*คำเตือน* นิยายเรื่องนี้จัดได้ว่าเป็นนิยายเฉพาะกลุ่ม หากท่านรับไม่ได้ หรืออย่างไร ก็ขอให้ออกไปจากหน้านี้โดยด่วน และอย่าได้กล่าวว่าผู้แต่งหรือผู้จัดทำโดยเด็ดขาด อีกทั้งนิยายเรื่องนี้ได้ถูกแต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้แต่ง มิได้เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงแต่อย่างใดและได้รับอนุญาตให้นำมาลงในเว็ปนี้เท่านั้นห้ามมิให้ผู้ใดนำไปใช้ในด้านอื่นๆ ขอบคุณค่ะ

Feel To w-inds.
By Feel To w-inds.

          โอ้คุณพระ! ตอนนี้ก็เป็นตอนที่ 4 แล้วหละนะครับ ไม่คิดเลยว่าคนเขียนเค้าจาเขียนได้นานอะไรขนาดนี้ ปีนึงแล้วยังไม่จบสักทีกับเรื่องของผมคนเดียวเนี่ย ไงก็เอาใจช่วยคนเล่าเรื่องพวกผมต่อไปด้วยนะครับ ภาวนาขอให้เค้าแต่งจบก่อนที่จะล้มหายตายจากกันไป ^^’’
          ความตอนที่แล้วผมถูกอาจารย์ต่อว่าจนกลับมาซ้อมอย่างเอาเป็นเอาตายโดยที่ไม่ได้รู้เลยแม้สักนิดว่าเจ้าสองคนนั้นจะเป็นห่วงผมเอามากๆ จนยอมสงบศึกกันไว้ก่อน ผมซ้อมๆ แล้วก็ซ้อมโดยไม่ได้สนใจพวกเค้าเลย จนในที่สุดริวอิจิก็ออกมาอาสาเป็นคนฝึกซ้อมให้โดยที่เจ้าเคตะกลับไม่คัดค้านแต่อย่างใด กลับยอมทำตามทุกอย่างอย่างเชื่อฟังและว่าง่ายได้อย่างเหลือเชื่อ!!
           “ five six seven eight…one two… เรียวเฮ ตรงนี้นายช้าไปจังหวะนึงนะ มันต้องแบบนี้” ร่างท้วมที่บัดนี้ใบหน้าชุ่มไปด้วยเหงื่อและหยดน้ำที่เกาะพราวตามเส้นผมที่ถักทอเป็นเปียสวยเอ่ยขึ้นพร้อมเดินไปตรงหน้าเพื่อนชายและแสดงท่าทางที่ถูกต้องให้ดูอีกครั้ง “แบบนี้เหรอ?” ร่างบางสูงมองดูเพื่อนทำท่าต้นแบบให้ดูพร้อมลองออกท่าทางของตนตามไปด้วย
          “ไม่ใช่ๆ เวลาเต้นนายพยายามอย่าไปทั้งตัวสิ ไปแต่เท้าก็พอแล้ว เอาอีกทีนะ แบบนี้..” ริวอิจิเอ่ยทักอีกครั้งพร้อมแสดงให้ดูอีกหน จากนั้นก็กลับไปยืนประจำตำแหน่งของตัวเองเหมือนเช่นเดิมพลางดีดนิ้วนับจังหวะให้เพื่อนอีกครั้ง
           “one two three five six..” “นี่ๆ ชั้นว่าท่าชั้นมันขัดๆ นะ นายช่วยดูให้หน่อยได้มั้ยริวอิจิ” ร่างบางสวยปาดเหงื่อชุ่มชื้นบนใบหน้าครั้งหนึ่งก่อนจะเดินดุ่มเข้ามาหา “คู่อริ” ที่ปัจจุบัน “สงบศึกชั่วคราว” กันไปแล้ว อื่ม ผมหละอยากจะให้คุณเห็นตอนนี้จริงๆ มันเหมือนฝันยังไงยังงั้นที่เห็นเคตะเป็นฝ่ายยอมเดินเข้าไปหาเจ้าน้องชายผมน่ะ อีกอย่างเจ้านั่นก็ไม่ได้มีท่าทางกวนประสาทกลับเลยแม้แต่น้อย น่าเหลือเชื่อมั้ยล่ะครับกับเจ้าสองคนนี้ ฮะ… แต่ตอนนี้ผมคงจะสนใจอะไรไปได้ไม่มากนัก นอกจากเอาตัวเองให้รอดก่อนเป็นดีที่สุด….
