เมื่อผมเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก
วินัย  เพชรช่วย
*****

ตอนที่ 1            ตอนที่ 2

ปรับปรุงล่าสุดเมื่อ      พ.ย. 50

ตอนที่ 3
(เริ่มเขียน ...6 พ.ย.50)

10. ไป-กลับ ห้องผ่าตัด
11. พักฟื้นที่โรงพยาบาล
 
 
 

 *******

 10. ไป-กลับ ห้องผ่าตัด

วันที่ 10 สิงหาคม  ผมตื่นตั้งแต่ตีห้า ทำกิจวัตรตอนเช้าเสร็จแล้วจึงอาบน้ำ นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้สระผม จึงสระผมในเช้านี้ สงสัยในใจว่าทำไมต้องสระผมก่อนผ่าตัดด้วย  เช็ดตัวสะอาดแล้วจึงเปลี่ยนชุดผู้ป่วยเป็นชุดสีชมพู ซึ่งพยาบาลมาวางไว้ให้ตั้งแต่เมื่อคืน มีเวลาว่างนั่งเล่นอยู่ในห้อง

ใกล้จะหกโมงเช้าพยาบาลเข้ามาวัดความดัน และให้กินยา บอกว่าจะได้รู้สึกง่วง เจ็ดโมงเจ้าหน้าที่นำอาหารมาในห้อง แต่ในถาดมีป้ายเขียนบอกว่า อาหารสำหรับญาติ เพราะผู้ป่วยยังกินอะไรไม่ได้จนกว่าจะผ่าตัดเสร็จ 

ผมจึงลุกขึ้นเดินไปเดินมาอยู่ในห้องบ้าง หน้าห้องบ้าง แล้วกลับมานั่งรอในห้อง ได้รับการบอกว่าแปดโมงเศษๆ จะมีเจ้าหน้าห้องผ่าตัดมารับตัวไป ให้นำของมีค่า เครื่องประดับที่ติดตัวฝากญาติไว้ ใกล้จะแปดโมงแล้ว พยาบาลมาวัดความดันอีกครั้ง ยังไม่รู้สึกง่วงเลย ยาไม่มีฤทธิ์หรืออย่างไร

8.30 น. มีเสียงเข็นของหนักๆ มาใกล้หน้าห้องผม พยาบาลเข้ามาบอกว่าห้องผ่าตัดมารับแล้ว  ให้ปัสสาวะอีกครั้งให้หมดก่อนไป ผมถ่ายปัสสาวะเก็บในขวดเรียบร้อย เดินออกมาหน้าห้องมีเตียงสำหรับเข็นคนป่วยรออยู่  เจ้าหน้าที่บอกว่าให้ขึ้นนอนเขาจะเข็นไป  ผมขึ้นนอนอย่างว่าง่าย เขาเอาผ้าคลุมตัวไว้โผล่แต่หน้า

เขาเข็นผมจากชั้นสองตึกอุบัติเหตุ ลงลิฟท์ไปชั้นล่าง คุณราตรีเดินตามไปด้วย เข็นออกไปยังถนนหน้าตึก สวนกับคนที่เดินสวนมา มีละอองฝนเล็กน้อยในวันนั้น  แล้วเลี้ยวเข้าด้านหน้าศาลา 100 ปี ไปตึกสยามมินทร์ ขึ้นลิฟท์ไปชั้น 5 ชั้นเดียวกับที่ผมไปตัดตรวจชิ้นเนื้อ  แผนกรับผู้ป่วยเพื่อผ่าตัดมารับตัวต่อไป เป็นอันว่าผมถึงหน้าห้องผ่าตัดแล้ว ถ้าใช้สำนวนของสท้านก็คือ 'กำลังจะขึ้นเขียง'  จะถูกสับชำแหละอย่างไรบ้าง ก็คงไม่รู้หรอก เพราะคงหมดสติไปก่อนแล้ว 

