คุณปฏิพัทธ์ เหล็งขวัญยืน พนักงานธนาคารกสิกรไทย จำกัด สาขาลำปางเล่าว่า
เมื่อปลายเดือนมิถุนายน ได้รับอาสาจากทางวัดพระธรรมกาย ติดต่อประสานงานกับ ผู้ที่จะนำคนมาบวชอุบาสิกาแก้ว ระหว่างวันที่ ๗-๙ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๔๑ เนื่องในวันแม่แห่งชาติ จากจังหวัดลำปาง แพร่ พะเยา และจังหวัดน่าน เนื่องจาก เป็นผู้ที่ทำงานอยู่ใน จังหวัดภาคเหนือ ในจำนวนจังหวัดดังกล่าว คุณปฏิพัทธ์เคยไปมาแล้ว ยกเว้นจังหวัดน่าน ไม่เคยไปเลย ผู้ที่ต้องไปติดต่อด้วย คุณปฏิพัทธ์ก็ไม่รู้จักทั้งตัว ทั้งที่อยู่ มีแต่เบอร์โทรศัพท์ของคุณศรีสมร และ เบอร์เพจเจอร์ของคุณไพฑูรย์ ชาวส้าน
วันที่คุณปฏิพัทธ์เดินทางไปจังหวัดน่านเพื่อตามหาบุคคลทั้งสอง ก็ไม่ได้ติดต่อบอกล่วงหน้า เมื่อขับรถไปถึงจังหวัดน่าน จึงโทรศัพท์ไป บ้านคุณศรีสมร ได้พบตัว และนัดแนะทางไปยังบ้านเธอ
ปกติแล้วหลังอาหารกลางวัน คุณปฏิพัทธ์ชอบดื่มกาแฟเย็น วันนั้นยังไม่ได้ดื่ม ได้พูดกับ ผู้ที่ไปด้วย ขณะขับรถตามรถของคุณศรีสมรว่า นี่นะ ถ้าเราเป็นคนมีบุญอยู่บ้าง ไปถึงบ้านคุณศรีสมรแล้ว เจ้าของบ้านคงจะเลี้ยงกาแฟเย็นเรานะ น่าแปลกเมื่อไปถึง คุณศรีสมรถามทุกคนว่า ทานกาแฟไหม เมื่อทุกคนรับคำ และคิดว่า คงเป็นกาแฟร้อนชงจากครัวในบ้าน กลับเป็นกาแฟเย็น ซึ่งคุณศรีสมรให้เด็กออกไปซื้อมา จากร้าน ข้างบ้าน คุณศรีสมรเล่าว่า
ความจริงวันนี้ต้องอยู่ประชุม ในตัวจังหวัดทั้งวัน แต่ไม่ทราบเป็นเพราะเหตุใด ตอนพักเที่ยงอยากกลับบ้านมาก จึงขับรถกลับ ทำให้ได้รับ โทรศัพท์ ติดต่องานกันได้ บ่ายโมง ต้องรีบกลับเข้าจังหวัดไปประชุมต่อ
จากนั้นคุณปฏิพัทธ์ต้องออกตามหาคุณไพฑูรย์ ชาวส้าน ที่อำเภอปัว ได้เรียกไปตาม เพจเจอร์แล้ว แต่ไม่มีโทรศัพท์ตอบกลับ คุณปฏิพัทธ์ นึกถึง พระมหาสิริราชธาตุ ที่เคยเห็นอยู่ เรื่อยๆ ในศูนย์กลางกาย ขณะเดินทางไปอำเภอปัว นึกขยายนิมิตให้องค์ท่าน ใหญ่เท่าฝ่ามืออยู่ ตลอดเวลา การรู้ที่อยู่เพียงแค่ชื่ออำเภอ เปรียบไปก็เหมือนหาเศษสตางค์อันเดียว ในคลองน้ำขุ่น โอกาสพบไม่มีเลย นอกจากความบังเอิญ