           “อ้อ เข้าใจแล้ว ชั้นต้องทำแบบนี้สินะ” เริ่มออกท่าให้ดูอีกครั้ง “อื่มแบบนั้นแหละ โอเค งั้นชั้นไปดูเรียวเฮต่อนะ” ริวอิจิกล่าวพร้อมเดินไปดูผู้พี่ของตนต่อ…
          “เอาหละ เอาใหม่ทั้งหมดเลยนะ Five six seven eight… one two three..” ….. “พรึ่บ!” เมื่อเริ่มต่อเพลงได้ไม่นานผ้าขนหนูผืนขาวสะอาดที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำเย็นๆ ก็ถูกเหวี่ยงไปแปะบนหัวของร่างบางสวยที่กำลังเต้นอยู่อย่างไม่ลดละ … ใคร.. ใครเป็นคนขว้างมา เรียวเฮ อยู่ด้านหน้ากำลังขะมักเขม้นดูท่าตัวเองในกระจก ไม่มีทางทำอะไรแบบนี้แน่นอน อีกอย่างเรียวเฮไม่มีนิสัยชอบแกล้งแบบนี้ เพราะฉะนั้นผ้านี่ก็ต้องเป็นของ…
           “ริวอิจิ! ทำบ้าอะไรของแกเนี่ย ชั้นกำลังซ้อมเต้นอยู่นะ ทำแบบนี้มันขัดขวางการเต้นของคนอื่นเค้าไม่ใช่เหรอ ไหนว่าจะไม่ทำอะไรแบบนี้แล้วไงล่ะ! นี่คิดจะเริ่มก่อศึกกับชั้นอีกแล้…..ว”
           “ไปนั่งพักไป นายเต้นดีแล้ว ให้ชั้นซ้อมกับเรียวเฮสองคนจะดีกว่า” คำๆ นี้ยิ่งทำให้เจ้าหนูเลือดเดือดฉุนกึ่กขึ้นมาอีกหน หมายความว่าไงที่ว่าซ้อมกันแค่สองคนก็พอ หมายความว่าเราเกะกะงั้นสินะ…
          “อะไรกันพูดแบบนี้หมายความว่าไงน่ะ ชั้นจะเต้นกับเรียวเฮ จะเต้นเป็นเพื่อนเรียวเฮ นายไม่ต้องมายุ่ง!” เมื่อดูเหมือนศึกวิวาทท์จะเริ่มก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาอีกครั้งเรียวเฮจึงจำเป็นต้องหันกลับมาหาสองคนที่คนนึงพูดเถียงฉอดๆ ไม่ยอมท่าเดียว แต่อีกคนกลับยืนนิ่งไม่พูดจาโต้ตอบเหมือนเช่นที่เคย ผิดวิสัย? เพราะอะไรล่ะ?? อย่างเจ้าริวอิจิเนี่ยเหรอยอมถูกด่าต่อว่าอยู่ฝ่ายเดียวเพราะอะไรกันนะ
เรียวเฮมองดูคนทั้งคู่อย่างครุ่นคิดพักหนึ่งก่อนจะเห็นจุดที่ทำให้ต้องร้องอ๋อขึ้นมาทันที พร้อมรอยยิ้มที่ผุดขึ้นทั้งๆ ที่ตนกำลังอยู่ในจุดที่อาจเรียกได้ว่าคับขันที่สุดก็ว่าได้ เด็กหนุ่มเดินตรงไปหาเจ้าร่างบางนักร้องนำเสียงใสที่กำลังพูดพร่ำกร่นด่าอีกฝ่ายอย่างหัวเสีย
           “ริวอิจิพูดถูกนะเคจัง… นายไปพักก่อนเถอะหน้านายซีดมากแล้วนะ ขืนเต้นต่อไปมันจะไม่ดีกับร่างหายนายสักเท่าไร ให้พวกชั้นซ้อมกันต่อเถอะ ชั้นก็ลืมสังเกตุไปเลยว่านายจะแย่ มัวแต่สนใจตัวเองดีนะที่ริวอิจิรู้ตัวเสียก่อน…” เรียวเฮกล่าวยิ้มๆ อย่างเค้ากับริวอิจินั้นเป็นเด็กที่มาจากโรงเรียนสอนเต้นอยุ่แล้วเรื่องการซ้อมเกินเวลาแบบนี้ถือว่ายังธรรมดามากนัก แต่สำหรับเคตะที่เพิ่งจะมาเคยเจอสภาพแบบนี้ไม่เคยที่จะต้องฝึกติดต่อกันเป็นเวลานานๆ ร่างกายก็ย่อมรับไม่ได้เป็นธรรมดา
