"หัวหน้างานคือผู้เชี่ยวชาญ" 00152



"หัวหน้างานคือผู้เชี่ยวชาญ"

คำว่า"จัดให้งานสำเร็จเป็นหน้าที่ของหัวหน้างาน"นั้นแปลได้ไปไกลแค่ไหน แปลได้โดย ตรงว่าตราบใดที่งานในความรับผิดชอบไม่สำเร็จหรือไม่บรรลุผลตามที่เป็นความรับผิดชอบแล้วละ ก้อ แปลว่าหัวหน้างานนั้นยังไม่พ้นความรับผิดชอบ ตัวอย่างต่างๆต่อไปนี้คงช่วยให้เห็นว่า หัวหน้างานเป็นผู้เชี่ยวชาญในงานเฉพาะด้านได้อย่างไร

1. หัวหน้างานด้านการตรวจสอบซึ่งมีหน้าที่ให้ฝ่ายงานต่างๆดำเนินการให้ถูกต้องตาม ระเบียบหรือตามกฎเกณฑ์ที่ตั้งไว้ ทางฝ่ายตรวจสอบไปตรวจและให้คำแนะนำแล้ว ปรากฏว่า ทางหน่วยงานนั้นยังไม่แก้ไข อย่างนี้ถือว่าทางฝ่ายตรวจสอบยังต้องรับผิดชอบอยู่คือรับผิดชอบ ที่จะต้องให้ทุกฝ่ายงานทำงานตามที่กำหนดให้ได้

2. เอาว่าถ้าฝ่ายตรวจสอบได้รายงานไปยังผู้บริหารเพื่อให้สั่งการ แต่ฝ่ายบริหารอาจยัง ไม่ได้ดู หรือได้ดูแล้ว แต่ยังไม่มีเวลาสั่งการ หรือได้ดูแล้วแต่ไม่อยากสั่งการ จะด้วยเห็นว่ายัง เป็นเรื่องที่ไม่รีบร้อนอะไร หรืออะไรก็ตามที อย่างนี้ฝ่ายบริหารหมดความรับผิดชอบหรือไม่ ยัง.. ยัง... ก็ถ้าหัวหน้างานฝ่ายตรวจสอบถือว่าตนเองถูกจ้างมาเพราะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบ และเมื่อตรวจสอบและพบว่าต้องแก้ไข ก็ต้องหาทางให้มีการแก้ไขให้ได้ ต้องตามแซะ ให้ฝ่ายบริหารเห็นชอบให้ได้ จะมาอ้างว่าได้บอกไปแล้วเมื่อไม่สั่งการลงมาก็ตามใจ ...อย่างนี้ ไม่ได้ ฝ่ายบริหารก็ย้อนได้ว่าถ้าคุณเห็นว่าสำคัญมากทำไมไม่มาชี้แจงเพิ่มเติมละ


3. ฝ่ายบุคคลบอกทางฝ่ายงานหลักว่าหาคนให้ไม่ได้ เมื่อฝ่ายจัดการถามมาก็บอกว่า ได้รับสมัครแล้วแต่พอผู้สมัครรู้เงินเดือนก็ถอยกลับกันหมด แล้วจบเรื่องไหม..ยัง..ยัง ในเมื่อ ฝ่ายบริหารจ้างคุณมาเป็นผู้จัดหาคน ถ้าหาไม่ได้ก็บอกมาซิว่าทำอย่างไรให้หาได้ หรือแค่บอก ว่าเราให้เงินเดือนน้อย...ไม่ได้อีกนั่นแหละ ถ้าคุณเห็นว่าเงินเดือนเราน้อยก็บอกมาซิว่าควรให้ เงินเดือนเท่าไหร่ ทำไมต้องให้เท่านั้น มีข้อมูลของคู่แข่ง มีข้อมูลของตลาดแรงงานหรือไม่ เอามาเสนอให้ฝ่ายบริหารเห็นด้วยซิว่าเงินเดือนของเราน้อย สมควรเพิ่มสำหรับตำแหน่งนี้

4. ฝ่ายหาเงินฝากบอกว่าเงินฝากหายากเพราะเราสู้ดอกเบี้ยของคู่แข่งไม่ได้ แม้ได้ ดำเนินการตามนัยข้อ 3 แล้ว ฝ่ายบริหารก็ไม่สามารถขยับดอกเบี้ยให้สูงกว่านี้ได้ ดังนั้นก็ไม่ ต้องหาเงินฝากอีก ข้อนี้ก็ยังไม่สมบูรณ์ในหน้าที่อีก เรา(ฝ่ายบริหาร) เห็นว่าคุณเก่งเรื่องการ ตลาดก็รับเข้ามาเพื่อช่วยบริษัทว่าถ้าเราไม่สู้กันเรื่องดอกเบี้ยแล้ว คุณมีทางอื่นอีกหรือไม่ จะ หยุดหาเงินฝากไม่ได้ คุณเก่งนี่ คุณเป็นผู้เชี่ยวชาญทางนี้นี่ ลองหาวิธีการมาซีว่าเราจะสู้เขา ได้อย่างไร การแนะนำให้ขึ้นดอกเบี้ยนั้นมันง่ายไป ไม่ต้องคิดก็เห็นๆกันอยู่ แต่มีทางเลือกอื่นอีกไหมที่จะเสนอแนะ มีทางอื่นอีกไหมที่จะสู้ได้

