หวัดดีครับ
กระผมเรียวเฮคุงเจ้าเก่าเจ้าเดิมนั่นหละครับ เมื่อคราวก่อนที่ผมเล่าค้างไว้
นั่นคือในครั้งแรกที่พวกเราได้พบหน้ากันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาในฐานะคนวงเดียวกัน
เคตะคือนักร้องนำของวงผม ผู้ซึ่งมีหน้าตาละม้ายคล้ายเด็กผู้หญิงจนทำเอาทั้งผมและริวอิจิสับสนไปพักใหญ่เชียวหละ
และก็เพราะหน้าตาที่เหมือนเด็กผู้หญิงนี่แหละที่เป็นสาเหตุให้ทั้งสองคนนั้นกลายมาเป็นไม้เบื่อไม้เมากันในขณะนี้
เนี่ยแหละครับเรื่องที่ทำให้ผมกลุ้มใจน่าดูเชียวหละ เฮ่อ... มาฟังกันต่อดีกว่าครับ....
หลังจากวันที่เจอกันวันนั้นแล้ว
ก็ดูเหมือนว่าการฉะฝีปากระหว่างคนทั้งคู่จะไม่ได้ลดละเลิกลงเลยแม้แต่น้อย
คนนึงปากดีมาอีกคนก็ตอกกลับได้ทันควัน ไม่ได้มีใครยิ่งหย่อนไปกว่าใครได้เลยสักนิด
แถมคนที่เริ่มก่อนก็มักจะเป็นเจ้าตัวอ้วนกลมน้องชายต่างสายเลือดของผมนั่นเอง
แต่ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะทะเลาะกันยังไง พวกเค้าก็ยังคงรู้จัก "หน้าที่"
ของตัวเองเป็นอย่างดี ไม่มีใครเคยเหลวไหลอิดออดที่จะไม่ร่วมซ้อมด้วยกันเลยสักครั้ง
เพราะต่างคนก็ต่างไม่อยากที่จะเป็นตัวถ่วงให้กับกลุ่มอย่างที่เคยว่ากันไว้
เวลาอยู่บ้านส่วนใหญ่
Keita ก็จะเก็บตัวเงียบอยู่แต่ในห้องตัวเอง ไม่ออกมาฉะปากกับ Ryuichi
บ่อยนัก เพราะเค้าเองก็รู้ดีถึงความลำบากใจของคนกลางอย่างผม เค้าคิดว่าตัวเค้าเองเป็นคนเข้ามาทีหลังจึงควรที่จะหลีกเวลาที่ทำได้
อีกอย่างตัว Keita เองก็พอจะรู้ดีถึงรูปร่างหน้าตาของตนที่มันดูคล้ายผู้หญิงเสียจนแยกแยะได้ค่อนข้างลำบากแบบนี้
เค้าเคยเล่าให้ฟังว่าตอนสมัยที่เค้ายังเด็กเคยถูกทาบทามให้ไปเป็นแบบให้กับเสื้อผ้าเด็กผู้หญิงยี่ห้อหนึ่งเพราะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นผู้หญิง
แรกๆ ก็นึกโกรธอยู่เหมือนกันที่ถูกทักแบบนั้น แต่เดี๋ยวนี้ก็ชักชินเสียแล้ว
ก็มันเป็นเรื่องจริงนี่นาจะให้ทำไงได้ล่ะ แต่ที่ Ryuichi ทำเนี่ยสิ...
มันทนไม่ได้เอาซะจริงๆ ทั้งท่าทางและสายตาที่แสดงออกถึงความไม่เชื่อใจขนาดนั้น
มันอดไม่ได้ที่จะฉุนทุกครั้งไปที่เจอหน้ากัน เพราะงี้แหละผมจึงต้องคอยเดินเข้าไปคุยกับเค้าในห้องเสมอๆ
คอยหาเรื่องอะไรมาคุยกับเค้าเพื่อให้สบายใจขึ้นและคอยหยอดเรื่องดีๆ
ที่เค้าไม่เคยเห็นในตัว Ryuichi ให้ฟังแต่ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่า Keita
จะยอมรับรู้ในสิ่งที่ผมพยายามบอกเล่าให้เค้าฟังหรือเปล่า ที่แน่ๆ การที่ผมหายเข้าไปคุยกะ
Keita ในห้องเพียงลำพังนั้นมันกลับยิ่งสร้างความไม่พอใจให้กับ Ryuichi
เข้าไปใหญ่ เฮ่อ... แล้วแบบนี้ผมควรจะทำยังไงดีล่ะเนี่ย?...
