โอ้คุณพระ!
ตอนนี้ก็เป็นตอนที่ 4 แล้วหละนะครับ ไม่คิดเลยว่าคนเขียนเค้าจาเขียนได้นานอะไรขนาดนี้
ปีนึงแล้วยังไม่จบสักทีกับเรื่องของผมคนเดียวเนี่ย ไงก็เอาใจช่วยคนเล่าเรื่องพวกผมต่อไปด้วยนะครับ
ภาวนาขอให้เค้าแต่งจบก่อนที่จะล้มหายตายจากกันไป ^^
ความตอนที่แล้วผมถูกอาจารย์ต่อว่าจนกลับมาซ้อมอย่างเอาเป็นเอาตายโดยที่ไม่ได้รู้เลยแม้สักนิดว่าเจ้าสองคนนั้นจะเป็นห่วงผมเอามากๆ
จนยอมสงบศึกกันไว้ก่อน ผมซ้อมๆ แล้วก็ซ้อมโดยไม่ได้สนใจพวกเค้าเลย
จนในที่สุดริวอิจิก็ออกมาอาสาเป็นคนฝึกซ้อมให้โดยที่เจ้าเคตะกลับไม่คัดค้านแต่อย่างใด
กลับยอมทำตามทุกอย่างอย่างเชื่อฟังและว่าง่ายได้อย่างเหลือเชื่อ!!
five
six seven eight
one two
เรียวเฮ ตรงนี้นายช้าไปจังหวะนึงนะ มันต้องแบบนี้
ร่างท้วมที่บัดนี้ใบหน้าชุ่มไปด้วยเหงื่อและหยดน้ำที่เกาะพราวตามเส้นผมที่ถักทอเป็นเปียสวยเอ่ยขึ้นพร้อมเดินไปตรงหน้าเพื่อนชายและแสดงท่าทางที่ถูกต้องให้ดูอีกครั้ง
แบบนี้เหรอ? ร่างบางสูงมองดูเพื่อนทำท่าต้นแบบให้ดูพร้อมลองออกท่าทางของตนตามไปด้วย
ไม่ใช่ๆ
เวลาเต้นนายพยายามอย่าไปทั้งตัวสิ ไปแต่เท้าก็พอแล้ว เอาอีกทีนะ แบบนี้..
ริวอิจิเอ่ยทักอีกครั้งพร้อมแสดงให้ดูอีกหน จากนั้นก็กลับไปยืนประจำตำแหน่งของตัวเองเหมือนเช่นเดิมพลางดีดนิ้วนับจังหวะให้เพื่อนอีกครั้ง
one
two three five six.. นี่ๆ ชั้นว่าท่าชั้นมันขัดๆ นะ นายช่วยดูให้หน่อยได้มั้ยริวอิจิ
ร่างบางสวยปาดเหงื่อชุ่มชื้นบนใบหน้าครั้งหนึ่งก่อนจะเดินดุ่มเข้ามาหา
คู่อริ ที่ปัจจุบัน สงบศึกชั่วคราว กันไปแล้ว อื่ม ผมหละอยากจะให้คุณเห็นตอนนี้จริงๆ
มันเหมือนฝันยังไงยังงั้นที่เห็นเคตะเป็นฝ่ายยอมเดินเข้าไปหาเจ้าน้องชายผมน่ะ
อีกอย่างเจ้านั่นก็ไม่ได้มีท่าทางกวนประสาทกลับเลยแม้แต่น้อย น่าเหลือเชื่อมั้ยล่ะครับกับเจ้าสองคนนี้
ฮะ
แต่ตอนนี้ผมคงจะสนใจอะไรไปได้ไม่มากนัก นอกจากเอาตัวเองให้รอดก่อนเป็นดีที่สุด
.
อ้อ
เข้าใจแล้ว ชั้นต้องทำแบบนี้สินะ เริ่มออกท่าให้ดูอีกครั้ง อื่มแบบนั้นแหละ
โอเค งั้นชั้นไปดูเรียวเฮต่อนะ ริวอิจิกล่าวพร้อมเดินไปดูผู้พี่ของตนต่อ
เอาหละ เอาใหม่ทั้งหมดเลยนะ
Five six seven eight
one two three..
