อานุภาพพระมหาสิริราชธาตุ

๔๑.พาเที่ยวปรโลก

โดย อุบาสิกาถวิล (บุญทรง) วัติรางกูล

ป้าทราบข่าวการทำบุญสร้างพระที่แกนกลางเจดีย์บูชาคุณครูบาอาจารย์ ก็รีบรวบรวมเงิน ทำบุญทันที ได้หนึ่งแสนห้าหมื่นบาท ไปทำบุญ ในสัปดาห์ที่ทราบข่าว เป็นของตัวป้าเองกับลูกสาว ๓ หมื่นบาท เป็นของหมู่คณะหนึ่งแสนสองหมื่นบาท ต่อมาเมื่อทราบข่าว พระของขวัญพิเศษ พระ มหาสิริราชธาตุก็รู้สึกสนใจ เพราะสร้างด้วยเนื้อธาตุพิเศษยิ่งกว่าเหล็กไหล ซึ่งน่าจะมีไว้เป็นพระ ประจำตระกูล ลูกหลานคนใด สนใจทำนุ บำรุงพระพุทธศาสนา ก็ให้รับมรดกตกทอดสืบต่อๆ ไป เป็นร้อยปีพันปี

วันที่รับพระของขวัญพระมหาสิริราชธาตุ ป้าติดธุระต้อนรับผู้คนที่มาร่วมทำบุญด้วย จึงให้ ลูกสาวไปรับแทน เพราะเป็นเงินของลูกสาวถึง ๒ หมื่นบาทรวมอยู่ด้วย ให้เขาสวมคล้องคอไว้นึกถึง ท่านบ่อยๆ

ลูกสาวพูดว่า หนูรู้สึกว่าพระองค์นี้เป็นของหนู ได้มาแล้วไม่อยากได้องค์อื่นแทน แต่ว่าเป็นเงิน ของหมู่คณะ หนูจะไปดูเงินฝากของพ่อว่ามี ดอกเบี้ยออกมาแล้วหรือยัง (พ่อตายแล้ว) จะถอนมา ใช้หนี้ให้หมู่คณะทั้ง ๓ หมื่นเลยนะคะ แม่จะนำไปสร้างพระองค์ใหม่ก็ได้ ป้าเห็นดีด้วย

เมื่อมีผู้มาเล่าให้ฟังว่า พระเดชพระคุณหลวงพ่อกล่าวว่า หากใครเจ็บป่วย ขอให้นึกถึงพระ มหาสิริราชธาตุไว้ในศูนย์กลางกาย อธิษฐานจิต ขออานุภาพของท่าน แล้วจะหายโรค ป้าฟังแล้วก็นำ มาปฏิบัติบ้างเป็นบางครั้ง เพราะความเคยชินต่อการปฏิบัติอย่างเดิมมีมากกว่า จึงลืมอยู่บ่อยๆ นี่ ขนาดป้านึกถึงพระมหาสิริราชธาตุไม่สม่ำเสมอ นึกบ้างไม่นึกบ้าง แถมไม่ได้อธิษฐานจิตขออะไร ท่านก็ยังเมตตามาให้กำลังใจป้ายามเจ็บป่วย จะเล่าให้ฟังค่ะ

แต่เดิมเมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๕ ป้าเคยป่วยเป็นมะเร็งระยะที่สอง ได้ทำการรักษาตลอดมา ไม่มี อาการกำเริบแต่อย่างใด แต่ก็ไม่เคยนอนใจว่า หาย ในราวกลางเดือนกรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๑ ป้าก็พบว่าตนเองมีอาการน่าสงสัย คือมีก้อนอะไรใหญ่โตเท่าลูกมะนาวขนาดเขื่องๆ แถวปาก ทวารเบา ท้องอืดแข็งขึ้นมาถึงหน้าอก รับประทานอาหารไม่ลง เพียง ๔-๕ ช้อนก็อิ่มแล้ว ระบบย่อยอาหาร แปรปรวน แถมยังปวดถ่วงตลอดเวลา พอดีมีรายการโทรทัศน์รายการหนึ่งพูดถึงโรคนี้พอดี อาการตรงกันทุกเรื่อง ก็คิดว่า เอ.. รึว่ากลับมาอีก เวลานั้นป้าคิดระแวงเต็มที่ แต่ก็ตัดใจตาม ความเคยชิน ที่ฝึกไว้ อะไรมันจะเกิด มันก็ต้องเกิด เราไม่มีอำนาจอะไรจัดการกับมันได้

