ที่ตั้ง
สภาพทั่วไปและสภาพทางกายภาพ
" เขาพนมพา" ตั้งอยู่บริเวณบ้านเขาพนมพา
หมู่ที่ 7 ตำบลหนองพระ
อำเภอ
วังทรายพูน จังหวัดพิจิตร
เป็นเนินเขาขนาดเล็ก มีลักษณะเป็นเขาลูกโดดครอบคุมพื้นที่ประมาณ
200 ไร่ เป็นเขตพื้นที่ป่าไม้
อยู่ในความดูแลของกรมป่าไม้
มีต้นไม้ขนาดเล็กปกคลุมหนาแน่น
มีความลาดชันประมาณ 15 องศา
สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง
50 -155 เมตร
ชนิดดินเป็นดินร่วนปนดินลูกรังและเศษหิน
ชนิดหินเป็นหินภูเขาไฟชนิดโรโอไลท์
แอนดีไซด์
บริเวณโดยรอบเขาพนมพา
จะเป็นพื้นที่ค่อนข้างราบและมีบ้านเรือนราษฎรตั้งอยู่กระจัดกระจาย
เฉพาะบ้านเขาพนมพา หมู่ที่
7 ตำบลหนองพระ อำเภอวังทรายพูน
มีราษฎรอาศัยอยู่
141 ครัวเรือน จำนวน 610 คน
ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำไร่ ทำนา
และรับจ้างทั่วไป
ความเป็นมา
ประมาณเดือนเมษายน 2542 ประชาชนในพื้นที่เขาพนมพาทราบว่าเจ้าหน้าที่จากกรมทรัพยากรธรณีได้มาสำรวจพบ สายแร่ทองคำ
ประชาชนจำนวนมากจึงได้เข้าไปขุดหิน
ดินลูกรังแล้วนำไปร่อนดู ปรากฏว่าพบแร่ทองคำปะปนอยู่
ทำให้ประชาชน
ทั้งในพื้นที่จังหวัดพิจิตรและต่างจังหวัดบุกรุกเข้าไปหาแร่ทองคำในบริเวณพื้นที่เขา
พนมพาเป็นจำนวนมาก ซึ่งการกระทำดังกล่าวก่อให้เกิด
ปัญหามวลชนบุกรุกทำลายทรัพยากร
ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปัญหาการบาดเจ็บล้มตายของประชาชนที่ถูกดินถล่มทับผู้ว่าราชการ
จังหวัดพิจิตร
นายอำเภอวังทรายพูนได้ออกประกาศห้ามประชาชนบุกรุกเข้าไปในพื้นที่บริเวณ
เขาพนมพาโดยเด็ดขาด แต่ปรากฏว่า
ยังมีประชาชนจำนวนมากยังคงลักลอบเข้าไปขุดหาแร่ทองคำ
บริเวณเขาพนมพาส่งผลกระทบต่อประชาชนและต่อทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดล้อมโดยรวมของ
จังหวัดพิจิตรเรื่อยมา
ในที่สุดกรมทรัพยากรธรณี
จังหวัดพิจิตร อำเภอวังทรายพูน
ป่าไม้จังหวัดพิจิตรอุตสาหกรรมจังหวัดพิจิตร ทรัพยากรธรณีประจำท้องที่องค์การบริหารส่วนตำบล
หนองพระและส่วนราชการอื่นที่เกี่ยวข้อง
มีความเห็นว่าควรให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด
พิจิตรดำเนินการขอประทานบัตรทำเหมืองแร่ทองคำ
บริเวณเขาพนมพา เพื่อให้ราษฎรเข้ามามีประโยชน์ร่วมกันในการทำเหมือง
ซึ่งจะสามารถแก้ไข
ปัญหาด้านมวลชน ปัญหาการบาดเจ็บล้มตายและปัญหาด้านทรัพยากรธรรมชาติและทรัพยากร
สิ่งแวดล้อม
ให้หมดไปในที่สุด
การดำเนินการขอประทานบัตรขององค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตร
เมื่อได้พิจารณาสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นจากการที่ประชาชนเข้าบุกรุกขุดหาแร่ทองคำ
บริเวณเขาพนมพา ประกอบกับ
ความเห็นของกรมทรัพยากรธรณี
จังหวัดพิจิตร
และส่วนราชการที่
เกี่ยวข้องเห็นว่า แนวทางการแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุดคือ การให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตร
ยื่นคำขอประทานบัตรเหมืองแร่ทองคำจากกรมทรัพยากรธรณี
เพื่อดำเนินการให้ราษฎรเข้ามามีประโยชน์
ร่วมกันในการทำเหมืองแล้ว
นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตรจึงได้เสนอญัตติขอความเห็นชอบต่อ
สภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตร
ซึ่งสภาได้พิจารณาให้ความเห็นชอบตั้งแต่
2 พฤศจิกายน
2542 องค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตรจึงได้ยื่นคำขอประทานบัตรต่อ
ทรัพยากรธรณี ประจำท้องที่
(จังหวัดพิจิตร) ในวันที่ 4
พฤศจิกายน 2542
และได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับคำขอ
ดังนี้
1. การขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในเขตพื้นที่ป่าไม้
(เขาพนมพา)
2. จัดทำรายงานธรณีวิทยาแหล่งแร่
3. จัดหาที่ดินที่ใช้เป็นสถานที่แต่งแร่
4. จัดทำแผนโครงการและรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม
นอกจากการดำเนินการตามขั้นตอนดังกล่าวแล้ว
ในการขอประทานบัตร
ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดครั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมได้เสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาผ่อนผัน
เป็นกรณีพิเศษเฉพาะรายให้กับองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตร
โดยไม่ต้องขออาชญาบัตรพิเศษ
โดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่
13 มิถุนายน 2543 กรมทรัพยากรธรณีจึงได้
รวบรวมเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเสนอต่อคณะกรรมการตาม
พ.ร.บ. แร่
พิจารณาให้ความเห็นชอบ
และได้เสนอความเห็นต่อ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อประกอบการพิจารณาอนุญาต
ประทานบัตร
โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
ได้ลงนามอนุญาตประทานบัตรให้กับองค์การ
บริหารส่วนจังหวัดพิจิตร เมื่อวันที่
19 ตุลาคม 2544 ตามประทานบัตรที่
26914/15504
การทำกิจการเหมืองแร่ทองคำเขาพนมพา
วัตถุประสงค์
ในการทำกิจการเหมืองแร่ทองคำและการจัดเก็บค่าเนียมจากการให้บริการในการ
ทำกิจการเหมืองแร่ทองคำขององค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตร
มิได้มีวัตถุประสงค์ในการหาผลประโยชน์
จากสินแร่ทองคำในเชิงพาณิชย์
หากแต่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้บริการประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมได้รับ
ประโยชน์จากร่อนล้างเอาแร่ทองคำอย่างเป็นธรรม
ถูกต้องตามกฎหมายถูกหลักวิชาการ
ทำเหมือง
ควบคู่กันไปกับการฟื้นฟูสภาพป่าไม้และสิ่งแวดล้อม
ตลอดจนแก้ไขปัญหาด้านมวลชนและการรักษาความ
สงบเรียบร้อยในท้องถิ่น
วิธีการทำเหมืองแร่ทองคำขององค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตร
การทำเหมืองแร่ทองคำขององค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตร
เป็นการทำเหมืองโดยวิธี
เหมืองหาบ (Open