ภายในห้องเล็กๆ
สีเหลืองดูสะอาดตา เด็กหนุ่มหน้าสวยนอนเอกเขนกอยู่บนเตียงนอนอันอ่อนนุ่มของตนพร้อมพลิกตลับเทปม้วนหนึ่งไปมาอย่างสนใจ
...เมื่อเย็นคุณ hayama ส่งเทปกับเนื้อเพลงมาให้ ยังไม่ได้ลองเปิดฟังดูเลย
เห็นบอกว่าให้ลองฟังทำนองให้คุ้นหูเอาไว้ก่อน ก่อนที่จะได้หัดร้องแบบจริงๆ
จังๆ แต่ว่าถ้าขืนมาเปิดแล้วร้องตามตอนที่เจ้านั่นอยู่คงได้ถูกหัวเราะเยาะแหงๆ
เปิดที่ห้องนอนนี่ก็ไม่ได้ด้วยสิ หนวกหูเรียวเฮตายเลย เอาไงดีล่ะเรา...
เด็กหนุ่มหันมองนาฬิกาอุลตร้าแมนของตนที่วางอยู่บนโต๊ะเล็กข้างหัวนอนซึ่งชี้เวลาตี
1 กว่าแล้ว อืม...ป่านนี้คงหลับกันหมดแล้วหละพรุ่งนี้ต้องซ้อมกันแต่เช้านี่นะ
ดีหละเอาเป็นว่าต่อไปเวลานี้เราลงไปซ้อมเพลงของเราทุกคืนก็แล้วกัน
คิดดังนั้นเจ้าหนุ่มหน้าสวยก็คว้าเนื้อเพลงและเทปที่เพิ่งได้มา ย่องออกจากห้องสู่ห้องนั่งเล่นของตัวที่พักในชั้นล่าง
เป้าหมายอยู่ที่ชุดเครื่องเสียงชุดใหญ่ที่ทางบริษัทอภินันทนาการไว้ให้ใช้ร่วมกันนั่นเอง
ตี 2
กว่า....
"ฮ้าว...
หิวเป็นบ้าเลยแฮะ สงสัยวันนี้เราจะเสียพลังงานจากการฝึกไปมากกว่าปกติแหงๆ
เลยถึงได้ตื่นเอาป่านนี้ได้ ....กี่โมงแล้ววะเนี่ย หือ? ตี 2 ฮี่ๆๆ
คงไม่มีใครตื่นขึ้นมาหรอกมั้ง ขืนเจ้าตุ๊ดนั่นออกมาเห็นตอนเรากินขนมกลางดึกแบบนี้มีหวังถูกกระแนะกระแหนไปจนตายแน่"
ว่าแล้วหนุ่มน้อยตัวกลมก็ลุกพรึ่บออกจากเตียงของตนย่องไปยังห้องอาหารชั้นล่าง
เป้าหมายคือตู้เย็นที่เก็บขนมหวานนานาชนิดที่ตนซื้อมาตุนไว้จากคอนวีเนียนแถวที่ซ้อมเต้น....
แสงไฟสลัวๆ และเสียงดนตรีแผ่วๆ แว่วมาจากในห้องนั่งเล่นทำให้ Ryuichi
เบนความสนใจจากเป้าหมายของตนกลับมาที่ต้นเสียงแทนอย่างระมัดระวัง
"naniyori
mo daisetsu datta dareyori mo aishiteta
" เสียงดนตรีที่เปิดคลอพอได้ยิน
ประสานกับเสียงร้องของใครคนนึงที่ขับขานไปตามจังหวะท่วงทำนองของดนตรี
แม้จะยังฟังขัดๆ หูอยู่บ้าง แม้จะยังไม่ถูกต้องตามทำนองดีนัก แต่ก็พอที่จะฟังออกได้ถึงความไพเราะของเพลงที่เปิดอยู่นี้...
ที่สำคัญที่สุด... เสียงร้องแม้จะได้ยินแบบไม่เต็มเสียง แต่ก็บอกได้เลยในทันทีว่า
เสียงของเจ้าหมอนี่เพราะจริงๆ ในครั้งแรกที่ได้ยินคิดว่าเป็นเสียงของเด็กผู้หญิงที่ไหนเสียอีก
แต่พอลองฟังดีๆ แล้วนั่นเป็นเสียงของ Keita นั่นเอง! สมแล้วหละที่ได้รับชนะเลิศมาแบบนี้
เสียงดีเป็นบ้า... แม้จะไม่ถูกชะตากันเท่าไรนัก แต่ก็ต้องยอมรับเลยจริงๆ
ถึงพรสวรรค์ที่มีในการร้องเพลงของ Keita ...นี่คงหลบมาซ้อมเพราะกลัวว่าเราจะแกล้งหละสิท่า
คิกๆ คิดอะไรบ้าๆ ชั้นก็แยกแยะถูกผิดเป็นเหมือนกันนะ เจ้าบ้าเอ้ย...
