อานุภาพพระมหาสิริราชธาตุ

๓๔๙.เสียงเตือนจากเพื่อนต่างภพ

คุณสุนันท์ ผลเจริญ อยู่ที่เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ เล่าว่า

เคยพาครอบครัวมาวัดครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๘ จากการได้เห็นภาพของหลวงพ่อธัมมชโย ท่านกำลังกวาดศาลาจาตุมหาราชิกา ภาพนี้ อยู่ในหนังสือ นิตยสารบางกอก ในหนังสือบรรยายว่า ท่านมีศีลาจารวัตรงดงาม จึงได้พาครอบครัวมากราบ หลังจากนั้น จึงมาวัดอีกครั้ง ปี พ.ศ.๒๕๓๖ และทราบเป้าหมายของชีวิตว่า เราเกิดมาสร้างบารมี 

นั่งสมาธิแล้ว ทำให้จิตใจสงบ สะอาด สว่าง เป็นที่มาแห่งบุญกุศล และ บุญยังคอย คุ้มครอง ปกป้องและรักษาผู้ที่ประพฤติธรรม ให้พบแต่ ความสวัสดีมีชัย อยู่เสมอ 

รู้ว่าการได้รักษาศีลเป็นประจำ ทำให้ไม่เบียดเบียนผู้อื่น รู้จักการให้อภัยทาน ซึ่งกันและกัน ทำให้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขเพิ่มขึ้น ทั้งตนเอง และสังคมรอบข้าง

คุณสุนันท์ได้มีส่วนร่วมในการสร้างพระธรรมกายประจำตัว และบอกข่าวบุญในการสร้างพระ สร้างเจดีย์ ไปยังผู้ที่ใกล้ชิด ให้ได้ร่วมกัน ทำบุญใหญ่ในครั้งนี้ ๒๐๐ กว่าองค์ และยังได้มีโอกาสสั่งสมบุญใหญ่ในชีวิต อีกนับครั้งไม่ถ้วน ซาบซึ้งใน พระพุทธศาสนา คุณของ พระรัตนตรัย ว่า มีค่าอย่างนับประมาณมิได้

เป็นพระคุณของบรรพบุรุษที่ท่านรักษาเอาไว้ให้รุ่นลูกรุ่นหลาน มีหลักธรรมในพุทธศาสนา เป็นเครื่องจรรโลงใจ ให้อยู่ร่วมกัน อย่างมีความสุข ภาพที่ติดตาติดใจ นึกถึงครั้งใด ก็ปีติในบุญทุกครั้ง คืองานวันที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๒ 

คุณสุนันท์ เป็นผู้หนึ่งที่ขวนขวายในการออกไปนิมนต์พระภิกษุสงฆ์ทั่วประเทศไทย เพื่อให้ท่านได้มาสอบ ตอบปัญหาระแท้ในวันนั้น ซึ่งรวม ทั้งหมดแล้ว กว่า ๑๐๐,๐๐๐ รูป 

ยิ่งงานธุดงค์วิสาขบูชาที่ผ่านมา ยิ่งได้บุญสั่งสมบารมีเพิ่มขึ้นอีก โดยการมาอยู่ธุดงค์ ๑ สัปดาห์ เป็นภาพที่ปีติและประทับใจมาก

หลังจากสร้างพระ และได้รับพระของขวัญ พระมหาสิริราชธาตุ ไว้บูชาแล้ว คุณสุนันท์ก็สวดสรรเสริญสม่ำเสมอทุกวัน มิเคยขาดสวดถึง วันละ ๙ จบ เพราะเชื่อมั่นคุณของ พระของขวัญอันศักดิ์สิทธิ์ และต้องทำใจให้เลื่อมใส อย่างสม่ำเสมอ