ด้วยเหตุนี้ทุกเวลานาทีในระยะนั้น ป้าจึงให้หมดไปด้วยการทำจิตตภาวนาทั้งวันทั้งคืน กลางคืน พอคิดว่า อ๊ะ น่ากลัวจะใกล้ตายแล้วนะ ร่างกายก็เลยไม่ยอมหลับ ทำสมาธิเรื่อยไป คืนหนึ่งเพลียมาก เข้าก็หลับไปเพียงชั่วโมงสองชั่วโมงก็ตื่นทำสมาธิต่อ

อดนอนหลายคืนเข้า ร่างกายดูทรุดเร็วยิ่งขึ้น แต่แล้วเช้ามืดคืนวันหนึ่งป้าก็ฝันไป จำได้แม่น ทีเดียว ฝันว่ากำลังเดินทางไปที่ไหนไม่ทราบ ก้มลงดูตัวเอง ก็พบว่าไม่ได้แต่งชุดแม่ชีเสียแล้ว แต่งกายด้วยเสื้อผ้าใหม่สีสุภาพสวยงาม สะอาดผ่องใส ข้อสำคัญมีสายสร้อยทองคำห้อย พระมหา สิริราชธาตุ คล้องคออยู่ ก็เลยหายสงสัยเรื่องเสื้อผ้า เพราะถ้าเป็นชุดแม่ชีคล้องสายสร้อยทองคำ แม้จะห้อยพระก็ไม่ถูกเรื่อง แต่ก็ยังสงสัยต่อว่า อ๊ะ พระองค์นี้ลูกเขาเป็นเจ้าของนี่นา แล้วมาอยู่กับ เราได้ยังไง แต่เอาเถอะเมื่อคล้องอยู่ที่คอแล้ว ก็แล้วกัน พบลูกเมื่อไหร่ก็ค่อยคืนให้ไป คิดแล้วก็ ถามตัวเองว่า แล้วนี่เราจะเดินทางไปไหนกัน

ทันใดมีคนแต่งกายสะอาดสวยงาม เป็นคนคุ้นเคยกัน (ยังไม่ตาย) วิ่งมาหาพูดว่า ไปดูบ้านคุณป้า กันซี แล้วก็พาไป เป็นบ้านใหญ่โตราวกับ วัดอะไรสักแห่ง แต่ไม่ได้สร้างด้วยอิฐหินปูนทราย เป็นแผ่น กระดานหนามากแผ่นใหญ่ๆ กว้างเป็นเมตร เนื้อไม้สวยงามไม่เคยเห็นที่ไหนมาเลย ยังมีของใช้ในบ้าน เช่น ตู้ โต๊ะ เตียง ทำด้วยไม้อย่างดีทั้งสิ้น ตู้แต่ละใบ สูงใหญ่ท่วมศีรษะ เปิดดูภายในมีสมบัติมากมาย นอกจากนั้น มีผู้คนเดินกัน ขวักไขว่ ดูเกรงอกเกรงใจป้าอยู่ในที คนพามาบอกว่าป้าสามารถใช้ทุกคนได้ พวกเขายินดีรับใช้

เดินสำรวจไปจนทั่ว บริเวณก็กว้างขวางสะอาด สงบเงียบ ความรู้สึก ลึกๆ บอกตนเองว่าไม่เอา หรอก น่าอยู่แค่ไหน ก็ไม่ใช่บ้านจริงๆ ของเรา บ้านเราไม่ได้อยู่ที่นี่ สมบัติพวกนี้ไม่มีค่าอะไรเลย เรา ไม่อยากได้อะไรสักอย่าง พระที่คล้องคอเราอยู่นี่ต่างหากมีค่ากว่าทุกสิ่งที่เห็น พระองค์นี้พาเราไปยัง สถานที่ที่เป็นของเราจริงๆ ได้ คิดแล้วป้าก็หันไปพูดกับคนพามาว่า นี่ไม่ใช่บ้านของดิฉันหรอกค่ะ ถึง จะยกให้ก็ไม่เอา ไม่อยากอยู่ ลาแล้วนะคะ

