คุณอุรารัตน์ ไชยรังษี อยู่เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ มาวัดปฏิบัติธรรมเป็นประจำ และรักการทำบุญร่วมบุญ เกือบทุกกิจกรรม ทั้งปล่อยปลา และ ปฏิบัติธรรม พิเศษคือการรวมกันไปนั่งสมาธินอก เหนือจากการมาวัด เลือกสถานที่สงบเป็นธรรมชาติ และสวยงาม ให้ได้บรรยากาศ ที่เจริญตาและเจริญใจ
เธอเล่าว่า จุดเริ่มต้นของการสร้างบุญสร้างบารมีที่วัดพระธรรมกาย เมื่อช่วงเทศกาล ปีใหม่ พ.ศ.๒๕๔๐ ได้มีเพื่อนชื่อ คุณอรนงค์ เอกชูเกียรติ มาชวนอยู่ธุดงค์ต้อนรับปีใหม่ เริ่มตั้งแต่ วันที่ ๒๙ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๓๙ ถึง วันที่ ๒ มกราคม พ.ศ.๒๕๔๐ รวม ๕ วัน ฟังดูก็น่าสนใจ เป็น การฉลองพุทธศักราชใหม่ ที่ดีกว่าปีก่อนๆ แต่ยังไม่ตอบรับ เอาไปนอนคิดก่อน คิดไปคิดมาก็นึกถึงน้องชายที่เพิ่ง จะเสียชีวิตไป ขณะที่ยังอยู่ใน วัยหนุ่ม ประกอบกับความรักความผูกพันในตัวน้องชายด้วย จึงตัดสินใจจะไปอยู่ธุดงค์ ๕ วัน เพื่อจะได้ อุทิศผลบุญไปถึงผู้ที่จากไป
เมื่อได้เข้าถึงบริเวณวัดครั้งแรก ก็ประทับใจ สถานที่สะอาดเป็นระเบียบ แต่ก็มีปัญหาคาใจอีกหลายๆ เรื่องที่เป็นคำถาม ในระหว่างที่อยู่ธุดงค์ ๕ วันนี้ ก็ศึกษาไปเรื่อยๆ และทุกคำถาม ก็จะพบคำตอบ ที่สามารถไขข้อข้องใจของเธอได้ ทั้งฟังจากพระภิกษุ และหาหนังสือที่มีให้ค้นอ่าน ประทับใจ การตักบาตรในตอนเช้า อยู่จนกระทั่งปิดธุดงค์
ต่อมาเพื่อนชวนมาร่วมพิธี บูชาข้าวพระ จึงเริ่มเข้าใจเรื่องการทำบุญทำอย่างไร ผลของทานจะให้ผลมากน้อย แตกต่างกันไปตามเหตุ ตามปัจจัย หมั่นตรึกระลึกนึกถึงบุญ ที่ตนเองทำมา อย่างสม่ำเสมอ โดยการสวดมนต์นั่งสมาธิทุกวัน
ยิ่งในช่วงสร้างพระ สร้างเจดีย์ คุณอุรารัตน์ก็มีโอกาสได้สร้างพระประจำตัว และได้รับพระมหาสิริราชธาตุ มาไว้บูชาอยู่หลายองค์ ตอนเช้า สวดสรรเสริญ ๓ จบ และตอนเลิกงานอีก ๓ จบ แม้วันใดจะกลับดึก เธอก็ไม่เคยเว้นในการสวดเลย และขณะทำงาน ก็จะสวดไปด้วย ถ้าเวลา เอื้ออำนวย
ปัจจุบันเธอทำงานที่บริษัทคอมพิวเตอร์แห่งหนึ่ง เธอประสบอานุภาพของพระมหาสิริราชธาตุ เมื่อเร็วๆนี้ เธอเล่าว่า
วันนั้นตรงกับวันที่ ๑๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๒ ตอนเย็นได้ไปงานเลี้ยงแถว ถนนเพชรบุรีตัดใหม่กับลูกค้า พร้อมกับเพื่อนที่ชื่อ ประชา และ ตอนเลิก จะขับรถกลับบ้านใน วันนั้นก็เหมือนมีลางสังหรณ์ว่า จะเกิดอุบัติเหตุ เพราะปกติจะกลัด พระมหาสิริราชธาตุของเธอเอง ไว้ที่คอเสื้อ แต่ ในวันนั้นลืม ก็ได้เล่าให้คุณประชาฟัง