.. พรึ่บ! เมื่อเริ่มต่อเพลงได้ไม่นานผ้าขนหนูผืนขาวสะอาดที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำเย็นๆ
ก็ถูกเหวี่ยงไปแปะบนหัวของร่างบางสวยที่กำลังเต้นอยู่อย่างไม่ลดละ
ใคร.. ใครเป็นคนขว้างมา เรียวเฮ อยู่ด้านหน้ากำลังขะมักเขม้นดูท่าตัวเองในกระจก
ไม่มีทางทำอะไรแบบนี้แน่นอน อีกอย่างเรียวเฮไม่มีนิสัยชอบแกล้งแบบนี้
เพราะฉะนั้นผ้านี่ก็ต้องเป็นของ
ริวอิจิ!
ทำบ้าอะไรของแกเนี่ย ชั้นกำลังซ้อมเต้นอยู่นะ ทำแบบนี้มันขัดขวางการเต้นของคนอื่นเค้าไม่ใช่เหรอ
ไหนว่าจะไม่ทำอะไรแบบนี้แล้วไงล่ะ! นี่คิดจะเริ่มก่อศึกกับชั้นอีกแล้
..ว
ไปนั่งพักไป
นายเต้นดีแล้ว ให้ชั้นซ้อมกับเรียวเฮสองคนจะดีกว่า คำๆ นี้ยิ่งทำให้เจ้าหนูเลือดเดือดฉุนกึ่กขึ้นมาอีกหน
หมายความว่าไงที่ว่าซ้อมกันแค่สองคนก็พอ หมายความว่าเราเกะกะงั้นสินะ
อะไรกันพูดแบบนี้หมายความว่าไงน่ะ
ชั้นจะเต้นกับเรียวเฮ จะเต้นเป็นเพื่อนเรียวเฮ นายไม่ต้องมายุ่ง!
เมื่อดูเหมือนศึกวิวาทท์จะเริ่มก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาอีกครั้งเรียวเฮจึงจำเป็นต้องหันกลับมาหาสองคนที่คนนึงพูดเถียงฉอดๆ
ไม่ยอมท่าเดียว แต่อีกคนกลับยืนนิ่งไม่พูดจาโต้ตอบเหมือนเช่นที่เคย
ผิดวิสัย? เพราะอะไรล่ะ?? อย่างเจ้าริวอิจิเนี่ยเหรอยอมถูกด่าต่อว่าอยู่ฝ่ายเดียวเพราะอะไรกันนะ
เรียวเฮมองดูคนทั้งคู่อย่างครุ่นคิดพักหนึ่งก่อนจะเห็นจุดที่ทำให้ต้องร้องอ๋อขึ้นมาทันที
พร้อมรอยยิ้มที่ผุดขึ้นทั้งๆ ที่ตนกำลังอยู่ในจุดที่อาจเรียกได้ว่าคับขันที่สุดก็ว่าได้
เด็กหนุ่มเดินตรงไปหาเจ้าร่างบางนักร้องนำเสียงใสที่กำลังพูดพร่ำกร่นด่าอีกฝ่ายอย่างหัวเสีย
ริวอิจิพูดถูกนะเคจัง
นายไปพักก่อนเถอะหน้านายซีดมากแล้วนะ ขืนเต้นต่อไปมันจะไม่ดีกับร่างหายนายสักเท่าไร
ให้พวกชั้นซ้อมกันต่อเถอะ ชั้นก็ลืมสังเกตุไปเลยว่านายจะแย่ มัวแต่สนใจตัวเองดีนะที่ริวอิจิรู้ตัวเสียก่อน
เรียวเฮกล่าวยิ้มๆ อย่างเค้ากับริวอิจินั้นเป็นเด็กที่มาจากโรงเรียนสอนเต้นอยุ่แล้วเรื่องการซ้อมเกินเวลาแบบนี้ถือว่ายังธรรมดามากนัก