ปกติคุณสุนันท์ต้องขับรถไปต่างจังหวัดบ่อยๆ มีอยู่หลายครั้ง ที่พบกับเหตุการณ์หัวเลี้ยวหัวต่อบนท้องถนน เมื่อเหตุการณ์ผ่านไปแล้ว มานึก ทบทวนดู ก็ต้องขนลุก คิดว่าเรารอดชีวิต จากเหตุการณ์ในครั้งนั้น มาได้อย่างไร พระท่านต้องตามคุ้มครองรักษา ช่วยแก้ไขให้แคล้วคลาด แน่ๆ เลย

ครั้งหนึ่ง คุณสุนันท์ได้ออกเดินทางจะไปจังหวัดสกลนคร เดินทางไปพร้อมกับลูกชาย ซึ่งยังอยู่ในช่วงวัยรุ่น ความตั้งใจคือ จะออกไปหาซื้อกล้า พันธุ์ไม้ สถานที่ใด เป็นแหล่งผลิต ก็แวะและซื้อไปเรื่อยๆ เดินทางไปจนถึงโคราช ของที่ซื้อก็เต็มกระบะหลัง จึงเปลี่ยนใจตีรถกลับกรุงเทพฯ พอขับรถเหนื่อย ก็เปลี่ยนให้ลูกชายขับแทน ตนเองก็พักผ่อน ลูกชายขับรถมาด้วยความเร็วถึง ๑๒๐ กม./ชม. ตามวัยที่คึกคะนอง

พอมาถึงแถวประตูน้ำพระอินทร์ ลูกชายคุณสุนันท์กล่าวว่า เหมือนมีเสียงกระซิบที่ข้างหูว่า ขับช้าๆ หน่อย ลูกชายหันไปมองคุณสุนันท์ ทันที แต่ก็เห็นว่า ยังหลับอยู่ ก็คิดว่าคงหูแว่ว จึงปิดวิทยุเทป แต่ไม่ได้ลดความเร็วของรถ สักครู่ ก็มีเสียงนั้น ดังเตือนอีกเป็นครั้งที่ ๒ จึงเริ่มเอะใจ และระหว่างนั้น ก็ได้ยินเสียงของกระทบกันที่ท้ายรถ จึงชลอความเร็ว และจอดรถที่ข้างทาง เพื่อจัดของให้เป็นระเบียบ

ขณะที่จัดของที่อยู่หลังรถ คุณสุนันท์ก็ตื่นมาช่วยดูจนเสร็จแล้ว จึงออกรถเดินทางต่อไป พอออกรถอย่างช้าๆ รถมีเสียงดังกึกๆ คุณสุนันท์ ซึ่งมีประสบการณ์มากกว่า ก็รู้ว่า ล้อรถต้องมีปัญหาอย่างแน่นอน จึงให้จอดรถสำรวจล้อหลังด้านขวาดู

พอลงรถมาดูเห็นแล้วรู้สึกตกใจอย่างมาก เพราะสภาพยางนั้น มีรูใหญ่มาก ยางแตกจนเห็นเส้นลวด ที่ฝังอยู่ในวงล้อ โผล่ออกมา รู้สึกแปลกใจ ว่า ขับมาได้อย่างไรตั้งนาน และที่สำคัญขับด้วยความเร็วถึง ๑๒๐ กม./ชม. ทั้งที่ยางแตกมาตั้งนาน ถ้าเบรคในความเร็วขณะนั้น รถต้อง พลิกคว่ำทันที แต่นี่สามารถขับมาได้อย่างปลอดภัย 

ลูกชายได้เล่าให้คุณสุนันท์ฟังถึงเรื่องเสียงที่มาคอยเตือนไม่ให้ประมาท ถึง ๒ ครั้ง จึงทำให้รอดจากอุบัติเหตุร้ายแรง ก็ยิ่งทำให้คุณสุนันท์ อัศจรรย์ใจยิ่งนัก

