โฮมเพจเพื่อเผยแพร่พระเกียรติคุณของ
|
|
ฐานะการคลังของรัฐบาล
แม้ว่ารายรับของรัฐบาลจะเพิ่มได้จำกัดด้วยผลของสนธิสัญญาเสียเปรียบที่ไทยจำเป็นต้องทำไว้กับต่างประเทศ แต่การพยายามควบคุมด้านรายจ่าย และการส่งออกข้าวที่ขยายตัวได้ดี ทำให้ในช่วง 10 ปีแรกแห่งรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้น รายจ่ายแผ่นดินสูงกว่ารายรับหรือเกิดการขาดดุลงบประมาณอยู่เพียงปีเดียวเท่านั้นคือปีพ.ศ.2454 และหลังจากนั้นงบประมาณก็เกินดุลเพิ่มขึ้นมาโดยตลอด เงินคงพระคลังจึงมีสะสมอยู่เป็นจำนวนมาก นับแต่ปี 2463 เป็นต้นมา ดุลงบประมาณแผ่นดินก็เริ่มมีปัญหา โดยเริ่มจากการเกิดภาวะฝนแล้งยาวนาน จนจำเป็นต้องห้ามการส่งออกข้าว เป็นผลให้รายได้จากอากรขาออกลดลงอย่างมาก และแม้ว่าจะมีการห้ามส่งออกเพียงปีเดียว แต่หลังจากนั้นการส่งออกของไทยก็ประสบปัญหาเนื่องจากความทรุดโทรมทางเศรษฐกิจภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ของประเทศที่เป็นคู่ค้าสำคัญ ทำให้รายได้ของรัฐบาลที่เกี่ยวข้องกับการผลิตข้าวเพื่อการส่งออกทั้งทางตรงและทางอ้อมเพิ่มขึ้นได้เพียงเล็กน้อย ในขณะที่จำเป็นต้องลงทุนในโครงการชลประทานเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาผลผลิตข้าวเสียหายร้ายแรงขึ้นอีก แม้ว่าต้นทุนของโครงการจะสูงขึ้นมากอันเนื่องมาจากราคาเครื่องจักรอุปกรณ์ที่ต้องสั่งซื้อจากต่างประเทศราคาสูงขึ้นตามภาวะเงินเฟ้อหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 การที่รายได้เพิ่มขึ้นได้เพียงเล็กน้อยไม่ทันกับรายจ่ายเช่นนี้ ทำให้งบประมาณแผ่นดินในช่วง 4 ปีสุดท้ายแห่งรัชสมัย (พ.ศ.2465-2468)ต้องขาดดุลอย่างไม่อาจเลี่ยงได้ อย่างไรก็ตาม จะเห็นได้ว่าถ้าหากยังคงอาศัยรายได้จากฝิ่นและการพนันเป็นหลักอยู่เช่นเดิมแล้ว การขาดดุลงบประมาณอาจจะไม่เกิดขึ้นเนื่องจากยอดการขาดดุลสูงสุดในช่วงนี้คือ 4.5 ล้านบาทในปี พ.ศ.2467 ในขณะที่รายได้ที่ขาดไปเพราะไม่ต้องการให้ราษฎรมัวเมาในอบายมุขนั้นไม่ต่ำกว่า 8-9 ล้านบาท งบประมาณรายรับรายจ่ายแผ่นดิน (พ.ศ.2453-2468)
ที่มา: Statistical Year Book of the Kingdom of Siam , B.E.2470 |