ค้นหาข้อมูลของรัฐที่ท่านต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติมจากแผนที่ด้านบน |
Q: การเลือกสถาบันศึกษาต่อต่างประเทศ
A: ค้นคว้าหาข้อมูลเกี่ยวกับสถาบันที่ต้องการจากห้องสมุด
อินเตอร์เน็ต
สถานฑูต
โรงเรียน
อาจารย์ที่ปรึกษา
ผู้ปรกครอง
เพื่อนๆ
และรุ่นพี่ที่จบจากสถาบัน
เตรียมตัวสอบ
TOEFL GMAT GRE
ให้ผ่านก่อนเดินทางต่างประเทศ
สถาบันในสหรัฐอเมริกาและแคนาดาส่วนใหญ่จะระบุคะแนนสอบขั้นต่ำที่ต้องการก่อนพิจารณารับใบสมัคร
นักศึกษาบางท่านที่ต้องการมาเรียนภาษาก่อนสอบ
มีปัญหาไม่สามารถลงทะเบียนเรียนได้
เนื่องจากสอบไม่ผ่าน
หรือคะแนนไม่ถึงเกณท์
เดือดร้อนการเงินทางบ้าน
วิธีที่ดีที่สุดคือการเตรียมตัวให้พร้อมมาจากเมืองไทย
การสมัครเข้าเรียนควรติดต่อสถาบันแผนก
Admission Office โดยตรง
ขอใบสมัครให้ส่งมาทางไปรษณีย์
พร้อมทั้งรายละเอียดของที่พักนักศึกษา
กรอกบัตรพร้อมแนบค่าสมัครเป็นเงินดอลล่าร์
หากสถาบันตอบรับ
ทางโรงเรียนจะส่งแบบฟอร์ม
I-20
ให้ไปยื่นเรื่องติดต่อทำเรื่องวีซ่านักเรียน
ณ
สถานฑูตอเมริกาหรือแคนาดา
Q: การออกแบบฟอร์ม
I-20
หลังวันที่
๑๑ กันยายน
A: กองตรวจคนเข้าเมือง
เสนอการเปลี่ยนบทกฎหมายที่มีผลกระทบต่อนักศึกษาที่ต้องการเรียนต่อในสหรัฐอเมริกา
ภายหลังวันที่
๑๑ กันยายน
พศ.๒๕๔๕ กฎหมายใหม่ห้ามผู้ที่เดินทางเข้าในประเทศอเมริกาเปลี่ยนสถานะวีซ่าจากนักท่องเที่ยวเป็นนักศึกษานอกเหนือจากว่าจะได้รับอนุญาติจากรัฐบาลเสียก่อน
สำหรับนักศึกษาที่ต้องการเดินทางไปสหรัฐอเมริกาเพื่อติดต่อหรือเยี่ยมชมสถาบันก่อนตัดสินใจลงทะเบียน
ต้องแจ้งเหตุผลที่เดินทางเข้าประเทศเพื่อศึกษาต่อ
พร้อมทั้งยื่นแบบฟอร์ม
I-20
ที่สถาบันออกให้เพื่อให้กองตรวจคนเข้าเมืองระบุลงในใบขาเข้าออกนอกประเทศไว้เป็นหลักฐาน
ก่อนยื่นเรื่องเปลี่ยนสถานะวีซ่าภายหลัง
Q: ประกันสุขภาพสำหรับนักศึกษา
A: ค่าหยูกยารักษาพยาบาลในสหรัฐอเมริกาและแคนาดาค่อนข้างสูง
นักศึกษาควรมีประกันสุขภาพไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน
ตัวอย่างค่าใช้จ่ายในโรงพยาบาลประมาณคืนละ
๑๐๐๐-๓๐๐๐
เหรียญ
ตกประมาณสี่หมื่นถึงหนึ่งแสนบาทต่อคืน
บางสถาบันกำหนดให้นักศึกษามีประกันสุขภาพต่อเทอม
ติดต่อสถาบันเพื่อสอบถามรายละเอียดโดยตรงหรือเมลล์คำถามมาได้
Q: การยื่นเรื่องเสียภาษีเงินได้
A: นักศึกษาทุกท่านต้องยื่นเรื่องเสียภาษีเงินได้ภายในวันที่
๑๕
เมษายนของทุกปีถึงแม้ว่าจะไม่ได้ทำงานในสหรัฐอเมริกา
นักศึกษาต้องกรอกแบบฟอร์มเสียภาษีสำหรับชาวต่างชาติ
1040 NR (Non-resident Alien)
และลงรายรับเป็นจำนวน
๐ เหรียญ
แบบฟอร์มนี้หาได้ตามห้องสมุดและโปรษณีย์ทั่วไป
หรือติดต่อแผนกนักศึกษาต่างชาติในสถาบันที่เรียนอยู่
Q: การยื่นเรื่องขอวีซ่าท่องเที่ยว