แล้ว
Ryuichi ก็ต้องรีบย่องกลับเข้าห้องนอนของตนไปตามเดิม ทำเหมือนไม่เคยรับรู้
ไม่เคยเห็นอะไรทั้งสิ้น เป็นแบบนี้มากว่า 3 วันเข้าไปแล้วที่เค้าคอยย่องลงมาแอบฟังแอบดูเวลาที่เพื่อนหน้าหวานซ้อมร้องเพลงอยู่คนเดียวตามลำพัง
ได้เห็นทั้งความตั้งใจ และความพยายามที่จะทำให้ได้ของเพื่อนคนนี้ ได้เห็นทั้งอากัปกิริยาในแบบต่างๆ
ของ Keita ทั้งดีใจเมื่อลงจังหวะถูก ทั้งกลุ้มใจเมื่อขึ้นเสียงสูงไม่ได้ตามที่ตัวเองต้องการ
รอยยิ้มที่แสดงออกมาเมื่อร้องแล้วเป็นที่น่าพอใจของตัวเอง
ทุกๆ
อย่างล้วนค่อยๆ ซึมซาบลงไปในส่วนลึกของเด็กหนุ่มที่เฝ้าแอบมองอยู่ทุกค่ำคืน
ทำไมนะ เวลาที่เจ้านี่ทำหน้าอมทุกข์ เราก็อดไม่ได้ที่จะนั่งทอดถอนหายใจไปกับมันด้วย
เวลาที่เห็นมันดีใจเราก็กลับยินดีอดไม่ได้ที่จะยิ้มตามเมื่อเห็นเจ้านี่หัวเราะ
โอย... เรานี่ท่าจะบ้าแฮะแถมยังจะมาแอบดูแอบลุ้นมันอยู่ทุกวันอีก ไม่เอาหละพอกันที
วันนี้ชั้นจะมาดูแกเป็นวันสุดท้าย คืนพรุ่งนี้ชั้นจะไม่มาอีกแล้ว อยากร้องอะไรก็ร้องไปเถอะ
ชั้นจะไม่มาดูอีกเป็นอันขาด!!!
"Keita
ที่ให้เทปไปฟังพอจะจับอะไรได้บ้างมั้ย..." "อืม...ก็ได้บ้างฮะ
เพียงแต่บางท่อนผมยังไม่ค่อยเข้าใจ..." "เอ๊ะ! มีอะไรกันเหรอฮะ
เทปอะไร จับอะไรเหรอ เคย์จัง" Ryohei ทำหน้างงๆ หันมามอง Keita
ที่คุยกับคุณฮิโรอากิถึงเรื่องอะไรสักอย่างที่ตัวเองไม่รู้ "นี่!
Ryohei ช่างเค้าเหอะ ถ้ามีอะไรที่เค้าอยากให้นายรู้ เค้าก็มาบอกเองแหละน่า..."
ร่างท้วมคว้าคอเพื่อนซี้ลากออกไปอีกทางทำให้ร่างบางหันกลับมาทำตาเขียวใส่
"กับ Ryohei ชั้นไม่เคยมีเรื่องที่อยากจะปิดเค้าหรอก"
"อ้อเรอะ?
ชึ!" ริวอิจิหันมาจึ๊ปากและเดินหนีออกไป "นี่สองคนยังเข้ากันไม่ได้อีกเหรอ"
ชายหนุ่มสูงวัยกว่าผู้เป็นทั้งผู้แต่งเพลงและโปรดิวส์เซอร์ หันมาถามหนุ่มน้อยตรงหน้าเมื่อเห็นท่าทีที่ดูจะไม่ค่อยสู้ดีนักของทั้งคู่
"ขอโทษฮะ ผมพยายามแล้วจริงๆ ที่จะไม่ทะเลาะกะหมอนั่น แต่ว่า..."
หน้าตาที่แสดงถึงความลำบากใจอยู่ไม่น้อยของ Keita ทำเอาทั้ง Ryohei
และโปรดิวส์เซอร์เองถอนหายใจกันไปตามๆ กัน "ผมผิดเองแหละครับที่ไม่พูดกะเจ้า
ริวเสียให้รู้เรื่องตั้งแต่วันนั้น แต่ว่ารับรองเลยครับไม่นานนี้เค้าต้องดีกะ
เคย์จังแน่ๆ ... ว่าแต่ว่าเทปอะไรเหรอครับ ผมยังไม่เห็นรู้เรื่องเลย?
"
.