อีกครั้งหนึ่งคุณสุนันท์ต้องเดินทางไปสระบุรี ขับรถคนเดียว และขับด้วยความเร็ว ๑๒๐ กม./ชม. เช่นกัน ขณะที่รถวิ่งมามองเห็นไกลๆ เหมือน มีขอนไม้ดำๆ ขวางอยู่กลางถนน ในใจก็คิดว่า จะวิ่งรถทับไป เพราะรถวิ่งมาด้วยความเร็ว และยังมีรถขับตามหลัง แต่เมื่อระยะห่าง เหลืออีก ประมาณ ๒๐๐ เมตร เปิดไฟสูงดู เอ๊ะ! ไม่ใช่ขอนไม้แล้วนี่ เป็นคน ๒ คนนอนเจ็บ มีรถมอเตอร์ไซค์ล้มอยู่ด้วย เป็นเพราะถูกรถเก๋งเฉี่ยว 

จึงรีบ แตะเบรค และตัดสินใจหักหลบทันทีขณะนั้น จึงทำให้รถเสียหลัก และในขณะที่รถกำลังจะพลิกตกลงคูข้างทาง ก็เหมือนมีอะไร มาคอย ประคองรถอยู่ ไม่ให้รถพลิกคว่ำ

คุณสุนันท์จึงรีบลงมา ดูคนที่นอนเจ็บอยู่ และได้นำส่งโรงพยาบาล เพราะมอเตอร์ไซค์ทับขาเขาอยู่ เหตุการณ์ครั้งนี้ได้ช่วยชีวิตคนไว้ ๒ คน และตนเองก็แคล้วคลาด จากอุบัติเหตุเป็นอัศจรรย์

ความมุ่งหมายของการเข้าวัด ถ้าเป็นความมุ่งหมาย หรือสาเหตุอ่อน ย่อมทำให้การตั้งใจเข้าวัด พลอยอ่อนกำลังได้ง่าย ถ้าความมุ่งหมาย เข้มแข็ง ก็พลอยให้ความตั้งใจ เข้มแข็งตามไป

การเข้าวัดของคุณสุนันท์ เป็นการเข้ามาบำเพ็ญบุญกุศลมั่นคง มาจนทุกวันนี้ ไม่ใช่เข้าเพราะสาเหตุภายนอกตัว เพียงแค่เห็นภาพ ดังที่เล่าไว้ แต่เข้าเพราะสาเหตุภาพในใจตนเอง คือ รู้เป้าหมายชีวิตว่าเ ราเกิดมาสร้างบารมี ซึ่งเป็นความมุ่งหมายยิ่งใหญ่ เพื่อตนเองแท้จริง คราวนี้ ไม่มีอะไร มาฉุดให้หลุดออกจากวัดได้อีก ได้มีโอกาสทำบุญ สร้างพระธรรมกายประดิษฐานไว้ ณ มหาธรรมกายเจดีย์ ทั้งของตนเอง และ ครอบครัว ตลอดจนชักชวน ญาติสนิทมิตรสหายได้กว่า ๒๐๐ องค์ เป็นที่น่าอนุโมทนา

เมื่อคุณสุนันท์ทำหน้าที่ผู้นำบุญ เทพยดาที่มีหน้าที่ดูแลคุณสุนันท์และครอบครัว ย่อมพยายามทำหน้าที่ของท่าน เต็มที่ที่สุด หากปล่อยให้ คุณสุนันท์และครอบครัว เดือดร้อน โดยมิใช่วิสัยของกรรมให้ผลแล้ว โอกาสการสร้างกุศลของคุณสุนันท์ ย่อมลดลง เทวดาก็มีบุญ ให้อนุโมทนา น้อยตามไปด้วย

