สิงโต

              สิงโตเป็นสัตว์ในนวนิยายหรือจินตนาการของประเทศจีน    โดยชาวจีนได้มี   จินตนาการว่า  สิงโตมีกำเนิดมาจากสัตว์ 3 ประเภท  ได้แก่                                           1. แรด (เพราะมีนอที่หน้าผากตรงตามนิทานพื้นบ้านของจีน)                             2. ม้า(เพราะมีลำตัวเป็นม้าที่มีเขาเดียวอยู่บนหัว)ถือว่าเป็นสัตว์มงคล   ซึ่งจะ   ปรากฎตัวเมื่อมีซินแสเกิดหรือมีนักปราชญ์ผู้ทรงธรรมขึ้นครองบัลลังก์                             3. สุนัข  (ท่าทางการเต้นของสิงโตนั้น    เลียนแบบมาจากท่าทางสุนัขล่าเนื้อ     ของทิเบต หรืออาจจะเป็นสุนัขพันธ์ปักกิ่งและสุนัขพันธ์จู)                                                               ชาวจีนให้การนับถือสิงโตมาก    เพราะเชื่อว่า  สิงโตมีความศักดิ์สิทธิ์   ทั้งมี   อิทธิฤทธิ์ที่จะบันดาลโชคลาภมาให้    คอยช่วยปกป้องและปัดเป่าโพยภัยต่าง ๆ ไม่ให้       มารังควานผู้คนได้  ด้วยเหตุนี้จึงถือได้ว่า  ประเทศจีนนั้นเป็นต้นกำเนิดตำนานในการ       เชิดสิงโต    ซึ่งตามตำนานของจีนกล่าวว่า    สิงโตและการเชิดสิงโตเกิดขึ้นในรัชสมัย         ของพระเจ้าเคี่ยนหลงกุน  หรือเคี่ยนล่งกุ๋น  หรือเคียนลุง  หรือ  เขียนหลง(หลี่ซื่อหมิน)      แห่งราชวงศ์ชิง หรือเช็ง  ซึ่งเสวยราชย์อยู่ระหว่างพ.ศ. 2297 – 2338(ตรงกับสมัยอยุธยา       ตั้งแต่ปีที่  5  แห่งรัชกาลของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ   จนถึงปีที่ 4   ในรัชกาลที่ 1  แห่ง     กรุงรัตนโกสินทร์ของประเทศไทย)ในวันหนึ่งขณะพระเจ้าเคี่ยนหลงกุ๋นหรือจักรพรรดิ       เฉียนหลงเสด็จออกท้องพระโรงมีข้าราชบริพารมาเข้าเฝ้าก็ได้เกิดเหตุการณ์  ท้องฟ้ามืด       สลัวลง  พร้อมกับปรากฏสัตว์ประหลาดรูปร่างคล้ายกับสุนัขตัวใหญ่  มีขนปุกปุย ลอย         ลงมาจากก้อนเมฆทางทิศตะวันออก  ทั้งมีเสียงดนตรีประโคมกึกก้อง   สัตว์ประหลาด       ได้ลอยลงมาหยุดตรงหน้าที่ประทับ  แล้วหมอบลงก้มศีรษะทำความเคารพต่อพระองค์       3  ครั้ง   ก่อนลอยหายไปทางทิศเหนือ    หลังจากเกิดเหตุกาณ์ได้มีขุนนางผู้เฒ่าคนหนึ่ง       ได้กราบทูลว่า   สัตว์ที่มาถวายบังคมต่อพระองค์นั้นเป็นสัตว์ประเสริฐ  ที่ประกอบด้วย     มงคลอย่างสูง  มีนามว่า  สิงโต (หม่งไซ หรือ ไซ)   สัตว์ชนิดนี้ยากที่มนุษย์สามัญจะได้       พบเห็น  แต่การที่สัตว์นั้นมาถวายมงคลพระองค์เพราะพระองค์เป็นผู้ทรงบุญญานุภาพ         สิงโตจึงมาถวายบังคม  เพื่อมาแสดงความจงรักภักดี  และอวยพรแด่พระองค์   พระเจ้า           เคี่ยนล่งกุ๋นได้ฟังก็เกิดปิติโสมนัส พร้อมตรัสสรรเสริญสิงโต  ต่อมาเมื่อราษฎรได้ทราบ           เหตุการณ์ดังกล่าว   ก็ได้พากันจัดหารูปสิงโตมาตั้งเคารพบูชาไว้ที่บ้านของตน   ต่อมา           มีชาวจีนสกุลโง้ว(แซ่โง้ว) ได้คิดทำหัวสิงโตขึ้นมาใช้แทนสิ่งที่เคยลอยลงมาจากฟ้า หา           เครื่องดนตรีประกอบให้มีที่เสียงเร้าใจ  ชวนให้สนุกสนาน  โดยใช้คนจับหัวเชิด  แสดง           คาราวะต่อผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่   ถือว่าเป็นมิ่งมงคลแก่ผู้รับการคาราวะ  เปรียบเสมือน         เป็นพระเจ้ากรุงจีน สิงโตจึงเกิดขึ้นตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา  ยังมีตำนานความเป็นมาการ         เชิดสิงโตอีกเรื่องหนึ่งได้กล่าวว่า หลายร้อยปีมาแล้วได้มีสัตว์ยักษ์ตัวหนึ่งตัวยาว 8  ฟุต           มีหัวที่น่าเกลียดมาก  ได้มากินข้าวในนา   ที่มณฑลกวางตุ้งในวันตรุษจีน   ชาวบ้านจึง           ร่วมมือกันคิดหาวิธีขับไล่สัตว์ร้ายนั้นไป     โดยไม่คิดทำอันตรายแก่สัตว์ร้ายแต่อย่างใด     โดยนำเอาไม้ไผ่ทำเป็นโครง เอากระดาษสีปะสร้างเป็นรูปสิงโตขึ้นมา   แล้วให้ชาวบ้าน     หลบเข้าไปซ่อนอยู่ด้านในของสิงโตจำลอง  จวบจนถึงเวลากลางคืน    สิงโตที่ชาวบ้าน          สร้างจำลองขึ้นมาได้ออกไปเผชิญหน้ากับสัตว์ยักษ์   สัตว์ยักษ์เมื่อได้เห็นสิงโตจำลองที่         กระโดดโลดเต้น   และมีเสียงดัง    อันเกิดจากการที่ชาวบ้านได้เอาเครื่องมือที่ใช้ในการ         ทำครัวมาตีกระทบกัน  ทำให้สัตว์ยักษ์เกิดความหวาดกลัวหลบหนีไป  ชาวนาจึงไม่ถูก          สัตว์ยักษ์มากินข้าวในนาของตนต่อไป  และเพื่อระลึกถึงบุญคุณของสิงโตจำลอง  พวก          ชาวนาจึงจัดให้มีการเชิดสิงโตเป็นประจำทุกปีในช่วงตรุษจีน  ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่า       การเชิดสิงโตอาจจะมีจุดกำเนิดมาจากเทศกาลตรุษจีน              

 

 

    

 

 

      

         

 

กีฬาเชิดสิืงโต
Lion  Dance  sports
ฝึกหัดเชิดสิงโต-มังกร

06-178-6297

การเชิดสิงโต
อุปกรณ์กีฬาสิงโต
หัวสิงโต
ประเภทของสิงโต
สีของหัวสิงโต
ประวัติสิงโตไทย
ประวัติกีฬาสิงโตในไทย
การแข่งขันกีฬาสิงโต
กติกากีฬาสิงโตนานาชาต
แอบดูสิงโต
การเชิดมังกร
โฮมเพจ