อานุภาพพระมหาสิริราชธาตุ

๓๓๑.มีดกระเด็น

คุณนุกูล วรรณสมบูรณ์ อยู่ย่านสุทธิสาร กรุงเทพมหานคร ได้เล่าว่า 

เรื่องที่ประสบกับอานุภาพพระมหาสิริราชธาตุ นอกจากเป็นเรื่องเหลือเชื่อแล้ว ยังเป็นความเชื่อส่วนตัว ไม่อาจที่จะนำมาเป็นบรรทัดฐาน ของผู้ใด เพียงแต่เป็นกำลังใจในการสร้างบารมีเท่านั้น ตนเองนอกจาก จะศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงแล้ว เนื่องจากไม่ได้ ไปเรียน ทุกวัน จึงมีอาชีพขายรองเท้าแฟชั่นไปด้วย ที่ย่านการค้า RCA2 บริเวณข้างร้านเซเว่น และด้วยเหตุที่อายุยังน้อย เริ่มทำการค้า มีอาชีพ มีเงินใช้ มีปัจจัยทำบุญ และเราทำได้ดี จึงเป็นที่พอใจของคนที่สนับสนุน แต่ก็มีคนที่ไม่พอใจที่เห็นเราทำได้ จึงคิดกลั่นแกล้ง ด้วยการใส่ร้าย ให้อันธพาลแถวๆ บ้านมาหาเรื่อง

วันที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๔๒ คุณนุกูลกำลังนั่งขายของ และคุยกับเพื่อนๆที่อยู่ร้านขายของข้างๆ ก็มีคนเดินลักษณะเป็นวัยรุ่น นักเรียน อาชีวะ อายุประมาณ ๑๘ ปี ชี้หน้าด่าด้วยคำหยาบคาย ซึ่งมีใจความว่า คุณนุกูลไปกล่าวร้ายพวกเขาไว้ และเมื่อคนนั้น ได้ด่าว่าคุณนุกูล เสร็จ ก็เดินจากไป คุณนุกูลกล่าวว่า ผมก็งงๆ อยู่ว่ายังไม่รู้เรื่องเลย เดินไปซะแล้ว 

ซึ่งอีกสักพักใหญ่ๆประมาณ ๑ ชั่วโมง ก็มีอีกคนหนึ่งเป็น วัยรุ่น ที่ดูเหมือนเป็น อันธพาล ขับรถมอเตอร์ไซค์มาจอดในซอยอินทามระ ๔๑ ซึ่งอยู่ ที่ข้างร้านคุณนุกูล แล้วเรียกให้เด็กผู้หญิงที่อยู่แถวนั้น มาถามคุณนุกูลว่า คนไหนชื่อนุกูล มีคนรออยู่ที่ข้างซอย

คุณนุกูลก็รู้ว่า คราวนี้มีเรื่องแน่ๆ เพื่อนที่อยู่ร้านข้างๆ ถามว่าให้ช่วยไหม คุณนุกูลบอกว่าไม่ต้องหรอก จัดการเองได้ ทั้งๆ ที่รู้ว่า มีเรื่องแน่ๆ แต่กล้าที่จะเผชิญด้วยตัวเอง ไม่อยากให้เพื่อน ต้องมาเกี่ยวข้องด้วย และมั่นใจว่า เราไม่ผิดจริง จะไม่มีอะไรทำร้ายเราได้ และตัวเองก็รู้สึก มั่นใจ เพราะตนเองก็ห้อยพระมหาสิริราชธาตุ ถึง ๔ องค์ 

คุณนุกูลเดินเข้าไปหาอันธพาลคนนั้น เมื่อเขาเห็นคุณนุกูล ก็พูดจาไม่รู้เรื่อง จะหาเรื่องอย่างเดียว เมื่อเห็นว่า พูดกันไม่รู้เรื่องแล้ว จึงพูดออก ไปว่า ถ้าผมทำอะไรไม่ดีไว้ ก็ขอโทษด้วย ซึ่งคำพูดนี้คุณนุกูล กล่าวว่า ผมไม่ต้องพูดก็ได้ เพราะผมไม่ได้ทำอะไรผิด แต่เพราะอยากตัดปัญหา

แต่เหตุการณ์ก็ไม่ได้ดีขึ้น เพราะยิ่งพูดตัดปัญหา ฝ่ายนั้นยิ่งอยากมีเรื่อง คุณนุกูลจึงพูดออกไปว่า อยากจะทำอะไรก็ทำ จะรีบไปทำงาน ซึ่งอีก ฝ่ายคงนึกว่า คุณนุกูลอยากลองดี จึงกระหน่ำต่อยตีคุณนุกูลอย่างหนัก คุณนุกูลก็ยืนให้ทำร้ายเฉยๆ เพราะไม่คิดจะตอบโต้ แต่อันธพาล คนนั้น ยิ่งโกรธมาก และได้ชักมีดหัวตัด ออกมาจากเอว ยาวประมาณ ๒ ฟุตกว่า แม่ค้าที่ขายของบริเวณนั้น ก็หวีดร้องด้วยความตกใจ