แต่สำหรับเคตะที่เพิ่งจะมาเคยเจอสภาพแบบนี้ไม่เคยที่จะต้องฝึกติดต่อกันเป็นเวลานานๆ
ร่างกายก็ย่อมรับไม่ได้เป็นธรรมดา
อื่ม
รู้มั้ยครับผมเนี่ยนะปกติแล้วจะสนใจใส่ใจกับทุกๆ คนในวงโดยเฉพาะเคตะเพราะห่วงเค้ามากที่สุดเนื่องจากเพิ่งเข้ารับการฝึกแบบนี้เป็นครั้งแรก
แต่วันนี้ผมเหลวไหลจริงๆ ที่ปล่อยเค้าซ้อมกับพวกเราโดยไม่ได้ดูแลเค้าเลย
กลับเป็นริวอิจิเสียอีกที่ดูแลเคตะเป็นอย่างดีแม้จะไม่พูดเพราะๆ หวานๆ
แต่นั่นก็คือห่วงนั่นหละนะ เป็นไงล่ะกลุ่มของพวกเราใกล้จะเห็นอนาคตอันสดใสไม่ไกลเกินเอื้อมแล้วใช่มั้ยล่ะครับ
^^
ไม่เป็นไร..
ชั้นสบายมาก เรียวเฮไม่ต้องห่วงหรอกแค่นี้เองสบายมากยังเฉยๆ อยู่เลยดูสิ
.
อีกอย่างหน้าชั้นมันก็ซีดแบบนี้เป็นปกตินี่นา อย่าคิดมากน่าซ้อมต่อเถอะ
เคตะเอ่ยพร้อมหันไปมองเจ้าร่างท้วมที่ยืนขมวดคิ้วไม่พอใจอยู่พลางถอนหายใจออกมายาวๆ
เอ้า! ตามใจตายไปไม่รู้ด้วยโว้ย!
ไม่มีใครเห็นใจหรอกนะ ซ้อมต่อๆ
จะค่ำแล้วเสียเวลากันมากแล้ว เอ้า
ริวอิจิดีดนิ้วตามจังหวะอีกครั้งแล้วทุกคนก็เริ่มซ้อมเต้นกันเหมือนเช่นเดิม
ซ้อมและซ้อมคนนึงดีดนิ้วให้จังหวะ อีกสองคนเต้นตามผู้นำการซ้อมดำเนินต่อไป
ต่อไป
และต่อไป
จนกระทั่ง
.
ดวงตากลมสุกใสค่อยๆ ปรือหรี่ขึ้นทีละน้อยเมื่อรู้สึกถึงผ้าอ่อนนุ่มชุ่มชื่นละไล้ไปตามใบหน้าและลำคอเป็นระยะๆ
. นาย
เสียงอ่อนเคลือในลำคอพูดอ้อมแอ้มพลางเอามือกุมขมับตัวเอง
นายเป็นลม
ริวอิจิขานตอบสั้นๆ พลางเช็ดหน้าต่อให้ เป็นลม?? อื่ม..
สัก 10 นาทีได้แล้ว แล้ว
เรียวเฮล่ะ? ร่างบางเหลือบตามองดูซ้ายขวาเมื่อไม่เห็นอีกคนจึงเอ่ยถาม
เมื่อกี้เรียวก็อยู่ช่วยเช็ดตัวให้นาย
เพิ่งออกไปตามหาคุณเคนสักพักนี่เอง ชั้นบอกนายแล้วว่าอย่าฝืน ถ้าเชื่อที่ชั้นบอกก็ไม่เป็นแบบนี้หรอก
พาลลำบากกันไปหมด เดี๋ยวคุณเคนมาก็ต้องบ่นอีก ไม่น่าเลยจริงๆ
ร่างท้วมขมวดคิ้วบรรจงเช็ดหน้าให้อีกฝ่ายที่นอนหลับตาลงไปพร้อมเอ่ยคำเสียงอ้อมแอ้มคล้ายไม่อยากจะพูด
ขอโทษ
.