A: ่นักศึกษาไทยที่ต้องการเดินทางออกจากสหรัฐอเมริกา
ต้องได้ลายเซ็นต์จากแผนกนักศึกษาต่างชาติในสถาบันที่เรียนอยู่ก่อนเดินทางออกนอกประเทศ
มิฉะนั้นจะกลับเข้าประเทศไม่ได้
หากต้องการเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศนอกเหนือจากประเทศไทย
ต้องติดต่อทำเรื่องขอวีซ่าท่องเที่ยวจากสถานฑูตประจำประเทศนั้นโ่ดยตรง
เตรียมสมุดเดินทางและค่าธรรมเนียมเดินเรื่องแต่เนิ่นๆ
เพราะบางที่ใช้เวลา
เป็นอาทิตย์ก่อนออกวีซ่าให้ทางไปรษณีย์
หากติดต่อสถานกงศุลโดยตรงอาจได้รับวีซ่าในวันเดียวกัน
หากเดินทางไปเที่ยวทวีปยุโรป
ควรพิจารณาขอ
Schenken
วีซ่าเข้าออกนอกประเทศ
Q: การยื่นเรื่องขอวีซ่าประกอบวิชาชีพในอเมริกา
A: การประกอบวิชาชีพในอเมริกาต้องได้บริษัทผู้จ้างงานทำเรื่องขอ
H-1B
วีซ่าจากกระทรวงแรงงานและกระทรวงยุติธรรมให้อนุมัติให้ทำงานได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
ผู้จ้างงานต้องชำระค่าธรรมเนียมจำนวน
๖๐๐
เหรียญให้รัฐบาลโดยตรง
นักศึกษาไทยต้องยื่นเรื่องผ่านทนายความส่วนบุคคลหรือผ่านบริษัทผู้จ้างงาน
ในกรณีที่การว่าจ้างติดปัญหาการเดินเอกสาร
ท่านจะต้องรอจนกว่าเอกสารจะออกให้ถึงเริ่มทำงานได้
บริษัททั่วไปนิยมที่จะว่าจ้างผู้ที่มีคุณสมบัติเฉพาะทาง
หรือผู้ที่มีใบเขียวเรียบร้อยเท่านั้น
Q: การต่ออายุหนังสือเดินทาง
A: นักศึกษาไทยขอยื่นเอกสารต่ออายุหนังสือเดินทางได้โดยตรงหรือทางไปรษณีย์ที่สถานกงศุลใหญ่ในวอชิงตันดีซี
โทร (๒๐๒)
๙๔๔๓๖๐๐
กรอกแบบฟอร์มพร้อมแนบค่าธรรมเนียม
ใช้เวลาประมาณ
๓
สัปดาห์ในการออกเอกสาร
Q: การต่อ H-1B
วีซ่าที่หมดอายุ
A: ติดต่อสถานกงศุลไทย:
The Visa Office
U.S. Department of State
2401 E Street NW, Suite 1306
Washington, DC 20622-0133
ติดต่อทนายความหรือสถานกงศุลไทยสำหรับแบบฟอร์ม
OF-156
ส่งไปยังที่อยู่ด้านบนนี้
พร้อมชำระค่าธรรมเนียมเป็นเงินธนาบัตรแยกจำนวน
๔๕
เหรียญและ
๑๕
เหรียญให้ Department
of State
พร้อมรูปถ่ายขนาดหนังสือ
เดินทาง ๑
รูป
เอกสารฟอร์ม
I-94 และ I-797A Approval Notice
ที่เย็บเล่มในหนังสือเดินทางตอนเข้าเมือง
Q: อายุของ H-1B
วีซ่า
A: ท่านสามารถที่จะประกอบอาชีพการงานในสหรัฐอเมริกาได้เป็นเวลา
๖
ปีอย่างมากที่สุด
หลังจากได้
H-1B วีซ่าแล้ว
ภายในระยะเวลานี้ท่านสามารถเปลี่ยนงานได้เรื่อยๆ
จนกว่าวีซ่าจะหมดอายุทุกๆ
๓ ปี
ท่านต้องเดินเรื่องผ่านทางบริษัทสำหรับการขอวีซ่าใหม่จนกว่าท่านจะสมัครขอใบเขียวสำหรับอยู่ถาวร
หลังจากได้วีซ่าเป็นเวลา
๖ ปีแล้ว
ท่านยังไม่ได้ใบเขียว
ท่านต้องเดินทางกลับประเทศไทยแล้วอยู่อย่างน้อยเป็นเวลา
๑
ปีก่อนที่จะสามารถทำเรื่องขอ
H-1B วีซ่าใหม่
Q: การส่งของใช้ส่วนตัวกลับเมืองไทยหลังศึกษาจบแล้ว
A:
กรุณาอ่านรายละเอียดการส่งของใช้ส่วนตัวกลับเมืองไทยโดยคลิ๊กที่นี่
|