           อื่ม… รู้มั้ยครับผมเนี่ยนะปกติแล้วจะสนใจใส่ใจกับทุกๆ คนในวงโดยเฉพาะเคตะเพราะห่วงเค้ามากที่สุดเนื่องจากเพิ่งเข้ารับการฝึกแบบนี้เป็นครั้งแรก แต่วันนี้ผมเหลวไหลจริงๆ ที่ปล่อยเค้าซ้อมกับพวกเราโดยไม่ได้ดูแลเค้าเลย กลับเป็นริวอิจิเสียอีกที่ดูแลเคตะเป็นอย่างดีแม้จะไม่พูดเพราะๆ หวานๆ แต่นั่นก็คือห่วงนั่นหละนะ เป็นไงล่ะกลุ่มของพวกเราใกล้จะเห็นอนาคตอันสดใสไม่ไกลเกินเอื้อมแล้วใช่มั้ยล่ะครับ ^^
           “ไม่เป็นไร.. ชั้นสบายมาก เรียวเฮไม่ต้องห่วงหรอกแค่นี้เองสบายมากยังเฉยๆ อยู่เลยดูสิ…. อีกอย่างหน้าชั้นมันก็ซีดแบบนี้เป็นปกตินี่นา อย่าคิดมากน่าซ้อมต่อเถอะ” เคตะเอ่ยพร้อมหันไปมองเจ้าร่างท้วมที่ยืนขมวดคิ้วไม่พอใจอยู่พลางถอนหายใจออกมายาวๆ “เอ้า! ตามใจตายไปไม่รู้ด้วยโว้ย!… ไม่มีใครเห็นใจหรอกนะ ซ้อมต่อๆ จะค่ำแล้วเสียเวลากันมากแล้ว เอ้า…” ริวอิจิดีดนิ้วตามจังหวะอีกครั้งแล้วทุกคนก็เริ่มซ้อมเต้นกันเหมือนเช่นเดิม ซ้อมและซ้อมคนนึงดีดนิ้วให้จังหวะ อีกสองคนเต้นตามผู้นำการซ้อมดำเนินต่อไป…ต่อไป…และต่อไป…จนกระทั่ง…
           “….” ดวงตากลมสุกใสค่อยๆ ปรือหรี่ขึ้นทีละน้อยเมื่อรู้สึกถึงผ้าอ่อนนุ่มชุ่มชื่นละไล้ไปตามใบหน้าและลำคอเป็นระยะๆ “…. นาย…” เสียงอ่อนเคลือในลำคอพูดอ้อมแอ้มพลางเอามือกุมขมับตัวเอง “นายเป็นลม…” ริวอิจิขานตอบสั้นๆ พลางเช็ดหน้าต่อให้ “เป็นลม??” “อื่ม.. สัก 10 นาทีได้แล้ว” “แล้ว… เรียวเฮล่ะ?” ร่างบางเหลือบตามองดูซ้ายขวาเมื่อไม่เห็นอีกคนจึงเอ่ยถาม
           “เมื่อกี้เรียวก็อยู่ช่วยเช็ดตัวให้นาย เพิ่งออกไปตามหาคุณเคนสักพักนี่เอง ชั้นบอกนายแล้วว่าอย่าฝืน ถ้าเชื่อที่ชั้นบอกก็ไม่เป็นแบบนี้หรอก พาลลำบากกันไปหมด เดี๋ยวคุณเคนมาก็ต้องบ่นอีก ไม่น่าเลยจริงๆ …” ร่างท้วมขมวดคิ้วบรรจงเช็ดหน้าให้อีกฝ่ายที่นอนหลับตาลงไปพร้อมเอ่ยคำเสียงอ้อมแอ้มคล้ายไม่อยากจะพูด
           “…ขอโทษ….” “…” ….. “พูดมากน่า… เรื่องแค่นี้ชั้นก็พูดไปไม่อยากให้ห้องมันเงียบก็เท่านั้นเอง รู้รึเปล่านายล้มทั้งยืนเลยนะ ถ้าวิ่งเข้าไปรับไม่ทันหัวคงฟาดพื้นไปแล้ว คราวหน้าคราวหลังก็จำไว้แล้วกัน ถ้ารู้ตัวว่าไม่ไหวไม่มีใครว่านายหรอก ชั้นไม่ใช่คนไร้เหตุผลอะไรขนาดนั้นหรอกนะ”