คุณประชาอาสาว่า จะขับรถไปส่ง ก็บอกไปว่า ไม่เป็นไร เพราะขับอยู่ทุกวัน แต่ถึงอย่างไร ก็ยังรู้สึกเป็นกังวลอยู่ดี คุณประชาจึงนำพระของเขา ให้เธอกลัดแทน ก็ขับจากซอยอุดมสุข ถึงทางแยกจะขึ้นทางด่วนซอย สุขุมวิท ๖๒
พอขับเลี้ยวขึ้นบนทางต่างระดับ เพื่อจะไปที่ด่านเก็บเงินค่าทางด่วน พอขึ้นทางต่างระดับ เธอก็ขับชิดเลนขวาทันที โดยที่ลืมดูไปเลยว่า ถนน เป็นวันเวย์หรือทูเวย์ ขณะเวลาที่จะเกิดเหตุ รู้สึกตอนนั้นถนนเงียบมาก วินาทีถัดมา พอเธอเงยหน้ามองไปที่หน้ารถ ก็เห็นกันชนของ รถมิตซูบิชิโฟร์วีล ประจันหน้ากันแล้ว ไม่สามารถจะแก้ไขอะไรได้
รถทั้งสองคัน วิ่งตรงเข้ามาประสานงากันอย่างแรง เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ประกายไฟจากโลหะของรถทั้ง ๒ กระทบ กัน ประทุแตกกระจายไป ทั่วบริเวณนั้น ร่างกายเธอ บริเวณหน้าอก และศีรษะ กระแทกกับพวงมาลัยทันที เธอวูบไปชั่วขณะหนึ่ง
พอเหตุการณ์สงบลง เธอได้สติก็สำรวจตัวเอง ก็เห็นว่า เรายังปลอดภัย ยังมีชีวิตอยู่ ก็รีบออกมาจากรถ ส่วนคู่กรณี ก็รีบลงมาจากรถเช่นกัน และก็เข้ามาต่อว่าเธอยกใหญ่ เพราะเธอเป็นฝ่ายผิด ที่ขับรถมาอยู่ในเลนของเขา ซึ่งเธอก็ยอมให้เขาว่า โดยไม่เถียงเลย เพราะรู้ว่าตนเองผิด
ในขณะที่กำลังงงกับเหตุการณ์อยู่ เสียงโทรศัพท์มือถือ ที่คุณประชาลืมไว้บนรถ ก็ดังขึ้น เธอรีบรับสาย และได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ให้คุณ ประชาฟัง เพื่อนตกใจมาก และรีบนั่งรถแท๊กซี่ตามมาที่สถานที่เกิดเหตุทันที
เจ้าของรถมิตซูบิชิ บอกว่า ในขณะที่เห็นรถของเธอตอนนั้น จำ เป็นต้องตัดสินใจไม่หักหลบ และยอมให้ชน เพราะถ้าหักหลบตอนนั้น ก็จะไป ชนกับรถมอเตอร์ไซค์อีกคัน ที่อยู่เลนซ้าย ซึ่งเป็นอันตรายมากกว่า
เมื่อคุณประชามาถึงที่เกิดเหตุ จึงรีบเข้ามาดูอาการของคุณอุรารัตน์ และก็พาไปตรวจเช็คที่โรงพยาบาล คุณหมอบอกว่า ปลอดภัย ไม่ต้อง นอนพัก ซึ่งพอคุณหมอทราบว่า เกิดจากเหตุเพราะรถประสานงากัน ก็แปลกใจ ที่ไม่มีบาดแผลร้ายแรง มีเพียงรอยฟกช้ำเท่านั้น
จากนั้น ก็ไปที่สถานีตำรวจ พอดีวันนั้น คุณประชาใส่เสื้อหยุดแขนยาวสีขาวอยู่ ได้ไปพบผู้กองที่รับเรื่องของเธอ พอเห็นเสื้อที่ใส่ปุ๊บ ประโยคที่ ท่านทักถามคำแรกคือ "ไปวัดนี้หรือ" และเขาก็เห็นพระที่เธอกลัดห้อยอยู่ ผู้กองก็หยิบองค์พระมหาสิริราชธาตุ มาให้ดู และได้กล่าวว่า ผมก็ได้ มาร่วมบุญที่วัดนี้เหมือนกัน ซึ่งตอนนั้น พอดี คู่กรณีกลับไปก่อนแล้ว ซึ่งเขาขอนัดเจอกันวันรุ่งขึ้น จึงได้คุยกันเรื่องวัดกับผู้กองสักครู่ จากนั้น ก็ลากลับ