.. พูดมากน่า
เรื่องแค่นี้ชั้นก็พูดไปไม่อยากให้ห้องมันเงียบก็เท่านั้นเอง
รู้รึเปล่านายล้มทั้งยืนเลยนะ ถ้าวิ่งเข้าไปรับไม่ทันหัวคงฟาดพื้นไปแล้ว
คราวหน้าคราวหลังก็จำไว้แล้วกัน ถ้ารู้ตัวว่าไม่ไหวไม่มีใครว่านายหรอก
ชั้นไม่ใช่คนไร้เหตุผลอะไรขนาดนั้นหรอกนะ
คิกๆ คำพูดของริวอิจิที่พูดเรื่อยเปื่อยไม่อยากให้อีกฝ่ายคิดมากมันพรั่งพรูออกมาจนทำเอาฝ่ายที่กำลังนึกสำนึกผิดหัวเราะออกมาเบาๆ
จนทำเอาบรรยากาศที่เงียบอยู่ดูมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง ขำอะไรกัน
นี่ชั้นซีเรียสอยู่นะ ก็ขำนายน่ะสิ พูดอะไรออกมาน่ะ ยังกะชั้นฝันอยู่งั้นแหละที่ได้ยินคำพูดแบบนี้จากนายน่ะ
คิกๆ เสียงหัวกังวาลใสพร้อมรอยยิ้มที่ระบายบนใบหน้า แม้จะยังดูอ่อนเพลียแต่ก็สวยงามจนละสายตาห่างไปไม่ได้
ตอนที่ซ้อมอยู่ก็แอบสังเกตุแอบมองอยู่ตลอด
เพราะความขาวซีดของใบหน้าที่ผิดปกติออกไปจากทุกวันที่มีเลือดฝาดไหลจางอ่อนๆ
หล่อเลี้ยงแก้มนวลใสนี้จนเมื่อร่างนี้ล้มทั้งยืนไปต่อหน้าต่อตาก็เหมือนใจหล่นวูบหายตามไปกับร่างนี้ด้วย
รีบโยนตัวเข้าไปรองรับร่างนี้ไว้จนสุดตัว นี่ถ้าช้ากว่านี้อีกนิดคงได้มีหามส่งโรงพยาบาลกันไปแล้วแน่ๆ
ขอบใจนะที่ช่วย
เด็กชายยิ้มพลางจ้องมองอีกฝ่ายที่ยังคงมองรอยยิ้มนั้นไม่จางหาย ต่างฝ่ายต่างมองกันและกันจนรอยยิ้มน้อยๆ
นั้นค่อยจางลงจนเหลือเพียงริมฝีปากสีอ่อนที่เผยอเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
อ๊ะ!
อย่ามองกันด้วยหน้าแบบนี้ได้มั้ยเนี่ย
ใจมันหวิวๆ ยังไงไม่รู้
อยู่นี่ครับ!
อยู่ตรงนี้! เสียงเอะอะโวยวายของเรียวเฮ ทำให้คนทั้งคู่สะดุ้ง โดยเฉพาะริวอิจิที่ถอยกรูดออกมาแบบอัตโนมัติโดยที่ไม่ต้องมีใครผลัก!!