ป้าเดินลงจากบ้านนั้น ก้มมองดูพระมหาสิริราชธาตุที่คล้องคออยู่ เกิดความอบอุ่นใจอย่าง บอกไม่ถูก รู้แต่ว่ามีพระองค์นี้เป็นเพื่อน จะเดินทางไปที่ไหนไม่ต้องกลัวอะไรทั้งสิ้น ขณะกำลังยืนงง ว่าจะไปต่อที่ไหนดี มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายชายท่านหนึ่งเคยรู้จักอย่างดี (เวลานี้ตายไป สิบกว่าปีแล้ว) แต่ง เครื่องแบบ เหมือนเจ้าพนักงาน พูดว่าจะมารับกลับ แล้วพาเดินไปบนทางสะอาด ปูด้วยวัสดุใสเหมือน แก้ว แต่ไม่แข็ง เดินนิ่มๆ เท้า ไปสุดทางที่ริมแม่น้ำสายใหญ่ น้ำเต็มฝั่ง มีเรือไม้ขุดแบบโบราณมากมาย พร้อมคนพายท้ายเรือ รับคนมาเต็มลำจากฟากฝั่งข้างโน้น มาปล่อย ขึ้นฝั่งที่ป้ากำลังยืนอยู่ แล้วเรือ เหล่านั้นก็กลับไปเรือเปล่า คงไปรับคนโดยสารมาอีก เจ้าหน้าที่ที่พาป้ามา เรียกเรือเปล่าลำหนึ่งเข้ามาเทียบฝั่ง เวลานั้นมีเด็กผู้ชายเล็กๆ ราว ๘ ขวบ อีก ๒ คน วิ่งมาจับมือป้าพูดว่า หนูไปด้วย ป้าก็จูงเด็กทั้งสองขึ้นเรือ พอป้ากับเด็กนั่งลงเรียบร้อย ป้าก็ตื่น จากความฝัน

ป้าใคร่ครวญดูเหตุการณ์ในฝัน แน่ใจทันทีว่า การป่วยครั้งนี้ไม่ใช่โรคภัยร้ายแรง ยังไม่ถึงตาย เพราะกายฝันได้กลับจากปรโลก และก็เป็น ดังนิมิตเทพสังหรณ์นั้น เป็นโรคธรรมดาของคนแก่ กล้ามเนื้อหย่อนสมรรถภาพบริเวณด้านบนของที่ตั้งกระเพาะอาหาร ทำให้กระเพาะเลื่อนขึ้น เลื่อนลง ตามสบาย ท้องก็อืดโต กินยาประมาณ ๑ เดือนมักจะหาย ไม่มีอันตรายอะไร

ป้ามาคิดทบทวนดูแล้ว ต้องเป็นความเมตตาของพระมหาสิริราชธาตุ ท่านคงเห็นป้ากังวลใจ เกินกว่าเหตุ ทำให้อดหลับอดนอน เลยพาไป เที่ยวปรโลก ขณะเดียวกันท่านก็ตามคุ้มครอง ดูแล รักษาพากลับ ถ้าป้าไม่เห็นพระที่คล้องคอป้าอยู่ ป้าอาจจะพอใจสมบัติต่างๆ ที่ไปพบแล้วขออยู่ ที่นั่นเลย ป่านนี้คุณคงได้ไปงานเผาศพป้าแล้ว แต่เพราะมีองค์พระมหาสิริราชธาตุอยู่ที่คอ จึง เห็นสมบัติที่พบนั้นไม่มีค่า ทั้งที่เป็น เพชรนิลจินดา ตั้งมากมาย ไม่นึกอยากได้จนนิดเดียว การนั่ง เรือกลับหมายถึงกลับโลกมนุษย์ ป้าเคยได้ฟังคำบอกเล่าจากพวกเรา ๒-๓ คน ที่เคยฝันทำนอง เดียวกัน ไปเห็นที่อยู่ใหม่ ขากลับต้องนั่งเรือกลับ

ความฝันของป้ายืนยันได้ถึงอานุภาพของพระมหาสิริราชธาตุ ท่านมิได้ดูแลคุ้มครองเฉพาะ ผู้เป็นเจ้าของ แต่ดูแลทั้งครอบครัว คุ้มครอง ได้หมด ขนาดป้าไม่ได้นึกถึงท่านบ่อยนัก ท่านก็ ยังเมตตาถึงเพียงนี้ เงินทองใช้ไปแล้ว เดี๋ยวก็หาใหม่ได้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างองค์พระที่แกน กลางเจดีย์ กับพระของขวัญ พระมหาสิริราชธาตุหมดแล้วหมดเลย อุตส่าห์เกิดมามีชีวิตอยู่ ร่วมสมัยสร้างมหาธรรมกายเจดีย์ ไม่รีบคว้าโอกาสดีวิเศษนี้ไว้ ก็น่าเสียดายและเสียใจด้วย จริงๆ ค่ะ


[สารบัญ] [ ๔๑ ] [ ๔๒ ] [ ๔๓ ] [ ๔๔ ] [ ๔๕ ] [ ๔๖ ] [ ๔๗ ] [ ๔๘ ] [ ๔๙ ] [ ๕๐ ]