พอกลับถึงที่พัก ก็รีบนั่งสมาธิ นึกถึงบุญ อธิษฐานขอให้เรื่องจบลง อย่าได้เอาเรื่องเอาราวอะไรเลย และขอร่างกายของเธอ ที่ฟกช้ำ ให้หายไวๆ อย่าเป็นอะไรมาก
รุ่งเช้าไปที่โรงพักความอัศจรรย์ก็เกิดขึ้น คู่กรณีบอกไม่เอาความ ขอให้เลิกแล้วต่อกัน ทั้งที่ในแง่กฎหมายเธอผิด ๑๐๐% ตกลงเรื่องที่ว่า ดูจะ ยุ่งยาก ก็จบลงง่ายๆ เธอบอกช่วงอยู่ในเหตุการณ์ เธอจะนึกถึงบุญอย่างเดียว ที่รอดมาได้เพราะบุญ เรื่องจบลงโดยง่าย ก็เพราะบุญ จึงต้องรีบประกอบเหตุ ทางมาแห่งบุญเพิ่ม
โดยในช่วงนั้น เป็นสัปดาห์ปฏิบัติวันวิสาขบูชา จึงมาอยู่ปฏิบัติธรรม ๑ สัปดาห์ จากการปฏิบัติธรรมครั้งนั้น ก็ยิ่งทำให้ตระหนัก และเข้าใจถึง คุณค่า ของความสำคัญของบุญว่า บุญนั้น เป็นสิ่งที่อยู่เบื้องหลังความสุข ของชีวิตทั้งหลายทั้งปวง
รายนี้ คุณอุรารัตน์ เป็นตัวอย่างที่ดีแก่ผู้คนทั่วไป ที่สงสัยการทำงานของวัด เข้าวัดเมื่อปี พ.ศ.๒๕๔๐ นี้เอง เพราะได้รับการชักชวน ให้ไปอยู่ ธุดงค์ ในเทศกาลปีใหม่ บังเอิญน้องชายเพิ่งเสียชีวิต คิดต้องการสร้างบุญกุศลอุทิศให้น้อง จึงลองไปวัด เมื่อไปอยู่ธุดงค์ ๕ วันครั้งนั้น ข้อสงสัย ทั้งหมด กระจ่างแจ้งทุกประการ
นี่ถ้าคนช่างติติง ช่างสงสัยทั้งหลาย ทดลองกระทำอย่างคุณอุรารัตน์ คงจะได้บุญกันไปไม่น้อย อย่างน้อยตนเองหายสงสัย ยังช่วยป้องกัน ไม่ให้ทำบาปเพิ่ม ด้วยการกล่าวร้ายตามคำพูดของผู้อื่น เพราะทราบความจริงถ่องแท้ด้วยตนเอง
สำหรับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นทั้งหมด ตามที่เล่ามา หากให้สันนิษฐาน น่าจะเป็นบาปอกุศลเก่าตามมาทวงหนี้ เพราะเริ่มต้นมาตั้งแต่ การลืมนำ พระมหาสิริราชธาตุติดตัว ก่อนออกจากบ้าน จนเพื่อนบ้านเป็นห่วง ต้องให้ยืม และยังสังหรณ์ใจ จนคิดจะตามกลับมาส่งอีก เมื่อตามไม่ได้ ก็ยังติดต่อทางโทรศัพท์มือถือ กระทั่งมาให้การช่วยเหลือทันเวลา ขณะกำลังประสบอุบัติเหตุ
ตัวคุณอุรารัตน์เองเล่าว่า ขับรถเหมือนไม่ใคร่รู้เรื่องว่า ทางใดไปไหน วันเวย์ ทูเวย์ ซึ่งเป็นอาการของคนที่ถือกันว่า กำลังมีเคราะห์ คือ มีอกุศลวิบากเก่าตามมาทวงหนี้ คนประเภทนี้ มักรู้สึกเหมือนตนเอง ใจลอย คิดอะไรไม่ออก บางคนเห็นเป็นภาพลวงตาด้วยซ้ำไป เห็นมีคนยืนขวางถนน ทำให้ต้องขับรถหักหลบไป จนเกิดอุบัติเหตุ บางทีเห็นไฟสัญญาณจราจร สีเขียวเป็นสีแดง สีแดงเป็นสีเขียว ขับรถผิดจนมีอุบัติเหตุ ที่มีเคราะห์หนักบางราย พวงมาลัยรถ มีอาการหนัก จนหักไม่ได้ พุ่งตรงดิ่งเข้าชนเอาเลย
