มาตรฐานแรงงาน |
|
|
มาตรฐานแรงงานว่าด้วยความรับผิดชอบทางสังคม
(Social Accountability 8000 : SA 8000) เป็นมาตรฐานแรงงานที่กำหนดขึ้นโดยองค์กรเอกชนในประเทศสหรัฐอเมริกา
คือ Social Accoutability International
เมื่อปี 2540
เพื่อให้ผู้ประกอบกิจการต่าง
ๆ
นำไปปฏิบัติ
ทั้งนี้เพื่อให้ได้รับความเชื่อถือทางสังคม
มีสาระสำคัญดังนี้ 1.แรงงานเด็ก บริษัทต้องไม่จ้างหรือสนับสนุนให้มีการจ้างแรงงานเด็ก (อายุต่ำ่กว่า 15 ปี) หรือเยาวชน (อายุ 15-18 ปี) หรือจ้างแรงงานเด็กอายุตำ่กว่าที่กฎหมายท้องถิ่นกำหนด กรณีมีการจ้างแรงงานเด็กไว้ทำงานอยู่ก่อนแล้ว ต้องให้เด็กได้เข้าโรงเรียนและอยู่ในโรงเรียนจนพ้นวัยเด็ก และต้องมีมาตรการดูแลมิให้เด็กอยู่ในภาวะอันตราย ไม่ปลอดภัย หรือไม่ถูกสุขอนามัย ทั้งภายในหรือนอกสถานที่ทำงาน รวมทั้งต้องจัดทำบันทึกรายละเอียดของเด็กเก็บไว้เป็นหลักฐาน 2. การบังคับใช้แรงงาน บริษัทต้องไม่กระทำหรือสนับสนุนการบังคับใช้แรงงาน โดยการเรียกเก็บเงินประกัน หรือให้ลูกจ้างมอบบัตรหรือหลักฐานประจำตัวแก่บริษัทเมื่อจ้างงาน 3. สุขภาพและความปลอดภัย บริษัทต้องจัดสถานที่ทำงานและสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยและถูกสุขอนามัยแก่ลูกจ้าง ต้องจัดให้มีขั้นตอนการปฏิบัติและระบบการตรวจสอบที่เชื่อถือได้ในการป้องกันการบาดเจ็บ อันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการทำงาน หรือเกี่ยวข้องกับการทำงาน นอกจากนี้ ต้องแต่งตั้งผู้แทนซึ่งเป็นผู้บริหารระดับอาวุโสให้มีหน้าที่รับผิดชอบด้า่นสุขภาพอนามัยและความปลอดภัยของลูกจ้าง อีกทั้งต้องจัดให้ลูกจ้างได้รับการฝึกอบรมด้านสุขภาพและความปลอดภัยในการทำงานเป็นประจำ ตลอดจนต้องจัดให้มีห้องน้ำและน้ำดื่มสะอาดและพอเพียงสำหรับลูกจ้างทุกคน 4. เสรีภาพในการสมาคมและสิทธิในการร่วมเจรจาต่อรอง บริษัทต้องเคารพสิทธิของลูกจ้างในการรวมตัวจัดตั้งหรือเข้าเป็นสมาชิกสหภาพแรงงาน ต้องเคารพสิทธิในการร่วมเจรจาต่อรองของผู้แทนลูกจ้างและต้องรับรองว่าผู้แทนลูกจ้างจะไม่ถูกเลือกปฎิบัติ และสามารถติดต่อกับสมาชิกในสถานที่ทำงานได้ 5. การเลือกปฏิบัติ บริษัทต้องไม่กระทำหรือสนับสนุนให้มีการเลือกปฏิบัติในการว่าจ้าง การจ่ายค่าตอบแทน การเข้ารับการฝึกอบรม การเลื่อนตำแหน่ง การเลิกจ้าง หรือการเกษียณอายุ เพราะเหตุแห่งความแตกต่างทางเชื้อชาติ สัญชาติวรรณะ ชาติกำเหนิด ศาสนา ความพิการ เพศหรือความเบี่ยงเบนทางเพศ สถานะการเป็นสมาชิกสหภาพ หรือการสังกัดทางการเมือง 6. วินัย