:: ท. เที่ยว ::

» ซำบายดี…ลาว
» ของฟรีที่ สมุย
» จดหมายเหตุกรุงศรี ฯ
:: บ. บันทึก
:: ล. ลิงค์
:: ก. เกสบุค
:: ม. เอวเมว
:: ฮ. โฮม

วันจันทร์ ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2546

การเดินทางกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้วล่ะ เช้านี้เอง ! เมื่อคืนนี้ผมจัดแจงกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว อะไรคิดว่าน่าจะจำเป็นที่จะต้องเอาไป ก็ลองคิดดูแล้ว รื้อเข้ารื้ออก อยู่หลายรอบ เพราะว่ากังวล ไม่รู้ว่า จะเอาอะไรไปดี เสื้อกี่ตัว กางเกงกี่ตัว กางเกงในเท่าไหร่ ยาเอาไหม แล้วไฟฉายล่ะ.... เป็นการกังวล ระดับ 3 ของท่องเที่ยวสมัครเล่น เนื่องจากว่าไม่เคยออกท่องเที่ยว เป็นเวลาหลายวันแบบนี้มาก่อน เลยออกอาการ ตื่นเต้นจนเกินเหตุ กว่าจะได้นอนก็ กินเวลานานเหมือนกันนะ !! ด้วยว่าต้องไปทำวีซา เข้าประเทศลาว เราก็เลยตื่นกันแต่เช้าหน่อย หากสายเกินไปเดี๋ยวถึงเวียงจันทร์จะค่ำมืด เพราะฉะนั้น 3 โมงเช้าล่ะพอดีสุด ๆ แล้ว อ้าว....!!! เอาล่ะหว่า จะไปทำวีซาก็ไม่รู้ว่า กงสุลลาว ณ ขอนแก่นนั้นอยู่ที่หนใด เคยลองสอบถามหลาย ๆ คนแต่ก็ไม่ได้คำตอบ แต่โชคดีค้นเจอเบอร์โทรศัพท์กงสุลลาว บนอินเตอร์เนต ก็เลยลองติดต่อดู " 042-236... สวัสดีครับ กงสุลลาวใช่หรือเปล่าครับ?" " เซา..โทรมาแหน่ กงสุลลาวน่ะ " แล้วก้มีการกระแทกหูโทรศัพท์จากอีกฟาก คงจะมีคนที่โทรไปเยอะมากเหลือเกินจน อาซิ้มลาว แกทนไม่ไหว ก็เลยตอบกลับมาแบบนั้น แล้วผมก็ไม่กล้าโทรไปเบอร์ ของกงสุลลาวอีกต่อไป เพราะกลัวจะโดนอีก จนถึงเช้าวันนี้ ไม่รู้ไม่เป็นไร ผมบอกโนริโอะ เดี๋ยวไปถาม ๆ 2 แถวเขาก้รู้เองล่ะน่า เราสะพายเป้ แล้วนั่งรถเข้าเมือง ในทันใดที่เป้อยู่บนหลัง ความรู้สึกเป็นนักท่องเที่ยว เผยตัวออกมาทันที เราลงรถที่ บขส. และเดินไปยังป้ายรอรถ ประจวบเหมาะเหลือเกินที่เห็นเหยื่อ " ขอโทษครับ กงสุลลาวไปทางไหนครับ " สายตรวจจราจรนั่นล่ะคือผู้ที่ชี้ทางสว่างให้เรา และเมื่อใดที่เกิดสงสัยอะไรเกี่ยวกับเส้นทาง โปรดอย่ามองข้าม เจ้าหน้าที่เหล่านี้ ..... เพ่สายตรวจ ทำให้ผมเกิดอาการงงเล้กน้อย " น้องคนไทยหรือเปล่า? " อ้าว...ไม่ไทยแล้วจะให้เป็น อะไร...เพ่คิดว่าผมเป็นลาว หรือญี่ปุ่นล่ะ "คนไทยครับ ๆ กะลังจะไปเที่ยวลาวกัน คนนี้คนญี่ปุ่นอ่ะ " นั่งรถ 2 แถวสาย 10 ไม่เกิน 10 นาทีก็ถึงแล้ว ผมบอกคนขับให้จอดให้ด้วย "ห้องแถวเล็ก ๆ นั่นล่ะคือกงสุลลาว " คนขับรถ ชี้ให้เราข้ามไปอีกฟากถนน คนไม่เยอะอะไร มีแค่ 2-3 คนกะลังนั่งกรอกอะไรอยู่ เราต้องกรอกแบบฟอร์มคนล่ะ 2 ชุด และต้องใช้รูปถ่าย 2 ใบ จ่าย 600 ได้ทันที, 300 รอ 3 วัน ส่วนโนริโอะจ่ายแพงกว่า ราคาคนญี่ปุ่น 1500 บาท ...ฮ่า ๆๆๆๆ แพง ว้อยยย ทุกอย่างเสร็จได้ภายใน 15 นาทีเพียงเพิ่มเงินอีก 300 อะไรจะเป็นการหารายได้ที่ง่ายเหลือเกิน....ด้วยว่าเรารอไม่ได้เลยจำใจต้องจ่าย เสร็จเราก็ข้ามฟากมากิน ก่วยเตี๋ยวที่ร้านตรงกันข้าม ก๋วยเตี๋ยวที่นี่ราคา 25 บาทว่ะ แพงหน่อย นี่ขนาดยังไม่พิเศษนะ โนริโอะดูท่าไม่อิ่มเลยฟาด หนังปลาทอดไปอีก 10 บาท ระหว่างกินได้ศัพท์มาอีกคำ Sakana แปลว่า ปลา 2 วันที่ผ่านมาเราแลกเปลี่ยน คำสัพท์กันไปมากเหลือเกิน มากจนจำไม่ได้ แต่โนริโอะจะจำคำศัพท์ที่ผมบอกได้เยอะกว่า อีกอย่างโนริโอะมีหนังสือด้วยนี่หว่า ไปไหนก้จะพกไปด้วยตลอดและจะคอยถามว่าออกเสียงถูกไหม บางที่ก็น่าขำนะที่ แกพูดเพี้ยนไป ผมเองยิ่งแย่กว่า ด้วยอะไรไม่อาจรู้ โนริโอะ บอกว่าผมออกเสียงภาษา ญี่ปุ่นเพี้ยนไป 99 5 เลยทีเดียว เริ่มจากการไม่สามารถแยกเสียงระหว่าง sa chi su se so ta shi tsu te to ไอ้ตัว tsu นี่ โนริโอะสอนให้ออกเสียงอยู่ 80 รอบแต่ก็ยังไม่ได้ ผมก็เลยหมดความพยายาม ช่างหัวมัน ออกเสียงไม่ได้ไม่ตายหรอก ค่อย ๆ ฝึกไป สักวันคงได้ แล้วตัวอื่น ๆ ก็เพี้ยนบ้าง แต่ไม่เพี้ยนมากมาย เท่ากับอักษรตัวนี้

กลับไปหน้า...รวมวัน

วันที่ 5 ตรงไปยังวังเวียง