าพริน สลับกับมองไปทางทะเล ชั่งใจอยู่
เล็กน้อย ก็พยักหน้า บอกว่า
"โอเค งั้นฉันนั่งเป็นเพื่อนด้วย... ได้ไหม"
"ค่ะ" เด็กสาวพยักหน้า ท่าทางกลับไปซึม ๆ หงอย
เหงาเหมือนเมื่อครู่อีก
ผมกับพรินทรุดตัวลงนั่งกับพื้นหน้าโกดัง เด็กสาว
ชาวเอลเดียนั่งกอดเข่าทอดสายตาไปยังทะเล ใบ
หน้าด้านข้างที่ผมมองเห็นเต็มไปด้วยความเศร้า
"อืมห์ พรินเอ๊ย" ผมลองเลียบเคียง "เราน่ะมีอะไร
หลายอย่างที่คิดอยากจะบอกฉันไม่ใช่เรอะ หือ"
พยายามปรับโทนเสียงให้นิ่มนวลที่สุดเท่าที่จะทำ
ได้
"..." พรินหันมาสบตาผมนิดหนึ่ง ก่อนที่จะหันไป
ทางทะเลอีก แล้วก็เอ่ยขึ้นว่า "ทะเลนี่สวยจังเลยนะ
คะ เมื่อก่อนเวลาหนูมีเรื่องกลุ้มใจ หนูชอบมาดู
ทะเลแบบนี้ค่ะ ช่วยให้สบายใจขึ้น... แต่ตอนนี้มัน
กลับทำให้หนูเศร้าขึ้นไปอีก..."
หยุดถอนหายใจแล้วเด็กสาวก็พูดต่อ
"พอหนูคิดว่า ทะเลที่นี่กับทะเลที่บ้านเกิดของหนูก็
เป็นผืนทะเลเดียวกัน ... หนู... หนูอยากกลับบ้าน
น่ะค่ะ"
พูดจบก็ทำขอบตาแดง ๆ
ผมเอื้อมมือไปลูบศีรษะเธอเบา ๆ
"ไม่สบายใจเพราะอยากกลับบ้านเหรอ... ก็กลับสิ
หือ กลับไม่ถูกรึไง ฉันไปส่งให้ก็ได้ เอาไหม?"
"ขอบคุณเจ้าค่ะ" เด็กสาวผู้พลัดถิ่นหันมายิ้มให้ผม
ทีหนึ่ง ก่อนที่จะหันไปดูทะเลอีก "แต่หนูยังกลับไม่
ได้หรอกค่ะ ภารกิจหนูไม่เสร็จสักอย่าง ผู้ปกครอง...
ไม่ใช่สิ นายเหนือของหนูท่านจะต้องเดือดร้อนแน่
เลยค่ะ"
ผมชั่งใจอีกครั้ง ก่อนจะเลียบเคียงขึ้นว่า
"ภารกิจที่ต้องมารับของจากคุณโคนั่นน่ะเหรอ"
"เอ๊ะ!" พรินหันขวับมา ทำตาโต แต่แล้วก็กลับเป็น
ปกติ "คุณโคะจิโร่ทราบแล้ว..."
"ไม่เลวนี่เรา หือ เป็นถึงนางกำนัลในวังหลวงแห่ง
เอลเดียซะด้วย" ผมพูดยิ้ม ๆ แกล้งขยี้หัวเด็กสาว
เล่น "เก่งจริงนะตัวแค่เนี้ย"
"..." นางกำนัลตัวน้อยอึ้งไปหน่อยหนึ่ง ก่อนที่จะพูด
ต่อแต่โดยดี "ค่ะ หนูรับคำสั่ง... ไม่สิ คำขอร้องจาก
นายเหนือของหนูค่ะ ให้มาพบกับคุณโคที่ญี่ปุ่นนี่
คุณโคจะมีของสำคัญที่ต้องฝากหนูเอากลับไปให้
นายท่าน แต่นี่... หนูมาถึงญี่ปุ่น แล้วก็พยายามแวะ
ไปหาคุณโคที่บ้านตั้งหลายครั้งแล้ว แต่ไม่อยู่สักที
วันที่หนูถูกอันธพาลสามคนนั่นรังแกเอา วันนั้นหนูก็
เพิ่งกลับจากบ้านคุณโคน่ะค่ะ จำได้ไหมคะ?"
