EVE Burst Error
ภาค โคะจิโร่
วันที่ 6 ธันวาคม ค.ศ. 19xx
(กลางคืน)
คืนสภาพ
นางกำนัลตัวน้อยแห่งวังเอลเดีย นำผมไปยังย่าน
เซ็นทรัลอะเวนูย์ แล้วตรงดิ่งไปที่โรงแรมปรินเซส
'อืมห์ พักอยู่ที่โรงแรมนี้เองเหรอ' ผมนึกในใจ พลาง
อดคิดไปถึงเจ้าเกล็นที่เพิ่งคุยกันทางโทรศัพท์เมื่อ
ครู่นี้ไม่ได้ หมอนี่โทรฯมาจากแถวไหนนะ คงจะใกล้
ๆ บริเวณนี้นั่นเอง เพราะดูเหมือนว่าหมอสามารถ
มาปรากฏตัวที่บาร์ใต้ดินของโรงแรมนี้ได้ทุกเมื่อที่
ลูกค้าของหมอต้องการ
พรินนำผมเดินเข้าล็อบบี้โรงแรม ให้ผมหยุดรอขณะ
ที่เจ้าหล่อนเดินเข้าไปทักทายกับฟรอนต์ของโรง
แรมอย่างคุ้นเคยสถานที่ แล้วขอกุญแจห้องมา
พรินกลับมาสมทบกับผม สีหน้ายิ้มแย้มของหล่อน
ที่มีมาตลอดทางที่เดินมาด้วยกัน ตอนนี้หายไปแล้ว
เหลือแต่ความสงบนิ่ง ไม่สามารถจับอารมณ์ได้
หล่อนพาผมตรงไปยังลิฟต์ของโรงแรม แล้วกดตัว
เลข '14'
ขณะที่ผมกำลังคิดในใจว่า ชั้นสิบสี่หรือ เด็กสาวก็
ยื่นกุญแจในมือมาให้ผม
ผมเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม แต่เมื่อพบว่าเด็กสาวไม่ยอม
ตอบอะไร ผมก็รับกุญแจห้องนั้นมาถือไว้แต่โดยดี
อืมห์ ห้อง 1420 แฮะ เท่าที่ผมทราบมา โรงแรมนี้มี
สิบกว่าชั้น โดยที่ชั้นสองจนถึงชั้นเก้าเป็นห้อง
สำหรับแขกทั่ว ๆ ไป หมายเลขห้องจะเป็นเลขสาม
หลัก ส่วนชั้นสิบขึ้นไป ซึ่งหมายเลขห้องจะมีสี่หลัก
นั้น เป็นห้องสำหรับแขกระดับวีไอพีเท่านั้น แสดงว่า
นายเหนือของพรินก็เป็นแขกวีไอพีของโรงแรมนี้ ซึ่ง
ก็ไม่แปลก
เราสองคนออกจากลิฟต์ คราวนี้กลายเป็นผมที่เดิน
นำหน้าพรินซึ่งดูจะเซื่องซึมมากขึ้นทุกขณะที่เข้า
ใกล้จุดหมาย
ผมหยุดที่หน้าห้องหมายเลข 1420 หันไปมองพริน
อย่างขอความเห็น แต่ไม่พบปฏิกิริยาตอบจากเด็ก
สาวเลย จึงตัดสินใจเคาะประตู
"ก๊อกๆ ๆ มีใครอยู่ไหมครับ"
เงียบ!
"ก๊อกๆ ๆ มีใครอยู่ไหมครับ"
ผมมองซ้ายมองขวา ทั้งระเบียงไม่มีใครนอกจาก
เราสองคน ลองเงี่ยหูจับความเคลื่อนไหวในห้องก็
ไม่พบสิ่งปกติใด ๆ อีก หันไปทางพรินหรือ ก็รู้สึกว่า
จะพึ่งอะไรไม่ได้เสียแล้ว ในที่สุด ผมก็ตัดสินใจไข
กุญแจ เปิดประตูห้องนั้นออก
"!!!"
ผมยืนตกตะลึง ภายในห้อง 1420 นั้นมืดสนิทไม่ได้
เปิดไฟฟ้าไว้ แต่แสงไฟจากระเบียงที่สาดส่องเข้าไป
ในห้อง ช่วยให้ห้องสว่างสลัวขึ้น พอที่มองเห็นถึง
เงาตะคุ่มของคนคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ที่กลาง
ห้อง!!!
ทำไม? ผมถามตัวเองในใจ ทำไมผมจับกระแส
ความรู้สึกไม่ได้เลยว่ามีคนอยู่ในนี้!!!?