หลังจากที่ฝึกซ้อมการเต้นตั้งแต่เช้าจนบ่าย
2 โมงตามเวลาปกติที่จะได้กลับไปยังที่พัก หนุ่มๆ ก็พากันออกมาขึ้นรถของบริษัทเพื่อกลับกันในทันที
อ้อ... ก็ไม่ทันทีนักหรอก เพราะเจ้าหนุ่มร่างท้วมของเราแอบแว่บไปคอนวีเนียนใกล้ๆ
เพื่อซื้อเสบียงตุนไว้เผื่อหิวกลางดึก แต่เมื่อกลับมายังรถก็ต้องให้แปลกใจ....
ก็ไหงถึงมี Ryohei นั่งอยู่คนเดียวได้ล่ะเนี่ย เจ้าแห้งนั่นหายไปไหนนะเราก็ออกไปซื้อหนมอยู่ตั้งนาน...
"นี่
Ryohei ... ไอ้ตุ๊ดนั่นไปไหนแล้วล่ะ... ชั้นอยากกลับไปนอนแช่น้ำอุ่นจะตายอยู่แล้วนะ
มัวไปอยู่ที่ไหนวะเนี่ย..." Ryuichi ออกจะหัวเสียเอามากๆ เมื่อถึงเวลากินเวลานอนแล้วกลับยังไม่ได้ทำทั้งสองอย่างแบบนี้
เพราะต้องมานั่งรอคนเพียงคนเดียวซึ่งนั่นก็หมายถึงเจ้าอริตัวดีนั่นเอง
"ไม่ต้องมาทำเป็นอารมณ์เสียเลย
ชั้นต่างหากที่ควรอารมณ์เสีย นายไปนานเหลือเกินนะ จะหยุดกินกลางดึกสักคืนไม่ได้เลยหรือไงฮึ!
Keita น่ะ ต้องอยู่ซ้อมร้องเพลงต่อ... ต่อไปนี้หลังเรียนเต้นแล้วก็เป็นเวลาของการเรียนร้องเพลงของหมอนั่นเต็มๆ
แล้วจนถึง 5 โมง 6 โมงนั่นแหละ คุณฮิโรอากิให้พวกเรากลับก่อนได้เลย
เพราะเรื่องร้องคอรัสน่ะต้องรอให้เคย์จังร้องให้ผ่านเสียก่อน นี่เค้าเอาเทปเพลงที่จะออก
Debut มาให้ด้วยนะ เดี๋ยวเปิดฟังกันเลยในรถนี่แหละ" เรียวเฮยื่นเทปให้คนขับรถเพื่อเปิดฟัง
"ถ้าไม่มีเสียงหมอนั่นร้อง ฟังไปก็แค่นั้นแหละ.." "หือ?"
"อ๊ะ... เปล่าๆๆ เปิดสิชั้นอยากฟัง ยังไม่เคยได้ยินเลยเหมือนกันว่าเป็นไง..."
"อื่ม" แล้วเด็กหนุ่มร่างท้วมก็นั่งกอดอกพิงหน้าต่างข้างตัวมองออกไปด้านนอกเรื่อยๆ
เหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ ผิดกับทาง Ryohei ที่ออกจะตื่นเต้น
ตื่นตา ตื่นใจกับทำนองเพลงที่พึ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก ถึงแม้ว่าจะมีเพียงแค่ทำนองก็ตาม
แค่นี้ก็ทำเอาปลื้มจะแย่แล้ว
เกิดมาเคยออกเทปกะเค้าซะที่ไหนล่ะ เนี่ยเหรอ เพลงของพวกเรา อิอิ ช่างเพราะอะไรเช่นนี้
จะว่าผมหลงตัวเองก็เอาเหอะ ก็แหมนี่เป็นเพลงของพวกผมนี่นาผมก็ต้องว่ามันเพราะ
มันดีที่สุดอยู่แล้ว กว่าจะได้มาขนาดนี้ยากลำบากแค่ไหน น่าตื่นเต้นจะตายไปนะ
ผมแทบรอเวลาที่จะวางแผงไม่ไหวแน่ะ นี่ขนาดยังไม่ได้เสียงเคย์จังมาร้องเลยนะเนี่ย
โอย หัวใจผมงิ เต้นจนมันจะระเบิดออกมาข้างนอกเลยก็ว่าได้กระมัง...
วันนี้โทรหาเพื่อนๆ ที่ฮอกไกโดดีกว่า แหะๆๆ ตัวผมเองในใจก็คิดแค่นี้แหละไม่รู้เลยสักนิดว่า
Ryuichi นั้นกลับไม่ได้ฟังเพลงที่เปิดอยู่เลยแม้แต่น้อย เค้ากลับไพ่ไปคิดถึงใครอีกคนนึงใครที่ควรจะนั่งอยู่ในรถนี้ด้วยเหมือนเช่นที่เคย...