พบว่ามีคนป่วยหลายคนถูกเข็นมาส่งที่ห้องนี้  เจ้าหน้าที่และเตียงลานตาไปหมด  เจ้าหน้าที่รับเตียงผมเข็นเข้าไปยังด้านใน พยาบาลมาถามชื่อ นามสกุลและเริ่มวัดความดัน บอกว่าความดันสูง ให้นอนรออีกพักหนึ่ง แล้วมาวัดใหม่ บอกว่ายังสูงอยู่  คงเพราะตื่นเต้นหรือตื่นตัวจากที่ถูกเข็นเป็นระยะทางไกล จึงให้รออีก เมื่อวัดครั้งที่สาม พบว่าลดลงในระดับที่พอส่งไปห้องผ่าตัดได้แล้ว

"คุณวินัย เพชรช่วย จากตึกอุบัติเหตุสอง  ส่งไปห้อง 515" เป็นสียงเจ้าหน้าที่บอกกัน 

จากนั้นผมถูกเข็นต่อไปผ่านหน้าห้องผ่าตัดหลายห้อง ผมพยายามดูเลขห้อง จนมาถึงหน้าห้อง 515  อยู่เกือบสุดท้ายในชั้นนั้น  มีพยาบาลสองคนมารออยู่ ยังไม่เข็นเข้าไป ให้รอหน้าห้อง พยาบาลถามชื่อ นามสกุล แต่ชุดนี้ถามเรื่องอื่นด้วย เช่นทำงานอะไร ที่ไหน เมื่อบอกไปก็ถามต่อว่ารู้จักคนนั้นคนนี้ไหม คงชวนคุยเพื่อให้เราหายตื่นกลัว..ผมไม่ได้กลัว มาถึงหน้าห้องผ่าตัดแล้ว ย่อมยอมทุกอย่าง

"เราจะเจาะเส้นเลือดเพื่อใส่เข็มสำหรับให้น้ำเกลือก่อนนะคะ ซึ่งจะใช้ระหว่างผ่าตัดและหลังผ่าตัดด้วย"

การหาเส้นเลือดคราวนี้หายากมาก เพราะเขาต้องการเส้นใหญ่ เส้นเลือดผมมันหลบเข้าข้างในหมดเพราะอากาศเย็น และงดดื่มน้ำมาทั้งคืน พยาบาลยังล้อว่า ลุงเป็นคนไม่มีเส้น ที่เจอก็เส้นเล็ก แต่สุดท้ายเขาก็หาได้เส้นที่ใช้ได้สำหรับเข็มเบอร์เล็ก ได้ยินเสียงหมอมาพูดว่าใช้ได้แล้ว

"อาจารย์สุนัยยังไม่ลงมา  ต้องรออีกสักครู่" เสียงหมอพูด คงเป็นหมอคนที่ไปคุยที่ห้องเมื่อคืน หมอแต่งชุดเขียวแล้ว 

สักครู่หนึ่งผมถูกเข็นเข้าไปในห้อง 515  ถูกถ่ายตัวลงไปนอนในเตียงผ่าตัดซึ่งเล็กกว่าเตียงที่เข็นมา  มีการจัดการเตรียมตัวผู้ป่วยโดยเอาสายอะไรบ้างไม่ทราบมาจับมาใส่ไว้ ผมต้องนอนหงายนิ่งเอียงหน้าดูด้านข้างไม่เห็น คงเป็นสายน้ำเกลือหรือน้ำยาอย่างหนึ่งละ สายวัดความดัน อาจมีสายวัดสัญญาณชีพด้วย  รู้สึกว่ามีอะไรมาสวมไว้บนศีรษะด้วย หมอสามคนที่ไปคุยที่ห้องคงอยู่รอบตัวผม

"อาจารย์สุนัยจะเป็นคนผ่าตัดคุณลุง  สักครู่ท่านจะลงมา"  ผมได้ยินเสียงบอกจากข้างๆ  "เมื่อทุกอย่างพร้อม เราจะให้คุณลุงดมยา"