ผมตัดสินใจก้าวเข้าไปในห้องหนึ่งก้าว ทักขึ้นเบา ๆ
ว่า
"สวัสดีครับ"
เงียบ! ไม่มีเสียงตอบจากบุคคลผู้นั้น
ผมหันรีหันขวาง มองไปทางพรินก็พบว่าเจ้าหล่อน
เดินตามผมมา แต่สีหน้ายังซีดอยู่
'แปลก' ผมอุทานในใจ ใช่ครับ บรรยากาศในห้อง
มันแปลกไปจริง ๆ แปลกอย่างไรนั้นผมบอกไม่ถูก
ที่จริงผู้ที่อยู่ในนี้ควรจะเป็นนายเหนือของพรินมิใช่
หรือ และพรินก็คุยนักคุยหนาว่า นายของเธอเป็น
คนดี แต่ทำไมไม่ยอมตอบคำทักทายของผมล่ะ จะ
ว่าบรรยากาศนี้มีกลิ่นไอของภยันตราย หรือเป็นกับ
ดัก ก็ไม่ใช่ เพราะผมไม่รู้สึกถึงอะไรทำนองนั้นเลย
ผมตัดสินใจเรียกร่างนั้นดูอีกครั้ง
"ขอโทษครับ ที่มารบกวน ผมพาพรินมาหาครับ"
ไม่มีเสียงตอบอีก ผมตัดสินใจควานหาสวิทช์ไฟที่
ข้างประตูห้อง เมื่อพบแล้วจึงเอ่ยปากขออนุญาต
เจ้าของห้องว่า
"ขอเปิดไฟหน่อยนะครับ"
"แช้ะ"
ไฟสว่างขึ้นแต่ไม่มากนัก ตามประสาของห้องพัก
ตามโรงแรม ที่มักทำไฟไว้สลัว ๆ แต่ก็เพียงพอที่จะ
ทำให้ผมเห็นว่า บุคคลผู้นั้นเป็นสตรีในชุดอาภรณ์
ยาวกรอมเท้าและนั่งบนเก้าอี้มีพนัก โดยหันหลังให้
กับทางประตู ซึ่งก็คือ หันหลังให้ผมนั่นเอง
ผมไม่ลืมที่จะหันไปปิดประตูให้เรียบร้อย ก่อนที่จะ
เดินตรงไปยังสตรีลึกลับผู้นั้น ทิ้งให้พรินยังคงยืนนิ่ง
เหมือนหุ่น อยู่ที่ข้างประตู ภายในห้องนั่นเอง
"ขอโทษครับ" ผมพูดขออนุญาตขึ้นอีก ก่อนที่จะเดิน
อ้อมตัวของเจ้าของห้องไปหยุดอยู่ตรงหน้าของเธอ
เพื่อที่จะต้องตกตะลึงอีกครั้งเพราะ...
"!!!"
ผู้ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้นั้น ไม่ใช่ผู้หญิงครับ และไม่ใช่
มนุษย์ด้วย แต่เป็น...
'หุ่นนี่'
ครับ เป็นหุ่นจำลองเหมือนคน แต่ดูปาดเดียวก็รู้
แล้วว่าเป็นหุ่น เพราะที่ใบหน้านั้น ไม่ได้แสดงราย
ละเอียดไว้เลย ผมงง รู้สึกเย็นสันหลังวาบ จับต้นชน
ปลายไม่ถูก นี่มันเรื่องอะไรกัน ก็พรินยืนยันว่านาย
เหนือของหล่อนอยู่ในห้องนี้นี่นา แต่พอมาหาเข้า
จริง ๆ กลับกลายเป็นหุ่นไม้ไร้ชีวิตไปได้ อย่าบอก
นะว่าหุ่นนี่คือ นายเหนือของเธอ
"พริน!!!" ผมหันไปทางเด็กสาว ซึ่งเอาแต่ยืนนิ่งไม่
ยอมขยับอยู่ที่ริมผนัง
"นี่มันอะไรกัน?"
"ไม่... ไม่ทราบค่ะ หนูไม่รู้เรื่องจริงๆ" พรินระล่ำระ
ลัก
ผมมองสำรวจรอบห้องอีกครั้ง เป็นห้องที่กว้างใหญ่
พอควร สมกับเป็นห้องสำหรับแขกวีไอพี นอกจาก
เก้าอี้ซึ่งมีหุ่นนั่งอยู่ที่กลางห้องแล้ว ที่ผนังด้านใน มี
โซฟาชุดรับแขกอยู่ ส่วนผนังด้านที่ติดหน้าต่าง ก็มี
เตียงนอนวางอยู่ จากประสบการณ์ของผมบอกได้
ว่า มีบันไดหนีไฟอยู่ตรงติดกับหน้าต่าง ผมสำรวจ
ทางหนีทีไล่แล้วก็เบนสายตามาที่หุ่นต้นปัญหาอีก
ครั้ง คราวนี้ มองต่ำลงไปจากบริเวณใบหน้าของหุ่น
ก็พบว่า ที่บริเวณอกของหุ่นมีแผ่นป้ายเล็ก ๆ ห้อย
คอเอาไว้
ผมมองไปทางพรินอีกครั้ง เด็กสาวยังคงหน้าซีด
และสั่นศีรษะเป็นเชิงว่าไม่รู้เรื่องใด ๆ ทั้งสิ้น เฮ้อ
อย่างนี้ท่าทางไม่ได้การแฮะ
ผมตัดสินใจเอื้อมมือไปหยิบแผ่นป้ายนั้นขึ้นมาดู
'นี่มันกลอนที่ซิเรียเคยเอาให้ดูนี่นา' ผมคิดในใจ
เพราะที่เขียนไว้บนแผ่นป้ายนั้น มีข้อความอยู่เพียง
สี่ประโยค เนื้อหาก็เป็นกลอนดังกล่าว แต่คราวนี้มี
กำกับเป็นภาษาอาหรับอยู่ข้างล่างด้วย
นี่มันอะไรกันไม่เข้าใจเลย หมายความว่าจะต้องมี
อะไรพิเศษกับกลอนนี่แน่ ๆ เหรอ ในเมื่อ...เมื่อสัก
ครู่นี้ผมก็เอากลอนนี้ให้พรินดูก่อนที่จะออกเดินทาง
มาแล้ว แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ผมมองไปทางพรินอย่างคาดคั้นอีกครั้ง แต่ไม่มี
อะไรคืบหน้า เมื่อหงุดหงิดเข้าก็อดบ่นออกมาไม่ได้
"มันอะไรกันนักกันหนาว้า เฮ้อ" ว่าแล้วก็ถอนใจดัง
เฮือก ดึงแผ่นป้ายขึ้นมาเกือบจะชิดหน้าตัวเอง แล้ว
ก็ผลักออก สุดท้ายก็อดอ่านออกเสียงออกมาไม่ได้
"เมื่อจันทราส่องแสงบนฟ้า
ทั่วท้องทะเลทรายสีทองสว่างไสว..."
"ความชุ่มชื้นจะกลับสู่โอเอซิส
อำนาจพระอัลเลาะห์จะทรงช่วยดินแดนนี้ให้พ้น
ภัย"
"!!!" ผมตกตะลึงหันขวับไปทางต้นเสียงทันที เป็น
เสียงของพรินแน่ ๆ ครับ แต่... มีอะไรบางอย่างใน
น้ำเสียงนั้นที่ผิดแปลกออกไปจากพรินที่ผมรู้จัก
เด็กหญิงพริน ย่อตัวลงคุกเข่าข้างเดียวอยู่บนพื้น
สองมือประสานกันยกขึ้นไว้ที่ระดับอก ก้มหน้าลง
เล็กน้อย และผมสังเกตว่าเจ้าหล่อนหันหน้าไปทาง
ทิศตะวันตกเฉียงใต้ ขณะที่ปากน้อย ๆ คู่นั้น ขมุบ
ขมิบเป็นภาษาอาหรับซึ่งผมเดาว่าคงเป็นข้อความ
เดียวกันกับกลอนในภาคภาษาญี่ปุ่น
เด็กสาว-ไม่สิ มีอะไรในตัวพรินที่บอกผมว่า ไม่
เหมาะที่จะเรียกเธอว่าเด็กสาวอีกต่อไป- หญิงสาว
แรกรุ่นที่อ้างกับผมว่าชื่อพรินเงียบเสียงลง แล้วลืม
ตาขึ้น สักอึดใจหนึ่งก็ลุกขึ้นยืน แล้วหันหน้ามา
เผชิญกับผมอย่างจัง ๆ ผมสำรวจใบหน้านั้นอย่าง
ละเอียด พลางสงสัยในสายตาของตัวเอง ผู้หญิงที่
อยู่ตรงหน้าผมนี้คือ พรินอย่างแน่นอน แต่ไม่ใช่พริน
อะไรบางอย่างในตัวของเธอบอกผมว่า เธอแตกต่าง
ไปจากพรินที่ผมรู้จัก... อะไรล่ะ?... ลักษณะภาย
นอกนั้นเธอเหมือนกับพรินทุกประการ แต่เค้าหน้า
และแววตาแสดงความเฉลียวฉลาด ความรอบรู้
ทรงปัญญา และทำให้เธอดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาอีกสอง
ปี จากเดิมที่ผมคิดว่าพรินอายุสิบห้าหรือสิบหก ถ้า
ให้คาดเดาอายุของหญิงสาวตรงหน้า ก็คงต้องบอก
ว่าประมาณสักสิบแปดปีกระมัง แต่...ทั้งนี้ทั้งนั้น
ผมไม่กล้าใช้คำว่าเด็กสาวกับหญิงอายุสิบแปดปีผู้
นี้!
"สวัสดีค่ะ โคะจิโร่ ยินดีที่ได้พบกับท่าน"
ฝ่ายนั้นทักมาก่อน
back index next