แต่อานุภาพพระมหาสิริราชธาตุ ก็สร้างความบังเอิญนั้น ให้คุณปฏิพัทธ์ได้อย่างอัศจรรย์ ในขณะที่ขับรถโดยไม่รู้ว่า จะไปตามหาตรงจุดไหน ทั้งเหนื่อยและร้อน จึงแวะจอดข้างทางหน้าตึกแถว ๒ คูหาเล็กๆ ขายน้ำ พอลงจากรถ มองข้ามถนนไปยังฝั่งตรงข้าม เห็น รถบัสโดยสารสีส้ม จอดรับผู้โดยสาร กำลังเคลื่อนออกไป ทำให้เห็นป้ายชื่อหมู่บ้านตรงที่จอด รถบัสเมื่อครู่ว่า บ้านส้าน
คุณปฏิพัทธ์รู้สึกดีใจ ดูมีความหวังขึ้น ชื่อหมู่บ้านมีคำว่าส้าน เหมือนนามสกุลคุณไพฑูรย์ จึงข้ามถนนตรงไปยังที่รถจอดเมื่อครู่ เพราะยังมี คนยืนอยู่ที่นั่น ๒ คน เป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่ง และคุณลุงสูงอายุอีกท่านหนึ่ง ลักษณะเหมือนมาส่งคนขึ้นรถ และทำท่าจะขี่มอเตอร์ไซด์กลับ
คุณปฏิพัทธ์ รีบถามดังๆ ว่ารู้จักคุณไพฑูรย์ ชาวส้าน มั้ยครับ เสียงคุณลุงท่านนั้นตอบมาว่า พ่อของไพฑูรย์ ยืนอยู่นี่ พร้อมกับชี้อกตัวเอง และบอกว่า คุณไพฑูรย์ขึ้นรถบัสสีส้มไป เมื่อครู่ ท่านเป็นคนมาส่ง ท่านรับอาสาขี่มอเตอร์ไซค์ตามให้ ยังพอตามทัน ให้คุณปฏิพัทธ์รอ อยู่ที่นั่น แต่คุณปฏิพัทธ์ขับรถตามไปด้วย ในที่สุดได้พบคุณไพฑูรย์สมความตั้งใจ
เมื่อพูดธุระกันเรียบร้อยแล้ว ได้เล่าความประหลาดใจในเหตุบังเอิญต่างๆ สู่กันฟัง ซึ่งคุณไพฑูรย์เห็นด้วย โดยพูดว่า
ทุกครั้งพ่อมาส่งผมที่ท่ารถ แล้วก็จะกลับทันที วันนี้ไม่รู้เป็นอย่างไร ส่งผมแล้วยังไม่รีบกลับ อยู่เป็นเพื่อนผม คอยรถตั้งชั่วโมงเศษ เมื่อก่อน ไม่เคยทำอย่างนี้เลย คุณปฏิพัทธ์ยืนยันว่า ต้องเป็นด้วยความศักดิ์สิทธิ์ ของพระมหาสิริราชธาตุ แน่นอน เพราะ คุณปฏิพัทธ์นึกถึงอยู่ตลอดเวลา จากนั้น สองฝ่ายต่างลาจากกันไป ทำหน้าที่ผู้นำบุญต่อ
คุณปฏิพัทธ์ยังเล่าต่ออีกว่า วันอาทิตย์ต่อมา ผมได้โทรศัพท์ไปที่วัด ขอทำบุญสร้าง พระที่แกนกลาง มหาธรรมกายเจดีย์ บูชาธรรม พระเดช พระคุณ พระราชภาวนาวิสุทธิ์ ๑ องค์ และไปที่วัดรับพระของขวัญ พระมหาสิริราชธาตุ เป็นของตนเอง ได้ปฏิบัติตามคำสอนที่ พระเดชพระคุณ หลวงพ่อแนะนำ คือให้ระลึกถึงท่านบ่อยๆ พูดสรรเสริญความศักดิ์สิทธิ์ เหมือนกับ สรรเสริญคุณ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า (เพราะเป็นพระพุทธรูป ซึ่งเปรียบเหมือน ตัวแทนพระองค์ท่านอยู่แล้ว) เจอใครๆ ก็ให้พูด เล่าให้เขาฟังทุกวัน แล้วผมยังสามารถชวนคนอื่นทำ บุญสร้างพระ ที่แกนกลาง ได้ง่ายๆ อีก ๒ องค์
[สารบัญ] [ ๔๑ ] [ ๔๒ ] [ ๔๓ ] [ ๔๔ ] [ ๔๕ ] [ ๔๖ ] [ ๔๗ ] [ ๔๘ ] [ ๔๙ ] [ ๕๐ ]