“… คิกๆ” คำพูดของริวอิจิที่พูดเรื่อยเปื่อยไม่อยากให้อีกฝ่ายคิดมากมันพรั่งพรูออกมาจนทำเอาฝ่ายที่กำลังนึกสำนึกผิดหัวเราะออกมาเบาๆ จนทำเอาบรรยากาศที่เงียบอยู่ดูมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง “ขำอะไรกัน นี่ชั้นซีเรียสอยู่นะ “ก็ขำนายน่ะสิ พูดอะไรออกมาน่ะ ยังกะชั้นฝันอยู่งั้นแหละที่ได้ยินคำพูดแบบนี้จากนายน่ะ คิกๆ” เสียงหัวกังวาลใสพร้อมรอยยิ้มที่ระบายบนใบหน้า แม้จะยังดูอ่อนเพลียแต่ก็สวยงามจนละสายตาห่างไปไม่ได้
          ตอนที่ซ้อมอยู่ก็แอบสังเกตุแอบมองอยู่ตลอด เพราะความขาวซีดของใบหน้าที่ผิดปกติออกไปจากทุกวันที่มีเลือดฝาดไหลจางอ่อนๆ หล่อเลี้ยงแก้มนวลใสนี้จนเมื่อร่างนี้ล้มทั้งยืนไปต่อหน้าต่อตาก็เหมือนใจหล่นวูบหายตามไปกับร่างนี้ด้วย รีบโยนตัวเข้าไปรองรับร่างนี้ไว้จนสุดตัว นี่ถ้าช้ากว่านี้อีกนิดคงได้มีหามส่งโรงพยาบาลกันไปแล้วแน่ๆ
           “ขอบใจนะที่ช่วย” เด็กชายยิ้มพลางจ้องมองอีกฝ่ายที่ยังคงมองรอยยิ้มนั้นไม่จางหาย ต่างฝ่ายต่างมองกันและกันจนรอยยิ้มน้อยๆ นั้นค่อยจางลงจนเหลือเพียงริมฝีปากสีอ่อนที่เผยอเพียงเล็กน้อยเท่านั้น อ๊ะ!… อย่ามองกันด้วยหน้าแบบนี้ได้มั้ยเนี่ย… ใจมันหวิวๆ ยังไงไม่รู้…
           “อยู่นี่ครับ! อยู่ตรงนี้!” เสียงเอะอะโวยวายของเรียวเฮ ทำให้คนทั้งคู่สะดุ้ง โดยเฉพาะริวอิจิที่ถอยกรูดออกมาแบบอัตโนมัติโดยที่ไม่ต้องมีใครผลัก!!
           “เป็นยังไงบ้างเคตะ ดูสิ หน้าซีดไปหมด ทำไมถึงทำอะไรเกินตัวแบบนี้!!” คุณเคนแม้จะเป็นห่วงมากเพียงใดแต่ก็ไม่วายแผดเสียงเอ็ดเจ้าร่างบางให้ได้รู้สำนึกบ้าง ซึ่งก้ได้ผลเป็นอย่างดีเคตะลุกตัวขึ้นนั่งพร้อมก้มหัวให้อย่างรู้สึกผิด “ขอโทษฮะ… ต่อไปผมจะพยายามไม่ทำแบบนี้อีกฮะ” “ไม่ใช่พยายาม แต่ว่าต้องทำให้ได้ เข้าใจมั้ย” ชายสูงวัยกว่ามองแล้วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไอ้การรู้สำนึกของเจ้าหนูนี่มันดูจะไม่ค่อยได้สำนึกสักเท่าไรเลย นี่ขนาดถูกเอ็ดยังใช้คำพูดที่เลี่ยงออกมาได้ขนาดนี้ นี่ถ้าฟังผ่านๆ ไปก็คงหลงกลไปแล้วหละนะว่ายอมรับผิดจริงๆ เฮ่อ…ตัวเท่านี้แต่เรื่องที่เอาแต่ใจตัวนี่ไม่แพ้ใครเลยจริงๆ เคนเอื้อมมือไปขยี้ผมเจ้านักร้องนำวงที่เค้าเฝ้าถนอมและรอดูความเติบใหญ่นี้
           “ไปเถอะกลับบ้านกันไปได้แล้ว อาบน้ำอาบท่าพักผ่อนให้พอ ศึกที่พวกเธอต้องรบมันอยู่ที่วันพรุ่งนี้ต่างหาก ไปเถอะ” เคนตบหัวเจ้าหนูเบาๆ พร้อมหันไปยิ้มจางๆให้เรียวเฮ และริวอิจิที่กลืนน้ำลายกันฝืดคอโดยเฉพาะเรียวเฮ…..