เป็นยังไงบ้างเคตะ
ดูสิ หน้าซีดไปหมด ทำไมถึงทำอะไรเกินตัวแบบนี้!! คุณเคนแม้จะเป็นห่วงมากเพียงใดแต่ก็ไม่วายแผดเสียงเอ็ดเจ้าร่างบางให้ได้รู้สำนึกบ้าง
ซึ่งก้ได้ผลเป็นอย่างดีเคตะลุกตัวขึ้นนั่งพร้อมก้มหัวให้อย่างรู้สึกผิด
ขอโทษฮะ
ต่อไปผมจะพยายามไม่ทำแบบนี้อีกฮะ ไม่ใช่พยายาม แต่ว่าต้องทำให้ได้
เข้าใจมั้ย ชายสูงวัยกว่ามองแล้วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไอ้การรู้สำนึกของเจ้าหนูนี่มันดูจะไม่ค่อยได้สำนึกสักเท่าไรเลย
นี่ขนาดถูกเอ็ดยังใช้คำพูดที่เลี่ยงออกมาได้ขนาดนี้ นี่ถ้าฟังผ่านๆ
ไปก็คงหลงกลไปแล้วหละนะว่ายอมรับผิดจริงๆ เฮ่อ
ตัวเท่านี้แต่เรื่องที่เอาแต่ใจตัวนี่ไม่แพ้ใครเลยจริงๆ
เคนเอื้อมมือไปขยี้ผมเจ้านักร้องนำวงที่เค้าเฝ้าถนอมและรอดูความเติบใหญ่นี้
ไปเถอะกลับบ้านกันไปได้แล้ว
อาบน้ำอาบท่าพักผ่อนให้พอ ศึกที่พวกเธอต้องรบมันอยู่ที่วันพรุ่งนี้ต่างหาก
ไปเถอะ เคนตบหัวเจ้าหนูเบาๆ พร้อมหันไปยิ้มจางๆให้เรียวเฮ และริวอิจิที่กลืนน้ำลายกันฝืดคอโดยเฉพาะเรียวเฮ
..
*******************
เฮ่อ
นี่ผมพูดพล่ามเรื่องห้องซ้อมมายาวขนาดนี้เลยเหรอฮะเนี่ย
^^
ทั้งๆ ที่ตั้งใจว่าวันนี้จะแย่งช๊อตมาจากเจ้าสองคนนั้นให้ได้แท้ๆ สุดท้ายก็ทำให้พวกคุณๆ
ที่อ่านไปสนใจเจ้าสองตัวนั้นอีกจนได้ ผมเลยหมดความสำคัญไปชั่วขณะนึงเลยแฮะ
T^T เอ้าตัดมาที่เรื่องของผม ผมก็คงพูดอะไรไม่ยาวนักเพราะรู้สึกหน้ากระดาษมันจะน้อยลงแล้วสิ
เอาเป็นว่าก่อนที่มันจะยาวไปมากกว่านี้ผมว่าต่อเลยแล้วกัน พวกคุณๆ
ก็คงจะรู้กันดีอยู่ว่าผลสรุปของ Soul Dance ของผมเนี่ยจะเป็นยังไง
ใช่ครับก็เหมือนกับที่คาดกันเอาไว้ พอไปถึงที่นั่นอาจารย์ท่านให้พวกเรานั่งรอกันที่หน้าห้อง
โอย
หัวใจผมแทบจะหลุดออกมาด้านนอกแน่ะ นั่งอยู่ได้สักพักอาจารย์ท่านก็เรียกให้เข้าไปในห้องเพื่อดูผลการฝึกของพวกเรา
เราเต้นๆๆ
กันตามที่ได้ซ้อมกันมาอย่างหนัก
.. ผ่านครับผ่าน!!! ตอนที่เต้นจบ แล้วอาจารย์ท่านมายืนอยู่ตรงหน้า
เสียงของผมแทบจะไม่เปล่งออกมาเลยด้วยซ้ำผมยืนก้มหน้าอยู่ครู่หนึ่งจนรู้สึกถึงข้อศอกที่มาสะกิดเบาๆ