ด้วยเหตุนี้เรื่องรอดจากอุบัติเหตุอย่างแปลกประหลาด จึงเกิดขึ้นให้เห็นทั้ง ๒ ครั้ง ไม่ว่าขับรถไปเองคนเดียว หรือครั้งที่มีลูกชายไปด้วย แล้วเปลี่ยนให้ลูกชายขับแทน คุณสุนันท์หลับไป ลูกชายไม่ชำนาญ เรื่องความผิดปกติของรถ เทวดาจึงต้องใช้วิธีพูดเตือนถึง ๒ ครั้ง ให้ได้ยิน ด้วยหู ทำให้ลูกชายเอะใจ ต้องนำรถเข้าจอดข้างทาง เป็นเหตุให้ผู้เป็นพ่อตื่นขึ้นมา ทันสังเกตพบความผิดปกติ รอดจากอุบัติเหตุ

สำหรับเหตุการณ์ที่คุณสุนันท์ขับรถไปตามลำพัง พบคนสองคนบนถนนคิดว่า เป็นต้นไม้ จะหยุดรถว่าเกรงรถที่ตามมาข้างหลัง จะเสียหลัก นั่นก็เป็นความเมตตา ที่มีอยู่ประจำใจ ครั้นเห็นว่า ไม่ใช่ต้นไม้แต่เป็นคน จึงหักหลบกระทันหัน จนเป็นเหตุให้รถเสียหลัก เกือบตกถนน ซึ่งรู้สึกว่า มีบางสิ่งช่วยประคองรถเอาไว้ ไม่ให้พลิกคว่ำ นี่ก็ต้องเป็นอำนาจ พุทธานุภาพ และเทวานุภาพ อย่างแน่นอน

เพราะคุณสุนันท์มิได้สวดสรรเสริญ จบเดียวธรรมดา แต่จะสวดอย่างน้อยถึงวันละ ๙ จบ

การสวดสรรเสริญคุณ พระรัตนตรัย เป็นการทำสมาธิจิตวิธีหนึ่ง จิตหยุดสนิท ที่ศูนย์กลางกาย อันเป็นแหล่งเกิด และแหล่งเก็บบุญกุศล เหมือนได้มีโอกาสนำบุญ ที่มีอยู่ หรือที่กำลังเกิดขึ้นมา ใช้ได้ทันเหตุการณ์ทุกครั้ง

อย่างไรก็ตาม การทำตามคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า อย่าประมาท เป็นดีที่สุด การขับรถไปทางไกลๆ ควรตรวจสภาพของรถ ให้เรียบร้อยทุกครั้ง เพราะอุบัติเหตุเกิดได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะเรื่องความเร็วของรถ ก็ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ ควรถือคติว่า ช้าถึงบ้าน เร็วถึงโรงพยาบาล ไว้ประจำใจ จะได้ไม่ใจร้อนเกินกว่าเหตุ 

การขับรถเร็วเกินไปเมื่อมีเหตุการณ์กระทันหัน การแก้ไขเฉพาะหน้า ทำได้ยากกว่า การไปช้าๆ ช้าไว้ปลอดภัยกว่า แม้จะมีบุญกุศล ทำไว้แล้ว ก็จริง การได้มีชีวิตอยู่ต่อ ย่อมมีโอกาสสร้างบุญกุศลเพิ่ม ดีกว่ารีบตายหรือพิการ

คนเราไม่ใช่ตาย เพราะสิ้นอายุหรือหมดกรรมหล่อเลี้ยง หรือหมดทั้งอายุหมดทั้งกรรมเท่านั้น แต่ตายทั้งที่ยังมีบุญอยู่ อายุก็ยังไม่มาก คือตาย เพราะอุบัติเหตุก็มี

ด้วยเหตุนี้ การไม่ประมาทจึงเป็นสิ่งดีที่สุด การเกิดเป็นคนเป็นของยาก เกิดแล้วดำรงชีวิตอยู่ อย่างไม่ประมาท ยิ่งยากกว่า


[สารบัญ] [๓๔๘] [๓๔๙] [๓๕๐] [๓๕๑] [๓๕๒] [๓๕๓] [๓๕๔]