::การท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์บนเขาทะลาย::
สภาพทั่วไป
จากในอดีตที่เขาทะลายได้ถูกตัดไม้ทำลายป่าจนกลายเป็นภูเขาหัว
โล้นและต่อมาหลวงพ่อใช่ สุชีโว ได้หารือกับพระและโยมว่าต้อง
ดูแลรักษาป่าไม้ และต้องปลูกต้นไม้เสริมบนป่าเขาทะลาย ดังนั้น
พระและชาวบ้านใกล้เคียงจึงร่วมกันปลูกป่าและเมื่อเกิดไฟป่าขึ้น
ก็จะรวมตัวกันช่วยกันดับไฟป่าจึงเกิดชมรมอนุรักษ์ป่าไม้ขึ้น
จนปัจจุบันป่าไม้บนเขาทะลายได้กลายเป็นป่า ที่อุดมสมบูรณ์ขึ้น
อีกครั้งและเต็มไปด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิด เช่น ยางกล่อง ยางแดง
สำรอง กฤษณา กระบก กระพ้อ เสม็ด ฯลฯ และสัตว์ป่าที่ปัจจุบันพอ
จะมีเหลืออยู่ เช่น หมูป่าลิง เม่น พังพอน กระต่าย กระแต กระรอก
ไก่ป่าฯลฯซึ่งป่าบนเขาทะลายควรจะได้รับการส่งเสริมเป็นแหล่ง
ท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรจากการศึกษาข้อมูล
และการออกสำรวจพื้นที่ การใช้พื้นที่พบว่าพื้นที่ส่วน
ใหญ่เป็นสวนผลไม้เช่นเงาะ ทุเรียน มังคุด เป็นต้น โดยเจ้าของเน้นการ
ขายผลผลิตเป็นหลัก แต่มีสวนผลไม้บางแห่งที่ทำสวนให้เป็น
แหล่งท่องเที่ยว ทั้งในรูปแบบที่เป็นเชิงธุรกิจและไม่เป็นธุรกิจ
ซึ่งได้แก่ กุลพัฒน์ทัวร์ริสเซ็นเตอร์และสวนกุลพัฒน์ และสวนไร่เสวก
กุลพัฒน์ทัวร์ริสเซ็นเตอร์และสวนกุลพัฒน์
เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีภาคเอกชนเป็นผู้ดำเนินการโดยมี คุณทวีวัฒน์
ตินะมาศ เป็นเจ้าของสวนและคุณนพวรรณ จุลศรีไกวรรณ เป็นผู้จัดการ
ที่ตั้ง
กม.298 ถ.สุขุมวิท ต.วังใหม่ อ.นายายอาม จ.จันทบุรี
แผนที่สถานที่ตั้งสวนกุลพัฒน์
ในอดีตพื้นบริเวณกุลพัฒน์ทัวร์ริสท์เซ็นเตอร์
และสวนกุลพัฒน์ เป็นป่าและสวนผลไม้มีเนื้อที่ประมาณ 200 ไร่ โดยมีเจ้าของเป็นคนใน
ท้องถิ่น ต่อมาในปี พ.ศ.2526 คุณทวีพัฒน์ ตินะมาส ได้มาขอซื้อที่ดินส่วนนี้ทั้งหมด
ด้วยเหตุที่จะสร้างเป็น ที่พักรถขนาดใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออก แต่ต่อมาได้ขยายบริการเป็นศูนย์บริการการท่องเที่ยว
และสวนผลไม้ที่ให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมและชิม ผลไม้ภายในสวนได้
ศูนย์บริการการท่องเที่ยว หรือ กุลพัฒน์ทัวริสเซ็นเตอร์ อยู่บริเวณด้านหน้าของสวนกุลพัฒน์
ซึ่งอยู่ติดกับถนนสุขุมวิท ภายในสวนประกอบด้วย
- แปลงสมุนไพร มีสมุนไพรหลากหลายชนิด บริการให้แก่นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อและศึกษา
โดยสมุนไพรเหล่านี้ได้มาจาก กลุ่มแม่บ้านในตำบลต่างๆของจังหวัดจันทบุรี
- อาคารจำหน่ายสินค้าพื้นเมือง เป็นร้านค้าที่จำหน่ายสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ของจังหวัดจันทบุรี
- ศูนย์อาหาร