จากทางด้านหลัง ริวอิจิสะกิดเพื่อให้ผมพูด เค้ารู้ดีว่าในตอนนี้ผมรู้สึกเช่นไร
เคตะเองก็เช่นกัน เจ้าหมอนี่กระตุกชายเสื้อผมเบาๆ ทั้งๆ ที่ตัวเองยังจ้องหน้ากะอาจารย์อยู่เลย
เป็นคนที่ทำอะไรได้เนียนจริงๆ นะครับหมอนี่น่ะ ^^
เอ่อ
วินส์วันนี้เป็นยังไงบ้างครับ เสียงของผมทั้งแหบพร่าและสั่นเครืออยู่ในลำคอ
เหงื่อที่ไหลออกมาเพราะความเหนื่อยล้าจากการเต้นเมื่อสักครู่มันกลับเย็นลงกว่าปกติ
มันทำให้ผมเองรู้สุกหนาวเยือกไปทั้งตัว ปกติผมก็เป็นคนพูดไม่ค่อยเต็มเสียงอยู่แล้ว
แต่ดูเหมือนครั้งนี้ ผมจะรู้ตัวเองเลยหละว่า พูดแทบจะฟังไม่รู้เรื่องเอาซะเลย
เสียงที่อ้อมแอ้มอยู่ในลำคอทำให้เจ้าสองคนที่ยืนอยู่ด้านข้างพลอยกลั้นหายใจรอฟังคำตอบจากอาจารย์มาเข่นกัน
ท่านยิ้มน้อยๆ
พร้อมบอกกับพวกเราว่า อื่ม
ให้ 60 คะแนนนะ ถือว่าใช้ได้ พยายามดีแล้ว
แค่นี้แหละมันทำให้พวกเรายิ้มกันหน้าบานถอนหายใจกันออกมาแทบจะพร้อมๆ
กันเลยทีเดียว ตัวผมถอนหายใจออกมาหนักๆ อย่างโล่งอกพร้อมส่งยิ้มให้อาจารย์อย่างหมดกังวล
ก็ถือว่าดีนะ
ขอให้พยายามแบบนี้ต่อไปก็แล้วกัน อาจารย์ท่านกล่าวต่อ พร้อมยื่นมือออกมาให้จับ
ผมแทบจะคว้ามือของท่านมากอดเลยด้วยซ้ำ ตอนนั้นไม่รู้ว่าผมคว้าจับมือท่านแล้วเขย่าลงไปแรงแค่ไหน
แต่ที่แน่ๆ ในที่สุด พวกเราก็ทำสำเร็จจนได้ นี่ถือว่าเราได้ก้าวข้ามขึ้นมาอีกขั้นหนึ่งแล้วหละนะครับ
เยส! เคตะส่งเสียงร้องยินดีออกมา พร้อมทั้งหันไปหาริวอิจิที่หันมายิ้มให้เช่นกัน
สองคนต่างคนก็ต่างดีใจโดดเข้าตบมือกันพร้อมหัวเราะร่าเมื่อเดินออกมาพ้นห้องทดสอบแล้ว
ให้ตายสิ
ชั้นลุ้นแทบตายตอนที่อาจารย์แกมองหน้ามาน่ะ กลัวจะแย่ว่าจะถูกว่าอีก
ริวอิจิเอ่ยขึ้นพลางยกขวดน้ำขึ้นดื่มเพื่อดับกระหาย นั่นสิ แต่ชั้นว่าพวกเราเต้นดีกว่าวันนั้นนะ
นายว่ามั้ยล่ะ เคตะพูดตอบริวอิจิพร้อมยิ้มร่า
ก็เพราะใครล่ะ ถ้าชั้นไม่ออกหน้าก็คงไม่ได้ดีขนาดนี้หรอก
ใครบอก
ถ้าชั้นไม่ออกความเห็นเรื่องท่าสุดท้ายนั่นก็ไม่มีทางผ่านหรอกวันนี้น่ะ
---_---
บ้าเหรอแค่ท่าๆ
เดียวนี่นะ จะเอามาตัดสินได้ ---_---
เอ๊ะ!