เมื่อถึงที่พักก็พอดีเวลา
ทุ่มเศษๆ ร่างบางเดินเข้าห้องตัวเอง ผ่านห้องนั่งเล่นที่มีรูมเมทอีกสองคนนั่งอยู่ไปอย่างกับมองไม่เห็นอย่างไงอย่างงั้นทำเอาอีกสองหนุ่มหันมามองหน้ากันอย่างสงสัย
เมื่อเปิดประตูห้องได้ Keita ก็ล้มตึงลงนอนไปทั้งชุดนั้นเลยทันทีอย่างเหนื่อยอ่อน
"ก๊อกๆๆ แอ๊ด..." เสียงเคาะประตูและตามมาด้วยประตูที่เปิดอ้าออกทำให้หนุ่มน้อยเจ้าของห้องสะดุ้ง
ลุกขึ้นหันมามองอย่างตกใจ
"อ๊ะ...
ขอโทษ ไม่คิดว่านายจะนอนเร็วแบบนี้ ถ้าจะนอนแล้วงั้นเดี๋ยวชั้นไม่กวนหละ..."
Ryohei ที่โผล่หน้าเข้ามาโดยพลการ เมื่อเห็นเพื่อนตัวน้อยนอนแบ่บอยู่บนเตียงจึงรีบถอยฉากออกไปในทันที
"เดี๋ยว... Ryohei มีอะไรหรือเปล่า ชั้นยังไม่นอนหรอก เพียงแค่อยากจะล้มลงนอนเล่นซักแป๊บเท่านั้นหละ"
Keita ยิ้มกว้างให้เพื่อนผู้มาเยือน ทั้งเสียงที่แหบพร่า พร้อมลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิบนเตียงตัวเอง
ทำให้อีกฝ่ายค่อยๆ เดินมานั่งใกล้ๆ "ไม่มีอะไรหรอก เห็นตอนนายกลับมาทำหน้าไม่ค่อยจะดีนัก
เลยจะมาถามดูเฉยๆ ว่าเป็นไงบ้างเท่านั้น..." หนุ่มน้อยผู้เป็นพี่ใหญ่ที่สุด
และน่าคบที่สุดเอ่ยถามเปื้อนยิ้ม
"ขอบใจ...
ชั้นสบายดี เพียงแต่วันนี้เป็นวันแรกที่เรียนร้องเพลงอย่างจริงๆ จังๆ
น่ะ แค่กๆ ก็เลยเหนื่อยนิดหน่อย ถูกครูดุเอาด้วยเลยยิ่งเครียดเข้าไปอีก...
แต่สบายมาก ชั้นไม่เป็นอะไรหรอกนะ แค่ก... ไม่ต้องเป็นห่วงเดี๋ยวก็คงชินแล้วหละ"
รอยยิ้มกว้างถูกหยิบยื่นให้ แม้จะพยายามพูดให้หายเป็นห่วงยังไงแต่สภาพร่างกายที่มีให้เห็นกลับเป็นสิ่งที่บอกชัดเจนว่าไม่ได้เป็นอย่างที่พูดเลยสักนิด
Keita เล่าเรื่องที่ไปเรียนร้องเพลงมาให้ฟังจนหมด ไม่ว่าจะเรื่องที่ถูกดุหรือที่ต้องซ้อมออกเสียงหนักขนาดไหน
ยามนี้อาจจะเรียกได้ว่าเรียวเฮเปรียบเหมือนเพื่อนและพี่ชายที่คอยให้กำลังใจ
ให้คำปรึกษา ยามที่มีเรื่องทุกข์ใจ หรือไม่สามารถพูดกับใครได้ และตลอดเวลาที่ผ่านมา
เค้าก็สามารถปรึกษาปัญหาต่างๆ กับเรียวเฮได้ทุกๆ เรื่อง แม้เวลาที่คิดถึงครอบครัวก็ได้เรียวเฮนี่แหละที่คอยดูแลอยู่เป็นเพื่อนใกล้ๆ
เสมอ Keita ออกจะนับถือ เรียวเฮอยู่ไม่น้อย ในความที่ตัวเองเป็นเด็กกว่าด้วยหละมั้ง
ยิ่งมาอยู่ใกล้ๆ Ryohei ที่มีความรับผิดชอบสูง ใจเย็น ดูท่าทางน่านับถืออย่างนี้ด้วยแล้ว
ก็ยิ่งทำให้ตัวเองดูเป็นเด็กเล็กๆ ลงไปอีกเยอะเลยทีเดียว
เมื่ออยู่พูดคุยปรับทุกข์กันได้สักครู่
Ryohei ก็ขอตัวออกมาเพื่อให้เพื่อนตัวน้อยได้พักผ่อนอย่างเต็มที่หลังจากฝึกซ้อมมาอย่างหนัก...