- การบริการด้านข้อมูลเกี่ยวกับการท่องเที่ยว โดยจัดทำเป็นคู่มือและแผนที่ในภาคตะวันออก
ซึ่งได้รับการสนับสนุนทางด้านข้อมูลจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
สำหรับบริเวณด้านหลังของกุลพัฒน์ทัวริสเซ็นเตอร์
มีเนื้อที่ 200 ไร่ เป็นสวนผลไม้ที่มีชื่อเรียกว่า สวนกุลพัฒน์ เป็นสวนผลไม้ที่ปลูกผลไม้เกือบทุกชนิด
เช่น ทุเรียน เงาะ มังคุด ลองกอง
เป็นต้น ปัจจุบันได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมและชิมผลไม้ภายในสวนได้ โดยเก็บค่าบริการเข้าชมและชิมผลไม้คนละ
40 บาท และจะเปิดให้บริการในหน้าผลไม้ คือประมาณกลางเดือนมิถุนายน ถึงเดือน กรกฎาคม
โดยการเข้าชมสวนนักท่องเที่ยวจะต้องปฏิบัติตามกฎที่ได้ตั้งไว้ คือ ห้ามให้นักท่องเที่ยวเก็บผลไม้จากต้นรับประทานเอง
ซึ่งทางเจ้าของได้จัดพนักงานมาเป็นวิทยากรและคอยเก็บผลไม้ให้กับ
นักท่องเที่ยว
สวนไร่เสวก
เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีภาคเอกชนเป็นผู้ดำเนินการ คือ
คุณบุญลือ ศรีสัจจะวรกุล
ที่ตั้ง
74/1 หมู่ที่ 3 ต.วังใหม่ อ. นายายอาม จ.จันทบุรี
แผนที่สถานที่ตั้งของสวนไร่เสวก
พื้นที่เดิมของสวนไร่เสวก แต่เดิมพื้นที่นั้นเป็นที่ว่างเปล่า
มีเนื้อที่ประมาณ
30 ไร่ เมื่อประมาณปี พ.ศ.2515 คุณบุญลือ ศรีสัจจะวรกุล ได้ขอเช่าพื้น
ที่เพื่อทำสวนผลไม้ ปลูกหลายชนิด เช่น เงาะ มังคุด ทุเรียน ลองกอง สละ
เป็นต้น ต่อมาเมื่อราคาผลผลิตตกต่ำคุณบุญลือจึงได้เปิดสวนผลไม้ของ
ตนเองให้นักท่องเที่ยวได้มาเที่ยวชม โดยระยะแรกคิดค่าเที่ยวชมสวนคน
ละ 10 บาท แต่ต่อมาได้เพิ่มค่าเข้าชมสวนเป็นคนละ20บาทโดยให้นักท่อง
เที่ยวสามารถรับประทานผลไม้ในสวนได้ และนอกจาก
นี้ยังขายผลไม้ให้กับนักท่องเที่ยวที่ต้องการซื้อกลับด้วย
โดยการเปิดสวนผลไม้ของคุณบุญลือนี้เปิดให้เข้าชมสวนได้เฉพาะ
วันอาทิตย์
เท่านั้นและการเปิดให้เข้าชมจะเปิดในช่วงฤดูผลไม้เท่านั้น คือประมาณ
กลางเดือนพฤษภาคมถึงปลายเดือนมิถุนายนโดยกลุ่มนักท่องเที่ยว
ี่เข้าเยี่ยมชมส่วนใหญ่เป็นพนักงานบริษัท ข้าราชการ เช่น ครู อาจารย์
หรือชาวบ้านทั่วๆ ไปซึ่งนักท่องเที่ยวจะทราบจากการบอก
ต่อ ๆ กันมา ไม่มีการประชาสัมพันธ์การเข้าเที่ยวชมสวนนั้นเจ้าของสวน
จะเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้เที่ยวชมและรับประทานผลไม้ภายใน
สวนได้โดยอิสระ คือ
สามารถเก็บผลไม้มารับประทานเองได้จาก
ต้นโดยสวนของคุณบุญลือนี้จะไม่มีการจ้างวิทยากรภายนอกมานำเที่ยว
ชมหรือใ้ห้ ความรู้แก่นักท่องเที่ยวจะมีแต่เพียงคุณบุญลือเท่านั้นที่ทำ
หน้าที่นี้จากการสอบถามคุณบุญลือทราบว่าในการบริหารการจัดการใน
สวนนั้นไม่เป็นเชิงธุรกิจไม่มีการจัดเป็นแบบแผนที่แน่นอน ไม่มีการประ
สานงานจากหน่วยต่าง ๆรวมทั้งไม่มีการประชาสัมพันธ์ให้ทราบ