เอาละซี สักครู่เราคงได้หลับ สลบไปไม่รู้สึกตัว  นี่เป็นการผ่าตัดครั้งแรกในชีวิตของผม เท่าที่ทราบล่วงหน้าไม่ใช่การผ่าเปิดหน้าท้อง ซึ่งเป็นแผลยาว และอาจเสียเลือดมาก  ผมเลือกที่จะผ่าตัดแบบส่องกล้องและใช้มือกล เป็นการเจาะหน้าท้อง ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ แผลจะเล็ก และเสียเลือดไม่มาก  หวังว่าคงจะผ่านไปด้วยดี

"อาจารย์สุนัยบอกว่าให้เริ่มดำเนินการได้ " เสียงทีมหมอคุยกัน หมอสุนัยคงสั่งการมาจากระยะไกล

"คุณลุงคะ เราจะให้คุณลุงดมยานะคะ" อะไรที่สวมอยู่บนศีรษะถูกเลื่อนลงมาครอบใบหน้าของผม "หายใจแรงๆ ลึกๆ นะคะ"

ผมทำตาม โดยหายใจเข้าลึก หายใจออกยาว ตอนหายใจออกรู้สึกว่าลมหายใจผ่านทางหน้าผากขึ้นไป ครั้งแรกยังไม่เป็นอะไร ทำต่อไปอีกสองสามครั้ง หลังจากนั้นผมก็ไม่รู้สึกตัว และจำอะไรไม่ได้แล้ว ....เป็นเวลานานเท่าไรก็ไม่ทราบได้

.......................   ......................    ,,,,,,,,,,,,,,,,,,,

 ตัวผมนอนอยู่บนเตียง รู้สึกตึงที่หน้าท้อง  ขณะเดียวกันได้ยินเสียงเรียกชื่อผมแว่วๆ มาหลายครั้ง

"คุณวินัยคะ  การผ่าตัดเสร็จแล้วค่ะ.....คุณวินัย  การผ่าตัดเสร็จแล้วค่ะ.....คุณวินัย  การผ่าตัดเสร็จแล้วค่ะ....."

ผมเผยอเปลือกตาขึ้น เห็นแสงสว่าง กระพริบตาเพราะรู้สึกว่าแสงจ้ามาก เป็นไฟที่เพดานห้องนั่นเอง 

"คุณวินัยได้ยินไหมคะ   ถ้าได้ยินให้ยกมือขึ้นนะคะ ...  ยกมือขึ้นนะคะ" เสียงดังมาจากด้านศีรษะ

ผมยกมือข้างหนึ่งขึ้น ลืมตาได้กว้างแล้ว เห็นพยาบาลสองคนอยู่ที่ปลายเตียง ห้องนี้กว้างและสว่างมาก มีเตียงซึ่งมีคนนอนอยู่อีกหลายเตียง ไม่ใช่ห้องผ่าตัดแน่นอน ผมออกมาจากห้องผ่าตัดแล้ว.....  การผ่าตัดเสร็จแล้ว  แต่ผมยังมีความรู้สึกลอยเคว้งคว้างอยู่

"คุณวินัยยกมือข้างขวาขึ้นซิคะ"  ผมทำตาม  "ยกมือข้างซ้ายขึ้นค่ะ"  ผมทำตาม  "ดีมากค่ะ"  เสียงชมด้วยความพอใจ

พยาบาลคนหนึ่งเข้ามาใกล้เตียง เอามือมาจับสายอะไรที่ปากผม บอกให้ผมหายใจแรงๆ หลายครั้ง  ผมทำตามที่บอก

"เราจะถอดเครื่องช่วยหายใจออก  อาจมีอาการเจ็บคอ แต่จะหายภายในหนึ่งวัน"  คงเห็นว่าผมหายใจได้เองเป็นปกติแล้ว สายอะไรที่อยู่ในปากและคอผมถูกดึงออกไป รู้สึกเจ็บในลำคอจริงๆ แต่ไม่มากนัก