ตัวผมเองก็เอ็นดู Keita เหมือนกับน้องชายของผมคนนึงเช่นกัน เพราะความที่เค้ามาตัวคนเดียวด้วยมั้งถึงทำให้ยิ่งเป็นห่วงและให้ความสำคัญกับเค้ามากขนาดนี้
Keita เป็นเด็กที่... ไงดีล่ะจะเรียกว่าง่ายก็ไม่ถูกนัก เพราะเค้าจะว่าง่ายกับเฉพาะคนที่เค้าอยากจะว่าง่ายด้วยเท่านั้น
หนึ่งในนั้นก็คือผม ไม่ว่าผมจะสอนจะว่าเค้ายังไง เค้าก็มักที่จะเชื่อฟังโดยง่ายไม่ปริปากบ่นสักคำ
นี่แหละมั้งที่ทำให้ผมเอ็นดูเค้าขนาดนี้ ทั้งๆ ที่อายุก็ห่างกันแค่เพียงปีเดียว
แต่ผมกลับยังคงคิดว่าเค้าเด็กกว่าผมหลายปีนัก! อ้อ อีกอย่าง... อาจเป็นเพราะรูปร่างหน้าตาน่ารักนี่ด้วยที่ยิ่งทำให้ดูน่าเอ็นดูน่าเอาใจใส่ขนาดนี้
ใครๆ ในบริษัทถึงได้เอ็นดูเคย์จังกันขนาดนี้...
เมื่อเดินออกมาที่ห้องนั่งเล่นผมก็เห็น
Ryuichi มองตามมาเหมือนต้องการจะรู้อะไร หรือจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็ไม่พูด
ได้แต่หันกลับไปจ้องโทรทัศน์ต่อตามเดิม "ฟุ่บ!" ผมลงนั่งที่โซฟาด้านข้างน้องชายอีกคนของผมที่ดูจะแก่นเฮี้ยวและไม่ยอมใคร
น้องคนแรกที่ต้องดูแลตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ กับริวถือได้ว่าเป็นความผูกพันธ์ที่มีมาตั้งแต่สมัยอยู่ที่โรงเรียนเต้นด้วยกัน
อีกอย่างพี่สาวของ Ryuichi ก็เป็นเพื่อนสนิทกับผมด้วย พวกเราจึงดูไม่ต่างอะไรกับพี่น้องร่วมสายเลือด
ดังนั้นส่วนใหญ่ริวคิดอะไร ผมก็มักที่จะอ่านออกได้โดยง่ายเสมอ
"เหนื่อยมากน่ะ
มาถึงก็นอนเลย..." "ใครถามกัน" ร่างท้วมคว้าหมอนอิงด้านข้างตัวมากอดไว้กับอกพร้อมกดรีโมททีวีหาช่องดูไปเรื่อยๆ
ทั้งๆ ที่ใจไม่ได้จดจ่ออยู่กับมันเลยแม้แต่น้อย "ซ้อมหนักนะ 4
ชั่งโมงเต็มๆ แถมถูกดุมาอีกว่าออกเสียงไม่ถูกวิธี เสียงงิแหบเชียว
เฮ่อ... ทั้งร้องทั้งเต้น น่าสงสารนะ ขนาดพวกเราแค่ซ้อมเต้นอย่างเดียวครึ่งวันมานี่
กลับมาก็จะบางตายกันอยู่แล้ว เจ้านั่นยังต้องฝึกร้องต่ออีก หนักกว่าเป็นเท่าตัว
ไม่รู้จะรับไหวหรือเปล่า.." พอเรียวเฮพูดมาถึงตรงนี้ ทีวีที่ถูกเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาด้วยมือของ
Ryuichi ก็หยุดลง
"เมื่อกี้ก็ให้นอนแล้วหละ
ดูเหมือนจะหลับปุ๋ยไปเลย คงเหนื่อยมากจริงๆ หมอนั่นตั้งใจจริงๆ นะ...
ฮ้าว... ชั้นเองก็คงต้องเข้านอนมั่งแล้วเหมือนกัน ราตรีสวัสดิ์นะ Ryu-chan"
เรียวเฮยิ้มและเดินเข้าห้องตัวเองไป เค้ารู้ดีว่าใจจริงของ Ryuichi
เองแล้วก็ไม่ได้รังเกียจรังงอนอะไร Keita เลยแม้แต่น้อย เพียงแต่วางท่าไปอย่างงั้นเองเท่านั้น
นี่ก็ดูท่าทางจะเป็นห่วงอยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่ยอมพูดออกมาตรงๆ เท่านั้นเอง
แบบนี้รออีกสักหน่อย อนาคตอันสดใสคงอยู่อีกไม่ไกลนัก ดูท่าทางของเจ้าตัวอ้วนกลมแล้วไม่นานหรอกคงยอมเลิกวางท่าแกล้งเค้าเองแน่ๆ...