แต่อันธพาลคนนั้น ก็ไม่สนใจ เงื้อมีดแล้วฟันมาที่แขน คุณนุกูลเห็นก็นึกในระหว่างที่กำลังฟันว่า เราต้องไม่เป็นอะไร ซึ่งก็เป็นเรื่องที่แปลก เมื่ออันธพาลคนนั้น ฟันอย่างแรงที่แขน เมื่อมีดมากระทบที่แขน มีดกระเด็นไปไกล เหมือนมีใครมาปัด และหล่นลงที่พื้น อันธพาลคนนั้น เห็นก็งง เพราะฟันไม่เข้า จึงรีบเก็บมีด และได้บอกกับคุณนุกูลว่า ให้รีบไปเลยไม่ต้องมาให้เห็นหน้าอีก แล้วก็ได้ขับมอเตอร์ไซค์จากไป

 คนที่มุงดู ก็เข้ามาดูอาการคุณนุกูลและพูดกันว่า โชคดีที่ฟันไม่เข้า คุณนุกูลดูที่แผลก็แปลกใจว่า เขาก็ฟันมาที่แขนค่อนข้างแรง แต่กลับมีแค่ รอยถลอกนิดเดียว เลยนึกถึงพระมหาสิริราชธาตุ ที่ห้อยอยู่ที่คอ จึงคิด ว่าท่านคงช่วยเราเป็นแน่ หลังจากเกิดเหตุจึงได้ข้อคิดว่า ชีวิตนี่ไม่ แน่นอน ความตายไม่มีนิมิตหมาย ถ้าในตอนนั้น เขาฟันแขนเราเข้า ป่านนี้เราคงเป็นคนพิการแน่ ปัจจุบันจึงยิ่งรีบเร่งทำความดี ทำบุญกุศล มากขึ้น ครั้งที่แล้วบุญอาจจะส่งผลช่วยไว้ได้แต่ถ้าเมื่อไรบุญหมด เราคงต้องแย่แน่

ความอิจฉา คือความไม่พอใจในสมบัติหรือคุณความดีของผู้อื่น รากเหง้าที่แท้จริงของความอิจฉา คือโทสะ ความโกรธ ความไม่พอใจในสิ่ง ที่มากระทบ ใคร่กำจัดไปให้พ้น ความอิจฉาเมื่อเกิดขึ้นกับจิตใจของผู้ใด ย่อมทำให้เกิดทั้งโทสะ และโมหะ เป็นอกุศลจิต ดังที่คุณนุกูล เล่ามา ให้ฟัง คือ 

เมื่อพวกขาดปัญญา (มีโมหะ) มีอายุวัยเดียวกับคุณนุกูล มีที่อยู่อาศัยใกล้เคียง เห็นความเป็นอยู่ของคุณนุกูล อายุก็เท่าๆ กัน สามารถเรียน มหาวิทยาลัย ขณะเดียวกัน ก็มีอาชีพการงาน มีรายได้ดี ถ้ามีปัญญา ก็จะต้องถือเอาคุณนุกูล เป็นตัวอย่างชีวิต เรียนด้วย ทำงานด้วย ทำบุญ ด้วย ชีวิตย่อมรุ่งเรือง เหมือนคุณนุกูล แต่เพราะขาดปัญญา กลับมีความโกรธ ความอิจฉาเกิดขึ้น

ความอิจฉานั้น เมื่อมีรากเหง้ามาจากความโกรธ มันก็ย่อมย้อมใจให้คนขี้อิจฉา ทำอะไรๆ ร้ายๆ ให้แก่ผู้ที่ตนอิจฉา ทั้งที่ฝ่ายนั้น ไม่ได้ให้ร้าย อะไรแก่ตนเลย

คุณนุกูลใช้วิธีแก้ปัญหาคนขี้อิจฉา คือทั้งอดทน ทั้งสงบนิ่ง ไม่โต้ตอบเมื่อเขามาด่าว่า ก็ยังไม่เท่าไหร่ แต่นิ่งให้เขาต่อยตี กระทั่งใช้มีดเล่มยาว ฟันเอานั้น ไม่ทราบถูกต้องหรือเปล่า ดูออกจะมากไปหน่อย ถ้าพระมหาสิริราชธาตุไม่ช่วย คุณนุกูลอาจจะไม่มีแขน ทำมาหากินไปแล้วก็ได้

อย่างไรก็ตาม คนที่มั่นใจในคุณงามความดีของตน มั่นใจในอานุภาพบุญ อานุภาพคุณพระรัตนตรัย จิตใจย่อมมั่นคงเป็นอุเบกขา วางเฉย ในอารมณ์ที่มายั่วยุ ใจชนิดนี้มีพลานุภาพมาก และสร้างปาฏิหาริย์ได้เป็นอัศจรรย์


[สารบัญ] [๓๓๐] [๓๓๑] [๓๓๒] [๓๓๓] [๓๓๔] [๓๓๕] [๓๓๖] [๓๓๗] [พิเศษ] [๓๓๘] [๓๓๙]