"การผ่าตัดเรียบร้อยดี  คุณลุงเก่งจัง ไม่บ่นว่าเจ็บเลย แผลผ่าตัดสวยนะคะ พักอีกสักครู่ เดี๋ยวจะส่งกลับหอผู้ป่วย" เสียงจากพยาบาล

พยาบาลวัดความดัน  บอกว่ายังต่ำอยู่   ผมไม่ได้ถามว่าห้องนี้เป็นห้องอะไร เดาเอาเองว่าเป็นห้องพักรอหลังผ่าตัด สำหรับผู้ที่ไม่มีปัญหาต่อเนื่อง  ถ้ามีปัญหาต้องดูแลต่อใกล้ชิด อาจต้องไปรอที่ห้องไอซียู

ผมเริ่มรู้สึกตัวมากขึ้น แต่ไม่ค่อยมีแรงมาก มีอาการตึงที่หน้าท้อง เจ็บหนึบๆ บริเวณหัวเหน่าและในท่อปัสสาวะ มีสายน้ำเกลือเสียบที่หลังมือซ้าย ถุงน้ำเกลือแขวนที่เสาข้างเตียง ยังไม่รู้ว่ามีอะไรติดตัวมาอีกบ้าง  เมื่อวานนี้ ตอนที่ฟังแนะนำวิธีปฏิบัติตัว เขาบอกว่าจะมีเส้นสายติดตัวมาหลังผ่าตัด มากน้อยแล้วแต่กรณี  ผมก็คงมีเส้นสายบ้างละคราวนี้

พยาบาลวัดความดันอีกครั้ง  คงจะพอใช้ได้แล้ว จึงส่งผมต่อให้เจ้าหน้าที่รับคนป่วยกลับหอ บอกว่า "คุณวินัย  เพชรช่วย ส่งกลับหออุบัติเหตุสอง" ตึกที่ผมนอนมาแล้วคืนหนึ่ง และต้องพักฟื้นต่อไม่ทราบว่าอีกกี่คืน

เจ้าหน้าที่เข็นผมเข้าลิฟท์ลงไปชั้นล่าง ย้อนเส้นทางที่มาเมื่อตอนเช้า ผมรู้สึกตัวเบาๆ ในหัวมึนพอสมควร แต่มีสติตลอดเวลา ดีใจที่การผ่าตัดเสร็จแล้ว ไม่รู้สึกเจ็บปวดมากมาย

ถึงตึกอุบัติเหตุ ต้องเข็นขึ้นลิฟท์ไปชั้นสอง ออกจากลิฟท์แล้วเจ้าหน้าเข็นผมผ่านประตูตึก เห็นคนยืนรอดูอยู่หลายคน ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยและญาติที่พักในตึกนี้  คุณราตรี และน้ำหวาน (ภรรยาและลูกสาว) ยืนรออยู่หัวแถว ผมส่งยิ้มให้ และโบกมือเป็นสัญญาณว่าไม่เป็นไร ทั้งสองคนแสดงอาการโล่งอก คงรอลุ้นมานานว่าเมื่อไรจะกลับจากห้องผ่าตัดเสียที  ผมไม่ทราบว่าขณะนั้นเวลากี่โมงแล้ว (รู้ภายหลังว่าเป็นเวลาเกือบสี่โมงเย็น)

ผมถูกเข็นต่อไปยังห้องพัก เจ้าหน้าที่ถ่ายตัวผมจากเตียงที่เข็นมาลงบนเตียงในห้องพัก  ปรับระดับเตียงและจัดท่านอนให้สบาย  จัดเส้นสายที่ติดตัวมาให้ถูกที่ถูกทาง  ระหว่างที่จัดท่านอนอยู่นั้น ผมรู้สึกระคายเคืองในลำคอ จึงไอเบาๆ แต่รู้สึกเจ็บไปถึงบริเวณหน้าท้อง จึงบ่นออกมาว่าเจ็บ

"เวลาไอให้ทำตามที่ได้รับคำแนะนำก่อนผ่าตัด จะได้ไม่เจ็บ"  พยาบาลบอกมีน้ำเสียงดุนิดๆ 