Pit)
โดยเริ่มจากการปรับสภาพพื้นที่โดยการใช้รถแทรกเตอร์ไถดันทำทาง
ขึ้นไปจนถึงบริเวณที่จะเริ่มเปิดทำการเหมือง
โดยเส้นทางจะมีลักษณะเป็นดินอัดแน่นจากนั้น
ใช้รถแทรกเตอร์ไถดันเปลือกดินซึ่งเป็นดินที่มีแร่ทองคำปะปนอยู่
มีความหนาเฉลี่ยประมาณ 3 เมตร
ต่อมาก็จะใช้รถ BACK HOE
รวมทั้งคนงานขุดตักดินปนแร่นำมาบดโดยใช้เครื่องโม่หินให้ละเอียด
โดยมีขนาดเล็กประมาณ 10 เมซ
หรือประมาณ 0.2 มิลลิเมตร
แล้วจึงบันทึกใส่ท้ายรถบรรทุก
10 ล้อ เพื่อนำไปแต่งแร่นอกเขตประทานบัตร
ซึ่งได้เตรียมพื้นที่ไว้ประมาณ
50 ไร่ ซึ่งมีรั้วรอบขอบชิดสำหรับการแยกแร่ทองคำจำให้ราษฎรเป็นผู้ดำเนินการบรรจุดินหินปนแร่ ที่โม่ย่อย
ละเอียดแล้วจากกองวัสดุแร่ใส่ถุงด้วยตนเอง
โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตรเรียกเก็บค่า
ธรรมเนียมจากการให้บริการจากราษฎร
ในอัตราถุงละ 40 บาทจากนั้นให้ราษฎรนำไปแยก
แร่ทองคำออกมา โดยแร่ทองคำที่ร่อนได้เป็นกรรมสิทธิของราษฎรที่จำจำหน่ายให้
กับผู้รับใบอนุญาตจากทรัพยากรธรณีประจำท้องที่แล้ว
โดยมีรายละเอียดประกอบการดำเนินการดังนี้
การคัดเลือกกลุ่มบุคคลหรือกลุ่มบุคคลเข้าร่อนล้างเอาแร่
องค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตรได้ดำเนินการรับสมัครกลุ่มบุคคล/บุคคล
ระหว่างวันที่
6-20 ธันวาคม 2544 และได้ทำการประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิคัดเลือก
มีจำนวนทั้งสิ้น
5,778 คน แยกเป็น
1. คนจังหวัดพิจิตร จำนวน
4,602 คน
2. คนต่างจังหวัด
จำนวน 1,176 คน
เนื่องจากมีพื้นที่จำกัดจึงแบ่งเป็น
7 กลุ่ม
โดยแต่ละกลุ่มเข้าร่อนแร่กลุ่มละ
5 วัน
ตั้งแต่วันจันทร์
ถึง วันศุกร์ ทุกสัปดาห์หมุนเวียนกันไป
ขั้นตอนและวิธีการล้างเอาแร่
1. กลุ่มบุคคล/บุคคล
จะต้องตรวจสอบประกาศผลการคัดเลือกและจัด
ลำดับกลุ่มบุคคล/บุคคล ตามที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดได้ประกาศไว้
โดยเข้าร่อนล้างเอาแร่
ได้เฉพาะวันที่กำหนดเท่านั้น
2. การเข้าร่อนแร่จะต้องนำบัตรประจำตัวผู้ร่อนแร่และบัตรคิว(บัตรจัดลำดับ) ที่ออกโดยองค์การ
บริหารส่วนจังหวัดมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ที่ฝ่ายบริหารงานบุคคล
3. เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้ว
ให้หัวหนากลุ่มนำบัตรประจำตัวผู้ร่อนแร่และบัตรคิว
ไปชำระเงินค่าธรรมเนียมให้การบริการวัสดุแร่ที่ฝ่ายรับ
- จ่ายเงิน
โดยจะขอรับบริการวัสดุแร่ได้ไม่เกิน
จำนวนสมาชิกในกลุ่ม สำหรับผู้มีสิทธิร่อนแร่แบบกลุ่มบุคคล
กำหนดไม่เกินวันละ 10 ถุงต่อวัน
และจะขอรับบริการได้เพียงวันละครั้งเดียวเท่านั้น
ราคาค่าธรรมเนียมวัสดุแร่ถุงละ
40 บาทเมื่อชำระ
ค่าธรรมเนียมแล้ว เจ้าหน้าที่จะมอบตั๋วให้
ตั๋วจะมี 2 ส่วน ส่วนแร่ให้ผู้ร่อนล้างแร่เก็บไว้
ส่วนที่ 2 ให้นำไปขอรับถุงบรรจุแร่
ในกรณีเป็นแบบรายบุคคลให้ดำเนินการในลักษณะเดียวกับแบบกลุ่มบุคคล