แล้วนายคิดว่าแน่นักรึไง กะแค่ยืนดีดนิ้วเปาะแปะ แค่นี้ใครก็ทำได้ทั้งนั้นแหละ
สำคัญตัวผิดไปแล้วม๊างง
แต่อย่างน้อยชั้นก็ไม่เต้นจนเป็นลมไปหรอกนะ
ใครเป็นลมชั้นแค่อยากพักผ่อนแป๊บนึงเท่านั้น ------
นั่นน่ะเรอะพักผ่อน
โธ่ เถียงอะไรไม่เข้าท่า แล้วนายเล่าดีนักรึไง! --------
พอแล้วววววว
นี่พวกนายจะดีกันสักวันไมได้เลยรึง๊ายยยยยย หนวกหูโว๊ยยยยยยยยยย
ครับ
หลังจากที่ผมเห็นพวกเค้าร่วมแรงร่วมใจกันเป็นอย่างดี เหอะๆ
ยังกะฝันไปอย่างนั้นหละครับ
เพียงเวลาแค่ไม่กี่นาที ก็กลับมาทะเลาะกันเหมือนเดิมซะแล้ว
โอ้ ความหวังที่จะรวมเป็นหนึ่งเดียวกันทั้งกลุ่ม
เห็นทีคงต้องเลื่อนออกไปอีกแล้วหละนะครับ ---_--- ไงก็เอาใจช่วยให้ผมพบทางสว่างที่จะทำให้ไอ้เจ้าพวกนี้ดีกันซะทีเถอะนะครับ
ตอนนี้คงต้องลาก่อน ผมคงไม่อยู่ฟังสองคนนี้ทะเลาะกันหรอกครับ เฮ่อ
..
Blow To continue.....Feel To w-inds
 |
From
Feel to w-inds Part IV
เย่ๆๆๆๆ
คราวนี้มาอัพเดทกันวันที่ 28 มีนาคม 2546 อ่ะนะ ห่างจากคราวที่แล้วกี่เดือนเนี่ย
ไม่อยากจานับเลยอ่ะ แหะๆ ^^ ก็เป็นตอนจบของตอน Soul Dance ซักกาทีหละนะคะ
คือว่าจะไม่ได้อัพแล้วซะอีก ช่างเป้นนักเขียนและเว็บมาสเตอร์ที่ขี้เกียจจริงๆ
เลยอ่ะ (เปล่าหรอกไม่มีเวลาอัพอ่ะ โทษทีค่ะ) ก็เป็นไปตามที่คาดกันหละนะคะ
ตอนนี้คงหาสาระวินส์อะไรไม่ได้นอกจากจะบอกว่า มันเป็นตอนต่อจากตอนที่แล้ว
ตอน 3 คนนี่เค้าไปเต้นรอบสุดท้ายหน้าเรียวเฮ ถ้าใครได้เห็นจะสังเกตุได้ว่า
ซีดมากจริงๆ นั่งหน้าเอ๋อไงไม่รู้อ่ะ น่าสงสารแกคงคิดมากจริงๆ แหละว่าถ้าไม่ผ่านจะทำยังไง
แถมคะแนนที่อาจารย์อ้วนแกให้มายังให้แค่
60 คะแนนเองอ่ะ โหยยย เด็กชั้นพยายามขนาดนี้ ให้คะแนนน้อยจังอ่ะ แต่ก็ยังดีนะที่ผ่านได้
เรียวเฮงิแทบจะเอาหัวไปซุกกะมืออาจารย์เค้าเลยอ่ะ ก้มลงแบบติดจริงๆ
เห็นแล้วช่วงนี้ขอบอกว่ารักเรียวเฮขึ้นอีกจมเลยหละค่ะ อิอิ เอ้าตอนต่อไปก็ถึงคราวพ่อหนุ่มน้อยริวอิจิแล้วนะคะ
Feel To w-inds ใกล้จะขมวดปมมาชนกันสักทีแล้วหละนะ อื่มมมม ไม่รู้ว่าจะได้อัพอีกทีเมื่อไร
ใครที่ตามอ่านก็ทั้งขอขอบคุณแล้วก็ขอโทษไปในตัวเลยแล้วกันนะคะ ขอบคุณมากค่าาาาา
พบกันใหม่ตอนหน้าค่าาา
Feel To w-inds 1
/ 2 / 3
/ 4 / 5 /
©2002 by Feel
To w-inds.All right reseved.
|