กลางดึกคืนนั้น
Keita ก็ยังคงตั้งนาฬิกาปลุกลุกขึ้นมาซ้อมร้องเพลงอยู่เหมือนอย่างเคย
เพียงแต่วันนี้ออกจะเพลียๆ อยู่สักหน่อยเท่านั้น Ryuichi เองก็คงนอนกระสับกระส่ายอยู่คนเดียวเพียงลำพังในห้องคิดอยู่ว่าเจ้าหน้าหวานคู่อริของตนจะออกมาซ้อมเหมือนอย่างเคยหรือเปล่าในวันที่ตัวเองซ้อมหนักมาทั้งวันแบบนี้...
ทั้งๆ ที่ตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะไม่ออกไปดูอีกเด็ดขาดแต่ก็ยังอดไม่ได้
ด้วยความอยากรู้เด็กหนุ่มจึงพาร่างท้วมใหญ่ของตนลุกออกจากที่นอนและแง้มบานประตูห้องออกอย่างแผ่วเบาย่องลงมายังห้องนั่งเล่นเพื่อสอดแนมเหมือนเช่นที่เคยทำ...
แสงไฟสลัวๆ
ที่ถูกเปิดไว้โดยโคมไฟโคมเล็กๆ หน้าทีวีส่องสว่างพอให้มองเห็นอะไรๆ
ภายในห้องนั่งเล่นนี้ได้ ร่างบางเล็กนั่งขัดสมาธิอยู่หน้าเครื่องเสียงด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ในมือถือดินสอขีดๆ เขียนๆ อะไรบางอย่างลงไปบนสมุดโน๊ตของตน สีเหลืองนวลจากโคมไฟกระทบกับใบหน้าหวานคมที่ถูกล้อมกรอบด้วยเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนระต้นคอระหง
เรียวคิ้วคู่สวยขมวดมุ่นยามครุ่นคิด ริมฝีปากอิ่มสีแดงเรื่อขบเม้มพลางถอนหายใจยาวๆ
ยามคิดไม่ตก... ร่างบางในชุดเสื้อแขนกุดสีขาวตัวบางหลวมเผยให้เห็นเรียวแขนกลมกลึงขาวเนียนที่น้อยครั้งนักจะใส่ให้เห็นกับกางเกงขาสั้นปล่อยคลุมเข่าสีเลือดหมู
ยามนี้มันทำเอาหัวใจของคนแอบมองเต้นไม่เป็นส่ำ นี่เพราะอยู่ใต้แสงแบบนี้หรือไงกันบรรยากาศรอบๆ
ตัวถึงได้ดูเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ ถ้าชั้นจะมองว่าผู้ชายสวยจะผิดปกติหรือเปล่านะ!
ไม่นานนักร่างบางในห้องนั่งเล่นก็ลุกขึ้นยืนถือสมุดโน๊ตของตนแล้วร้องคลอตามจังหวะดนตรีที่เปิดอยู่อย่างแผ่วผิว
เพียงไม่กี่อึดใจเสียงร้องก็เงียบหายไปกลายเป็นเสียงกระแอมกระไอขึ้นมาแทน
Keita วางสมุดของตนลงบนโต๊ะและใช้นิ้วมือเล็กๆ ของเค้า คลึงบริเวณลำคอไปมาเพื่อผ่อนคลายเส้นเสียงที่ดูเหมือนจะแย่ลงในขณะนี้
เค้าทำแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมาจนถึงเวลาที่ต้องเข้านอนเหมือนอย่างเคย... ตี
2 ครึ่งร่างบางเก็บข้าวของเข้าที่เช่นที่เคยเป็น แล้วจึงเดินกลับเข้าห้องพักของตนตามปกติ
เพียงแค่เปิดประตูห้องนอน กลิ่นหอมกรุ่นที่ไม่เคยคุ้นก็ลอยเข้ามาแตะปลายจมูกในทันที
โกโก้อุ่นๆ
ที่ยังคงหอมกรุ่นอุ่นไอร้อนอยู่ในแก้วเซรามิกสีขาวทึบ ถูกวางบนโต๊ะเล็กข้างนาฬิกาปลุกอุลตร้าแมนตัวโปรด
ยามนี้จะมีใครล่ะที่ดีกับเราได้ขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่เรียวเฮ! นี่คงตื่นมาเจอเรากำลังซ้อมอยู่พอดีแน่ๆ...