เรื่องราวเหล่านี้ เป็นหลักฐานชัดเจนว่า แรงใดไม่แรงเท่าแรงกรรมจริงๆ กรรมนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า "เจตนานั่นแหละคือตัวกรรม" หมายถึงว่า เราจะทำดีก็ตาม ทำชั่วก็ตาม สำเร็จออกมาได้ จนเรียกว่า เป็นกุศลกรรม หรือ อกุศลกรรมนั้น ต้องมาจากจิตใจ เป็นผู้บงการ สั่งกาย วาจา ให้ทำตาม แต่จิตใจที่จะคิดเรื่องใดขึ้นมาได้ก็ตาม จะต้องมีองค์ประกอบหลายอย่างมาร่วมทำงานด้วย เจตนาเป็นเจตสิก ชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้น พร้อมกับการทำงานของจิต มีหน้าที่แสวงหา หรือขวนขวายที่จะให้เป็นไปในอารมณ์ หรือความตั้งใจ หรือความสำเร็จ ที่ต้องการให้เกิด
เพราะฉะนั้น การกระทำให้ที่มีเจตนา ย่อมถือว่า การกระทำนั้นเป็นกรรม รายคุณอุรารัตน์ คงเป็นกรรมฝ่ายอกุศล ที่เคยทำเอาไว้ในอดีต ไม่ทราบชาตินี้ หรือชาติไหนๆ ตามมาทัน ทำให้ต้องพบกับรถคู่กรรม ทำให้ร่างกายฟกช้ำดำเขียว และรถเสียหาย ยับเยิน ค่าซ่อมต้องสูงมาก เพราะยี่ห้อมีราคา ซึ่งอาจเป็นทั้งเวรปาณาติบาต ทำร้ายเจ้าของทรัพย์ที่ตนเคยแย่งชิงเอามา เป็นเวรอทินนาทาน อีกประการหนึ่ง กรรม ทั้งสองดังกล่าว ตามมาเบียดเบียนชีวิตของคุณอุรารัตน์
ขณะเดียวกัน กรรมฝ่ายดี ที่ได้สร้างบุญกุศลไว้ที่วัดพระธรรมกาย หลายๆ เรื่อง โดยเฉพาะการสวดสรรเสริญคุณของพระรัตนตรัย อยู่เสมอ แม้แต่ฟังเทป ก็เป็นเทปบทสวดสรรเสริญบ้าง เทปเพลงธรรมบ้าง บุญกุศล ที่บังเกิดขึ้น จึงตามมาตัดรอนกำลังของบาป ให้อ่อนลงไป บาดเจ็บ ก็ไม่หนักมากถึงพิการ หรือเสียชีวิต
การเสียทรัพย์ก็เป็นเพียงซ่อมรถของตนเอง ส่วนคู่กรณีซึ่งเป็นฝ่ายถูกร้อยเปอร์เซนต์ กลับรู้สึกเห็นอกเห็นใจ ไม่เอาความ ขอเลิกแล้วต่อกัน ต่างคนต่างซ่อมรถของตนเอง อาจเป็นบุญญานุภาพที่คุณอุรารัตน์ ประกอบไว้มากระยะนี้ บุญนั้นเอง เป็น แรงกรรมดีส่งผลให้ รวมทั้ง เทวานุภาพในองค์พระมหาสิริราชธาตุ ประกอบเข้าด้วยกัน เรื่องหนักกลายเป็นเบา
ด้วยเหตุนี้ การมีความเชื่อว่า บุญเป็นที่พึ่งได้ จึงมิใช่เรื่องเหลวไหล บุญก็คือแรงของกรรมดี เมื่อแรงแห่งกรรมดีจะส่งผล แรงกรรมชั่ว ก็จะต้อง อ่อนกำลังลงแน่นอน
หากจะตั้งหน้าตั้งตาทำแต่ความดีไว้เรื่อยไป ความชั่วไม่ทำเลย ไม่ว่าในชาตินี้ หรือชาติไหนภายภาคหน้า ย่อมจะมีแต่แรงกรรมดีเท่านั้น ให้ผลไม่มีจบสิ้น จะไปหาแรงบาปที่ไหน มาตัดรอน
เมื่อเข้าใจกฎของกรรม หน้าที่การทำงานของกรรมถ่องแท้แล้ว จึงควรเลือกกระทำการต่างๆ ในชีวิตของเรา ให้ดีที่สุด ถูกต้องที่สุด แล้วเรา ย่อมเสียใจอะไรเลย ในการเกิดมาของชีวิตชาตินี้ และย่อมมีกำลังใจเกิดชาติหน้าใหม่ เพื่อสร้างบารมีให้เต็มที่ที่สุดต่อไป ไม่ย่อท้อ