บริษัทต้องไม่กระทำหรือสนับสนุนให้มีการใช้วิธีทำโทษ โดยการทำร้ายร่างกายและการบังคับขู่เข็ญทั้งทางร่างกายและจิตใจ 7. ชั่วโมงการทำงานและการทำงานล่วงเวลา บริษัทต้องกำหนดชั่วโมงการทำงานให้เป็นไปตามกฎหมายและมาตรฐานอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าด้วยกรณีใด ๆ ลูกจ้างต้องไม่ถูกกำหนดให้ทำงานปกติเกินกว่า 48 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และต้องจัดให้มีวันหยุดอย่างน้อย 1 วันในทุกๆ ระยะ 7 วัน หากจำเป็นต้องทำงานล่วงเวลาต้องกระทำเฉพาะในสถานการณ์จำเป็นทางธุรกิจช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น ทั้งนี้ต้องไม่เกิน 12 ชั่วโมง ต่อสัปดาห์ โดยต้องจ่ายค่าตอบแทนในอัตราพิเศษเสมอ 8. ค่าตอบแทน บริษัทต้องจ่ายค่าจ้างแก่ลูกจ้างอย่างน้อยเท่าอัตราค่าจ้างที่กฎหมายกำหนด หรือตามมาตรฐานขั้นต่ำของอุตสาหกรรมนั้น ๆ และต้องเพียงพอสำหรับความจำเป็นขั้นพื้นฐานของลูกจ้าง การจ่ายค่าตอบแทนการทำงานแต่ละงวดลูกจ้างจะต้องได้รับทราบรายละเอียดที่ชัดเจนเกี่ยวกับส่วนประกอบของค่าจ้างและสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่เขาได้รับ การจ่ายค่าตอบแทนดังกล่าว อาจจ่ายในรูปเงินสดหรือเช็คก็ไำด้ ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามความสะดวกของลูกจ้าง การหักค่าจ้างเพื่อการลงโทษทางวินัยจะกระทำมิได้ นอกจากนี้ บริษัทต้องรับรองว่าจะไม่ใช้วิธีการทดลองงานลูกจ้างหรือทำสัญญาจ้างระยะสั้น ๆ หรือมีการว่าจ้างใหม่เป็นระยะ ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการไม่ให้ลูกจ้างได้รับสิทธิประโยชน์ตามกฎหมาย หรือหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบตามกฎหมายประกันสังคม |
วิธีการจัดการ
SA 8000 1. นโยบาย บริษัทต้องจัดให้มีนโยบาย ประกาศให้ชัดเจนว่า จะปฏิบัติตามกฎหมาย ปฏิบัติตามข้อกำหนดแห่งมาตรฐานนี้ รวมทั้งข้อกำหนดตามมาตรฐานแรงงานระหว่างประเทศ ประกาศให้ลูกจ้างได้ทราบโดยทั่งกัน 2. การทบทวน ผู้บริหารระดัยสูง ต้องทบทมวนแก้ไขปรับปรุงนโยบายและแผนปฏิบัติงานเป็นระยะ ๆ อย่างต่อเืนื่อง เพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติให้เป็นไปตามข้อกำหนดแห่งมาตรฐานนี้ 3. ผู้แทนบริษัท บริษััทต้องแต่งและจัดให้มีผู้แทนบริษัท ซึ่งเป็นผู้บริหารระดับอาวุโสและผู้แทนลูกจ้าง เพื่อทำหน้าที่ดูแลรับผิดชอบการดำเนินการต่าง ๆ ทั้งนี้ เพื่อให้แน่ใจว่าข้อกำหนดในมาตรฐานนี้ จะได้รับการปฏิบัติอย่างครบถ้วน 4. การวางแผนและการนำไปปฏิบัติ บริษัทต้องให้ลูกจ้างได้ทราบถึงข้อกำหนดแห่งมาตรฐานนี้โดยทั่วกัน และมีการนำไปปฏิบัติทุกระดับขององค์กร จัดให้มีการฝึกอบรมเป็นระยะ ตรวจตรากิจกรรมและการดำเนินงานต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แน่ใจได้ว่าได้ปฏิบัติเป็นไปตามนโยบายของบริษัท และข้อกำหนดแห่งมาตรฐานนี้ 5. การควบคุมผู้รับจ้างผลิตหรือผู้รับเหมาช่วง บริษััทต้องกำหนดวิธีปฏิบัติในการคัดเลือกและประเมินผู้รับจ้างผลิตหรือผู้รับเหมาช่วง (ทุกช่วงการผลิต) และดูแลให้มีการปฏิบัติหรือดำเนินการให้สอดคล้องกับข้อกำหนดแห่งมาตรฐานนี้เช่นกัน และต้องจัดเก็บรักษามาตรฐานทีั่แสดงว่าผู้รับจ้างผลิต และผู้รับเหมาช่วงได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดแห่งมาตรฐานนี้ 6. การแสดงความรับผิดชอบและการแก้ไข ในกรณีที่ลูกจ้างแสดงข้อวิตกห่วงใย เกี่ยวกับการปฏิบัติของบริษััทว่า อาจไม่เป็นไปตามข้อกำหนดแห่งนโยบายหรือข้อกำหนดตามมาตรฐานนี้ บริษัทต้องให้ความสนใจตอบสนองต่อกรณีดังกล่าว ตำเนินการสอบสวนและแก้ไขเพื่อมิให้ปัญหานี้เกิดขึ้นอีก และรายงานให้ผู้เกี่ยวข้องทราบ และต้องละเว้นการลงโทษทางวินัย การเลิกจ้าง หรือการเลือกปฏิบัติต่อลูกจ้างที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการแสดงออกซึ่งข้อห่วงใยดังกล่าว อีกทั้งต้องจัดการทรัพยากรที่เหมาะสมเพียงพอ เพื่อแก้ไขปัญหาที่ทำให้การปฏิบัติของบริษัทไม่เป็นไปตามนโยบายหรือข้อกำหนดแห่งมาตรฐานน 7. การสื่อสารกับบุคคลภายนอก บริษัทต้องจัดทำขั้นตอนการปฏิบัติเกี่ยวกับการสื่อสารหรือการสื่อข้อความกับบุคคลหรือกลุ่มบุคคลภายนอกซึ่งเกี่ยวข้องหรืิอได้รับผลกระทบทางสังคมจากการดำเนินกิจการของบริษัทเพื่อชี้แจงหรือให้ข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ เกี่ยวกับกิจกรรมและการปฏิบัติของบริษัทตามข้อกำหนดแห่งมาตรฐานนี้ 8. การเข้าถึงข้อมูลเพื่อสอบข้อเท็จจริง บริษัทต้องให้ข้อมูลหรือจัดให้มีช่องทางเข้าถึงข้อมูลสำหรับบุคคลหรือกลุ่มบุคคลซึ่งเกี่ยวข้องหรือได้รับผลกระทบทางสังคมจากการดำเนินกิจการของบริษัท เพื่อตรวจสอบการปฏิบัติของบริษัทตามข้อกำหนดแห่งมาตรฐานนี้ ในกรณีที่มีผู้รับจ้างผลิตหรือผู้รับเหมาช่วงการผลิต ผู้รับจ้างผลิตและผู้รับเหมาช่วงก็ต้องให้ข้อมูลหรือจัดให้มีช่องทางเข้าถึงข้อมูลในทำนองเดียวกัน โดยผนวกข้อกำหนดดังกล่าวใว้ในสัญญาจัดซื้อของบริษัท 9. การบันทึก บริษัทต้องจัดเก็บดูแลรักษาบันทึกหลักฐานต่าง ๆ เพื่อแสดงให้เห็นถึงการปฏิบัติให้เป็นไปตามข้อกำหนดแห่งมาตรฐานนี้ |