ผมพยักหน้า เด็กสาวเล่าต่อไปว่า
"หลังจากที่หนูมาอยู่กับคุณโคะจิโร่แล้ว หนูก็ยัง
พยายามไปที่บ้านคุณโคอีก แต่ก็ไม่พบตัวสักที จน
วันนั้น ที่คุณโคะจิโร่กับคุณชิบะตะคุยกันว่าคุณโค
ตายแล้ว หนูตกใจมากเลยค่ะ ของสำคัญนั่นหนูก็
ยังไม่ได้ ลองไปที่บ้านคุณโคอีกที ตำรวจเขาก็ไม่
ยอมให้เข้าไป"
ผมนึกถึงเหตุการณ์ที่ผมพบพรินป้วนเปี้ยนอยู่แถว
บ้านคุณโคสองสามครั้งในรอบสามวันที่ผ่านมา
"หนูไม่รู้จะทำยังไงดี จะกลับไปพบนายของหนูก็ไม่
ได้ ตราบใดที่หนูยังไม่ได้ของนั้นมา หนูก็ไม่สามารถ
ไปพบนายท่านได้ แล้วหนูจะกลับไปเอลเดียก็ไม่ได้
ด้วย..."
"แล้วสองวันนี่หายไปไหนมารึ" ผมลองถามขึ้นดู "รู้
ไหมใครต่อใครเขาหาตัวเรากันให้ควั่กเลยนะ"
ในใจผมตะหวัดไปนึกถึงจารชนสาวที่ชื่อซิเรียคนนั้น
และนึกได้ว่าต้องเอากลอนบทนั้นให้พรินด้วย
"หนูไม่มีทางไป ก็เลยไปติดต่อขอความช่วยเหลือ
จากสถานทูตนะค่ะ แต่ปรากฏว่า พอหนูเข้าไปแล้ว
เขาก็ไม่ยอมให้หนูออกมาอีก บอกว่ามีคนจ้องจะ
ทำร้ายหนูกับนายท่านอยู่ค่ะ ให้หนูพักอยู่ในนั้น
ก่อนจนกว่าจะปลอดภัย"
"เฮ้ จริงเหรอ" ผมอุทาน ที่แท้เด็กพรินก็หายไปอยู่ใน
สถานทูตมาจริง ๆ ด้วย "แล้วเจ้าพวกสถานทูตนั่น
ทำอะไรเรารึเปล่า"
"เปล่าค่ะ เขาเอาใจหนูดีมากเลย เสื้อผ้าก็ให้เปลี่ยน
บอกว่าชุดเดิมมันสกปรกมอมแมม ใช้ไม่ได้ (เฮ้ เฮ้
นั่นชุดของผมนะ) แล้วอาหารการกินก็ดี หนูอยาก
ได้อะไรเขาก็หามาให้ทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องขอออก
นอกห้องที่เขาจัดไว้ให้เท่านั้นเอง"
"มันก็โดนคุมขังดี ๆ นี่เอง" ผมสรุป "แล้วรู้รึเปล่า
เสื้อผ้าที่เราเปลี่ยนไปน่ะ เขาเอาไปทิ้งนะ เงินฉัน
ฝากอยู่กับพรินด้วยไม่รู้เป็นไงบ้าง" สุดท้ายผมไม่
วายนึกเสียดายเงิน เพราะนั่นเป็นเงินก้อนสุดท้าย
ของผมแล้ว
"อ๋อ เรื่องนั้น สอบอมอยอหอเจ้าค่ะ" พรินยิ้มโชว์ฟัน
ขาวซี่เล็ก ๆ ที่เรียงกันอย่างเป็นระเบียบ
"ก่อนหนูเปลี่ยนชุดหนูหยิบเงินออกมาซ่อนไว้ก่อน
แล้วค่ะ นี่ไง"
เด็กสาวหยิบซองกระดาษขึ้นมาอวด ผมตบมือดัง
ฉาด
"โอ้โฮ ดีมากพริน สมกับเป็นแม่บ้านผู้ไว้ใจได้จริง ๆ"
"หนูคืนให้เลยนะคะ"
"เอาไว้ที่พรินก่อนละกัน เราคงจะไม่ไปไหนโดยไม่
บอกอีกแล้วใช่ไหม"
"เจ้าค่ะ" เด็กสาวเก็บซองธนบัตรใส่กระเป๋าเสื้อ แล้ว
ถามขึ้นอย่างนึกได้ "แล้วคุณโคะจิโร่รู้ได้ยังไงคะ ว่า
เขาเอาเสื้อคุณโคะจิโร่ไปทิ้ง?"