แต่จะรับวัสดุแร่ได้
คนละไม่เกิน 8 ถุง ต่อวัน
4. เมื่อรับถุงบรรจุวัสดุแร่แล้วจะต้องทำการบรรจุแร่ด้วยตัวเอง
และกองวัสดุแร่ภายในสถานที่
แต่งแร่จะบรรจุได้ตามจำนวนตั๋ว
ในการนี้องค์การบริหารส่วนจังหวัดจะเตรียมอุปกรณ์เช่น
พลั่ว รถเข็น
และเชือก ไว้บริการ
5. เมื่อบรรจุวัสดุแร่แล้วให้รากเข็ญไปที่คลองร่อนแร่ภายในโรงแต่งแร่
โดยใช้เลียงร่อนแร่ซึ่งต้อง
นำมาเอง แร่ทองคำที่ได้จะเป็นกรรมสิทธิของผู้มีสิทธิร่อนได้
โดยจะขายหรือไม่ขายก็ได้
ถ้าขายต้องขายให้ร้านรับซื้อแร่ที่จดทะเบียนเป็นผู้รับซื้อแร่ฯกับทรัพยากรธรณีประจำท้องที่
6. การร่อนล้างเอาแร่ฯ
จะต้องทำให้เสร็จในแต่ละวันหากไม่เสร็จไม่อนุญาตให้นำวัสดุแร่ที่เหลือ
ออกนอกบริเวณสถานที่แต่งแร่
วัสดุแร่ที่เหลือให้ตกเป็นขององค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตรเท่านั้น
7. ผู้มีสิทธิร่อนล้างเอาแร่
จะต้องเข้าทำการร่อนล้างเอาแร่ด้วยตนเองเท่านั้น
จะให้ผู้อื่นมา
ใช้สิทธิแทนตัวเองไม่ได้
ความปลอดภัยในการทำงาน
องค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตรตระหนักดีว่าเจ้าหน้าที่และราษฎรทุกคนที่เข้ามาอยู่ในเขต
ประทานบัตรและเขตแต่งแร่ ของโครงการ
จะต้องมีความปลอดภัยในการทำงาน
การทำเหมือง
และการแต่งแร่
จึงเปิดทำการเฉพาะเวลากลางวันเท่านั้นโดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตร
จะดำเนินการตามมาตรการและเงื่อนไขเกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำเหมืองโดยเคร่งครัด
มาตรการป้องกันแก้ไขและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม
ในการทำเหมืองแร่ทองคำเขาพนมพา
องค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตรได้ให้ความสำคัญต่อการดูแลรักษา
สิ่งแวดล้อมโดยรวม
โดยได้จัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมซึ่งได้รับความเห็นชอบต่อสำนักงานนโยบายและ
แผนสิ่งแวดล้อม ให้นำมาใช้ในการทำเหมืองแร่ตั้งแต่วันที่
1 กุมภาพันธ์ 2544
ซึ่งองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตรในฐานะเจ้าของประทานบัตร
จะได้นำมาตรการและเงื่อนไขดังกล่าว
มาเป็นแนวทางในการปฏิบัติ ในการทำเหมืองแร่ทองคำเขาพนมพาต่อไป
สรุป
องค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตรคาดว่า
จากแนวทางในการดำเนินกิจการเหมืองแร่ทองคำขององค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตร
ที่มีวัตถุประสงค์ให้ราษฎรเข้ามามีส่วนร่วมในการทำเหมือง
โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตรมิได้
มุ่งหวังกำไลในเชิงพาณิชย์
จะเป็นการกระจายรายได้ให้กับพี่น้องประชาชนในจังหวัดพิจิตรและต่างจังหวัด
อีกทั้งจะสามารถแก้ไขปัญหาการบาดเจ็บล้มตาย การกระทำการฝ่าฝืนกฎหมายของพี่น้องประชาชน
และลดผลกระทบด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยรวมของจังหวัดพิจิตรให้บรรเทาเบาบาง
และหมดสิ้นไปในที่สุด