*******************

           เฮ่อ… นี่ผมพูดพล่ามเรื่องห้องซ้อมมายาวขนาดนี้เลยเหรอฮะเนี่ย… ^^’’ ทั้งๆ ที่ตั้งใจว่าวันนี้จะแย่งช๊อตมาจากเจ้าสองคนนั้นให้ได้แท้ๆ สุดท้ายก็ทำให้พวกคุณๆ ที่อ่านไปสนใจเจ้าสองตัวนั้นอีกจนได้ ผมเลยหมดความสำคัญไปชั่วขณะนึงเลยแฮะ T^T เอ้าตัดมาที่เรื่องของผม ผมก็คงพูดอะไรไม่ยาวนักเพราะรู้สึกหน้ากระดาษมันจะน้อยลงแล้วสิ เอาเป็นว่าก่อนที่มันจะยาวไปมากกว่านี้ผมว่าต่อเลยแล้วกัน พวกคุณๆ ก็คงจะรู้กันดีอยู่ว่าผลสรุปของ Soul Dance ของผมเนี่ยจะเป็นยังไง… ใช่ครับก็เหมือนกับที่คาดกันเอาไว้ พอไปถึงที่นั่นอาจารย์ท่านให้พวกเรานั่งรอกันที่หน้าห้อง โอย… หัวใจผมแทบจะหลุดออกมาด้านนอกแน่ะ นั่งอยู่ได้สักพักอาจารย์ท่านก็เรียกให้เข้าไปในห้องเพื่อดูผลการฝึกของพวกเรา
           เราเต้นๆๆ กันตามที่ได้ซ้อมกันมาอย่างหนัก….. ผ่านครับผ่าน!!! ตอนที่เต้นจบ แล้วอาจารย์ท่านมายืนอยู่ตรงหน้า เสียงของผมแทบจะไม่เปล่งออกมาเลยด้วยซ้ำผมยืนก้มหน้าอยู่ครู่หนึ่งจนรู้สึกถึงข้อศอกที่มาสะกิดเบาๆ จากทางด้านหลัง ริวอิจิสะกิดเพื่อให้ผมพูด เค้ารู้ดีว่าในตอนนี้ผมรู้สึกเช่นไร เคตะเองก็เช่นกัน เจ้าหมอนี่กระตุกชายเสื้อผมเบาๆ ทั้งๆ ที่ตัวเองยังจ้องหน้ากะอาจารย์อยู่เลย เป็นคนที่ทำอะไรได้เนียนจริงๆ นะครับหมอนี่น่ะ ^^
           “เอ่อ… วินส์วันนี้เป็นยังไงบ้างครับ” เสียงของผมทั้งแหบพร่าและสั่นเครืออยู่ในลำคอ เหงื่อที่ไหลออกมาเพราะความเหนื่อยล้าจากการเต้นเมื่อสักครู่มันกลับเย็นลงกว่าปกติ มันทำให้ผมเองรู้สุกหนาวเยือกไปทั้งตัว ปกติผมก็เป็นคนพูดไม่ค่อยเต็มเสียงอยู่แล้ว แต่ดูเหมือนครั้งนี้ ผมจะรู้ตัวเองเลยหละว่า พูดแทบจะฟังไม่รู้เรื่องเอาซะเลย เสียงที่อ้อมแอ้มอยู่ในลำคอทำให้เจ้าสองคนที่ยืนอยู่ด้านข้างพลอยกลั้นหายใจรอฟังคำตอบจากอาจารย์มาเข่นกัน
           ท่านยิ้มน้อยๆ พร้อมบอกกับพวกเราว่า “อื่ม… ให้ 60 คะแนนนะ ถือว่าใช้ได้ พยายามดีแล้ว” แค่นี้แหละมันทำให้พวกเรายิ้มกันหน้าบานถอนหายใจกันออกมาแทบจะพร้อมๆ กันเลยทีเดียว ตัวผมถอนหายใจออกมาหนักๆ อย่างโล่งอกพร้อมส่งยิ้มให้อาจารย์อย่างหมดกังวล