ผมรู้ตัวว่าทำไม่ถูก คำแนะนำมีว่า หลังผ่าตัดเมื่อจะไอเพราะคันในลำคอหรือมีเสมหะ ให้สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกลั้นไว้นิดหนึ่ง จากนั้นให้กระแทกลมผ่านลำคอออกมา จะไม่กระเทือนถึงหน้าท้องซึ่งมีแผล

ผมเริ่มสังเกตว่าบนเสาที่แขวนถุงน้ำเกลือ นอกจากน้ำเกลือถุงใหญ่แล้ว ยังมีน้ำถุงเล็กอีกใบหนึ่งแขวนอยู่ และมีสายไปร่วมกับสายน้ำเกลือด้วย(ทราบภายหลังว่าเป็นน้ำยาเข้าเส้น) นอกจากนั้นยังมีสายต่อเข้าในทางเดินปัสสาวะตรงไปยังกระเพาะปัสสาวะ ปลายที่อยู่ข้างนอกเป็นถุงรับน้ำปัสสาวะ ปัสสาวะจะไหลลงถุงเองโดยผมไม่ต้องเบ่งหรือรู้สึกปวดฉี่

เมื่อเจ้าหน้าที่และพยาบาลทำงานเสร็จและออกไปแล้ว คุณราตรีบอกว่า หลังจากส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดเมื่อ 8.45 น.แล้วก็มารอที่ตึกอุบัติเหตุจนถึงบ่ายก็ยังไม่เห็นกลับมา ระหว่างนั้นคุณศุภชัยโทรมาถามข่าวเป็นระยะว่าเสร็จหรือยังจะขอมาเยี่ยมเป็นคนแรก เพราะตามกำหนดคาดว่าจะเสร็จราวบ่ายสามโมง พยาบาลประจำตึกบอกว่าถ้าเสร็จเรียบร้อยทางห้องผ่าตัดจะแจ้งมาให้รอรับตัว เมื่อได้รับแจ้งว่ากำลังส่งตัวกลับมาก็ไปยืนรอที่ประตูทางเข้าตึก และดีใจ หายเครียดเมื่อเห็นคนป่วยนอนยิ้มมาและโบกมือให้ ส่วนลูกสาวเพิ่งมาจากนครสวรรค์  ถึงเมื่อบ่ายโมงวันนี้

ประมาณเกือบห้าโมงเย็น ศุภชัยและคุณปานทิพย์ มาเยี่ยมที่ห้อง ผมพูดคุยได้สักสามสี่นาที ก็รู้สึกเหนื่อยจึงนอนฟังคุณปานทิพย์คุยกับคุณราตรี เพราะคุณปานทิพย์มีประสบการณ์การผ่าตัดที่ศิริราชมาก่อน ระหว่างนั้นลูกชายและลูกสาวอีกคนโทรมาถามข่าว ตอบไปว่าเรียบร้อยดี ไม่มีปัญหาที่ต้องเป็นห่วง

การที่มีคนในครอบครัวหรือคนที่ใกล้ชิดสักคนป่วยหรือต้องรับการผ่าตัด ทำให้คนอื่นๆ เป็นกังวลเป็นห่วงและวิตกกันไปหมด ยิ่งเป็นมะเร็งและต้องผ่าตัดด้วย ทำให้เป็นกังวลสองต่อ  ชื่อโรคฟังแล้วน่ากลัว ผ่าตัดจะเรียบร้อยหรือเปล่า เสร็จแล้วจะหายขาดไหม..ต่างๆ นานา  รักษาสุขภาพโดยการออกกำลังกาย ระมัดระวังเรื่องอาหาร และหมั่นตรวจประจำปีไว้เป็นดีที่สุด

TOP

11. พักฟื้นที่โรงพยาบาล

 

ยังจะมีต่อ







 








 



การผ่าตัดโดยใช้หุ่นยนต์และมือกล


 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

TOP