Keita หยิบแก้วโกโก้ขึ้นมาถือด้วยสองมือพร้อมยกขึ้นดื่ม "อร่อยจัง..."
เค้ายิ้มกับตัวเองพลางยกดื่มจนหมดแก้วแล้วล้มตัวลงนอนซุกกายใต้ผ้าห่มอุ่นอย่างสบายใจ...
Blow To continue.....Feel To w-inds
 |
From
Feel to w-inds Part II
สวัสดีค่ะ
นี่ก็ห่างหายจากการอัพเรื่องนี้มานานเชียวหละนะคะ ครั้งนี้อัพวันที่
1 สิงหาคม 2002 พอดิบพอดี ก็เฮ่อ... เล่นเอาแย่เหมือกัน กว่าจะพิมพ์เสร็จ
มาดูกันดีกว่าค่ะ ว่า Feel To w-inds ในครั้งนี้มีอะไรตรงกับนุ่มๆ
ของเราบ้าง ^_^
เริ่มต้นเลยจะเห็นว่ามีรูปเด็กน้อยหน้าตาน่ารักอยู่ด้านบนสุด
อิอิ นี่แหละค่ะ เคตะสมัยเด็ก ภาพนี้อยู่ในหนังสือ History of w-inds
ค่ะ น่ารักใช่มั้ยล่ะ ขางามเชียว... นี่ตอนนี้แหละค่ะที่ถูกทาบทามให้ไปถ่ายแบบเสื้อผ้าเด็กผู้หญิง
ก็เหมือนเด็กผู้หญิงซะขนาดนี้จะไม่ให้เข้าใจผิดได้ยังไงกันล่ะ อิอิ
ถัดมาก็ภาพห้องต่างๆ
ที่เห็นคือห้องของ 3 หนุ่มเค้าหละค่ะ น่ารักมั้ยล่ะ โดยเฉพาะพ่อหนุ่มเคตะห้องเค้าจะเป็นสีเหลือง
ที่สำคัญนาฬิกาปลุกเรือนโปรด ก็คือเจ้าตัว "อุลตร้าแมน"
ที่เห็นนั่นแหละค่ะ อิอิ น่ารักเชียว
คุณ
Hayama ที่พูดถึงในเรื่องนี้ชื่อเต็มก็คือ Hiroaki Hayama ไงล่ะคะ
เป็นทั้งคนแต่งเนื้อร้องและทำนองเพลงของ w-inds
เรียวเฮกับริวอิจินั้นสนิทสนมกันเป็นอย่างมาก
นั่นเพราะเรียวเฮเป็นเพื่อนซี้สนิทกับพี่สาวของริวอิจิ ดังนั้นก็เลยพลอยทำให้ทั้งสองคนสนิทกันมากยิ่งขึ้นด้วย
สุดท้ายค่ะ
อันนี้แถมให้ เป็นบทสัมภาษณ์ที่อยู่ในหนังสือประวัติ w-inds นั่นหละคะ
มีอยู่ตอนนึงเค้าให้พูดถึงเพื่อนๆ ในวงว่าเป็นไง เรียวเฮและเคตะพูดเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า
ริวอิจิเพี้ยน! ส่วนริวอิจิกับเคตะบอกว่า เรียวเฮเป็นคนที่ตั้งใจมาก
(มากจนโอเวอร์) สุดท้าย เรียวเฮ และ ริวอิจิลงความเห็นกันว่า เคตะเป็นคนที่ค่อนข้างที่จะเครียดซีเรียสมากๆ
ทำอะไรก็ต้องทำให้ถึงที่สุด นี่แหละค่ะ 3 หนุ่มวง w-inds. ก็หวังว่าข้อความเล็กๆ
น้อยๆ จากนิยายบ้าๆ บอๆ เรื่องนี้คงจะพอทำให้เพื่อนๆ น้องๆ รู้จักตัวตนพวกเค้าทีละน้อยๆ
หละนะคะ แหะๆ (หรือจะไม่หว่า???)
เอาหละค่ะ
ในตอนนี้คงแถมท้ายเอาไว้แค่นี้ก่อนแล้วตอนหน้าจะมาบอกอีกนะคะว่า 3
หนุ่มนั้นมีประวัติยังไงต่อไป ติดตามต่อด้วยล่ะ
ปล.
น้องคนไหนเขียนฟิคชั่นของวินส์แล้วอยากจะมาให้เพื่อนๆ คนอื่นดูบ้างก็ส่งมาให้พี่ได้นะคะที่
meichan@winds.i-p.com
^_^ บ้าย บายค่ะ
Feel
To w-inds 1 / 2 / 3
/ 4 / 5 /
©2002
by Feel To w-inds.All right reseved.
|