"ก็ฉันเข้าไปในสถานทูตมานะสิ ถึงได้เบาะแสมาว่า
เราอยู่ในนั้น"
"เอ๊ะ! คุณโคะจิโร่มาในสถานทูตด้วยหรือค่ะ หนูไม่รู้
เรื่องเลย แต่... ก็สมควรอยู่หรอกค่ะ เพราะเขาไม่
ยอมให้หนูออกจากห้องเลย" พรินพูดเองเออเอง "
คุณโคะจิโร่รู้ได้ยังไงคะว่าหนูอยู่ในนั้น หนูติดต่อ
อะไรกับใครข้างนอกไม่ได้เลยนะคะนั่นน่ะ"
"อ๋อ ที่จริงฉันเข้าไปด้วยธุระอื่นน่ะ" ผมตอบ "แต่ก็ได้
เบาะแสของพรินด้วยพอดี ว่าแต่...นี่เราออกมาจาก
สถานทูตได้ยังไงกันล่ะนี่ เห็นว่าเขาไม่ยอมให้ไป
ไหนเลยไม่ใช่เหรอ?"
"ค่ะ ตอนหัวค่ำนี้ค่ะ มีคนอ้วน ๆ หน้าตาเหมือนคน
จีนเข้ามาที่สถานทูตน่ะค่ะ หนูแอบดูอยู่หลังประตู
ห้อง เห็นเขาทะเลาะกันใหญ่เลย แล้วจู่ ๆ นายคน
อ้วน ๆ นั่นก็วิ่งออกไปพร้อมพวกเขา แล้ว... เกิด
อะไรขึ้นก็ไม่ทราบค่ะ คนที่เฝ้าดูแลอยู่หน้าประตู
ห้องหนูก็หายไปด้วย หนูลองเดินออกมา ปรากฏว่า
หนูสามารถหลบออกมาได้ถึงประตูเล็กด้านข้าง
ของสถานทูตเลยค่ะ ก็เลยแว่บออกมาเลย"
"อื้อฮือ เก่งนี่เรา" ผมชม ในใจนึกไปถึง 'นายอ้วน'
คนนั้นว่าจะเป็นใครได้บ้าง ซึ่งก็คงไม่พ้นเจ้าโคตัว
ปลอมนั่นเอง แต่เกิดอะไรขึ้น เจ้าโคตัวปลอมกับ
นายมิโดเกิดไม่กินเส้นกันรึไง แต่อย่างไรก็ดี มันเป็น
สาเหตุที่ทำให้พรินหนีออกมาได้ และ ตอนนี้ผมเข้า
ใจแล้วว่า นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุชุลมุนที่
สถานทูตจนผมกับฮิมุโระแอบเล็ดลอดเข้าไปเมื่อหัว
ค่ำนี้ด้วย
back index next