5. คุณเป็นฝ่ายธุระการ ถูกบ่นว่าจดหมายที่เข้ามาล่าช้า คุณก็แก้ว่าทางบริษัทเราอยู่ในอาคารเช่า จดหมายไม่ลงทะเบียนจะเข้ามายังส่วนกลางก่อน แล้วทางส่วนกลางก็จะส่งต่อมาอีกทีหนึ่ง ฝ่ายงานหลักบอกว่าไม่ได้ต้องการเร็วกว่านี้ เอ้า...คุณเป็นผู้เชี่ยวชาญนี่ ไปหาทางมาให้ได้ว่าจะทำให้เร็วขึ้นได้อย่างไร เรื่องจะอยู่ที่ไหน จะส่งเส้นทางไหนไม่ต้องการรู้หรอก เอาเป็นว่าต่อไปนี้ต้องหาทางให้ฝ่ายงานต่างๆได้รับจดหมายให้เร็วขึ้นเป็นใช้ได้

6. คุณเป็นฝ่ายประชาสัมพันธ์ บอกฝ่ายบริหารว่าฝ่ายต่างๆไม่มีเวลาให้ความร่วมมือเท่าที่ควร งานประชาสัมพันธ์จึงไม่สัมฤทธิ์ผลเต็มที่ นี่ก็เช่นกัน เรา(ฝ่ายบริหาร)ไม่มีเวลาช่วยคุณคิดหรอกว่าจะให้ทำอย่างไร คุณเสนอมาซีว่าจะให้ฝ่ายบริหารช่วยอย่างไร จะให้ฝ่าย บริหารช่วยอย่างไร งานคุณจึงจะสำเร็จ เรื่องที่ฝ่ายอื่นไม่ให้ความร่วมมือเท่าที่ควรนั้นถือว่าเป็นหน้าที่ของคุณที่จะแสวงหาความร่วมมือให้ได้ คุณเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้นี่


7. คุณเลขานุการบริหารของกรรมการชุดหนึ่ง ที่ต้องรับผิดชอบที่จะให้ได้มติออกมา จากที่ประชุมให้ได้ก่อนเวลานั้นเวลานี้ แต่กรรมการต่างๆก็ไม่ค่อยว่างตรงกันสักทีก็เลยนั่งหมด หวัง อย่างนี้ไม่ได้ คุณเป็นผู้ที่ได้รับการคัดเลือกนี่ว่าจะสามารถประสานงานต่างๆได้ดี ถ้าอย่างนั้นจะทำอย่างไร ก็ต้องวิ่งไปล็อกเวลาของกรรมการท่านต่างๆให้ได้ ถ้าสุดวิสัยก็เอาเวลาของท่านประธานกรรมการก่อน กับกรรมการบางท่านได้ผลอย่างไรก็วิ่งเอาความเห็นเหล่านั้นไป ให้กรรมการท่านอื่นๆได้ดู และเสนอความคิดเห็นมาจนได้มติตามเวลาที่กำหนดให้ได้ แปลว่า ต้องไม่มีอะไรมาขวางกั้นที่จะทำให้เราซึ่งถือว่าเป็นผู้ที่ได้รับการคัดเลือกมาแล้วทำงานล้มเหลว ไปจากความคาดหวังได้

ตัวอย่างเหล่านี้คงไม่ใช่เป็นของที่ใดที่หนึ่ง แต่การให้เข้าใจในหลักการนี้ก็ต้องเอามา จากหลายๆตัวอย่างว่าเมื่อเราเป็นผู้รับผิดชอบในจุดใดแล้ว เราต้องทำงานให้สำเร็จตามที่ได้รับมอบหมายให้ได้ จะโดยวิธีหนึ่งวิธีใดก็ตามที ที่พูดนี้ไม่ถึงกับว่าไม่มีข้อยกเว้นเสียเลย หรือ ไม่ให้โอกาสมีข้ออ้างเสียเลยก็ไม่ใช่ แต่หลักการบริหารเป็นอย่างนี้ ถ้าทุกหน่วยงานทำงาน ตามหลักการนี้ ผู้บริหารก็จะเบาใจขึ้น ผู้บริหารท่านหนึ่งบอกว่า "ผมไม่รู้หรอกนะว่างานจะสำเร็จได้อย่างไร (ถึงรู้ก็ไม่บอก หรือ รู้ก็ไม่ทำ เพราะถ้าทำเสียเองคุณจะเก่งขึ้นมาได้อย่างไร) แต่ผมมีหน้าที่ที่จะให้คุณทำงานของคุณให้สำเร็จ ดังนั้นคุณเสนอมา ผมมีหน้าที่จะตอบว่ารับหรือไม่รับข้อเสนอนั้น แต่ข้อเสนอหรือทางเลือกนั้นมีอะไรบ้างคุณต้องบอกผมมา"

ฝ่ายธุระการเสนอมาว่าโทรศัพท์ไม่พอใช้ขอให้(ซื้อ)ติดตั้งเพิ่ม ข้อเสนออย่างนี้มันอ่อนเต็มที มีข้อเสนออื่นก่อนไหมว่า ถ้าเรามีโทรศัพท์เท่านี้ เราจะทำอย่างไรจึงจะพอใช้และมี สายว่างให้ลูกค้าโทรเข้ามาได้...หัวหน้างานครับ คุณคือผู้เชี่ยวชาญนะครับ คุณต้องช่วยผู้ บริหารในเรื่องที่เกี่ยวกับสายงานของคุณ ...แน่นอนมันยาก..ก็เพราะมันยากนั่นซีผู้บริหารจึง ได้จ้างมืออาชีพอย่างคุณมาช่วยนั่นไงละครับ...สวัสดี.

(ไม่ว่าหัวหน้าและลูกน้องต้องเข้าใจความแตกต่างระหว่าง Responsibility และ Accountability - น่าจะมีการเขียนไว้สักแห่งใน Web site นี้)