           “ก็ถือว่าดีนะ ขอให้พยายามแบบนี้ต่อไปก็แล้วกัน” อาจารย์ท่านกล่าวต่อ พร้อมยื่นมือออกมาให้จับ… ผมแทบจะคว้ามือของท่านมากอดเลยด้วยซ้ำ ตอนนั้นไม่รู้ว่าผมคว้าจับมือท่านแล้วเขย่าลงไปแรงแค่ไหน แต่ที่แน่ๆ ในที่สุด พวกเราก็ทำสำเร็จจนได้ นี่ถือว่าเราได้ก้าวข้ามขึ้นมาอีกขั้นหนึ่งแล้วหละนะครับ
“เยส!” เคตะส่งเสียงร้องยินดีออกมา พร้อมทั้งหันไปหาริวอิจิที่หันมายิ้มให้เช่นกัน สองคนต่างคนก็ต่างดีใจโดดเข้าตบมือกันพร้อมหัวเราะร่าเมื่อเดินออกมาพ้นห้องทดสอบแล้ว
           “ให้ตายสิ ชั้นลุ้นแทบตายตอนที่อาจารย์แกมองหน้ามาน่ะ กลัวจะแย่ว่าจะถูกว่าอีก” ริวอิจิเอ่ยขึ้นพลางยกขวดน้ำขึ้นดื่มเพื่อดับกระหาย “นั่นสิ แต่ชั้นว่าพวกเราเต้นดีกว่าวันนั้นนะ นายว่ามั้ยล่ะ” เคตะพูดตอบริวอิจิพร้อมยิ้มร่า
“ก็เพราะใครล่ะ ถ้าชั้นไม่ออกหน้าก็คงไม่ได้ดีขนาดนี้หรอก”
           “ใครบอก ถ้าชั้นไม่ออกความเห็นเรื่องท่าสุดท้ายนั่นก็ไม่มีทางผ่านหรอกวันนี้น่ะ” ---_---‘’
           “บ้าเหรอแค่ท่าๆ เดียวนี่นะ จะเอามาตัดสินได้” ---_---‘’’’
          “เอ๊ะ! แล้วนายคิดว่าแน่นักรึไง กะแค่ยืนดีดนิ้วเปาะแปะ แค่นี้ใครก็ทำได้ทั้งนั้นแหละ สำคัญตัวผิดไปแล้วม๊างง”
“แต่อย่างน้อยชั้นก็ไม่เต้นจนเป็นลมไปหรอกนะ”
“ใครเป็นลมชั้นแค่อยากพักผ่อนแป๊บนึงเท่านั้น” ---“---
           “นั่นน่ะเรอะพักผ่อน โธ่ เถียงอะไรไม่เข้าท่า” “แล้วนายเล่าดีนักรึไง!” ----“”----
           “พอแล้วววววว นี่พวกนายจะดีกันสักวันไมได้เลยรึง๊ายยยยยย หนวกหูโว๊ยยยยยยยยยย”
           ครับ หลังจากที่ผมเห็นพวกเค้าร่วมแรงร่วมใจกันเป็นอย่างดี เหอะๆ… ยังกะฝันไปอย่างนั้นหละครับ เพียงเวลาแค่ไม่กี่นาที ก็กลับมาทะเลาะกันเหมือนเดิมซะแล้ว… โอ้ ความหวังที่จะรวมเป็นหนึ่งเดียวกันทั้งกลุ่ม เห็นทีคงต้องเลื่อนออกไปอีกแล้วหละนะครับ ---_---‘’’ ไงก็เอาใจช่วยให้ผมพบทางสว่างที่จะทำให้ไอ้เจ้าพวกนี้ดีกันซะทีเถอะนะครับ ตอนนี้คงต้องลาก่อน ผมคงไม่อยู่ฟังสองคนนี้ทะเลาะกันหรอกครับ เฮ่อ…..


Blow To continue.....Feel To w-inds

From Feel to w-inds Part IV
          เย่ๆๆๆๆ คราวนี้มาอัพเดทกันวันที่ 28 มีนาคม 2546 อ่ะนะ ห่างจากคราวที่แล้วกี่เดือนเนี่ย ไม่อยากจานับเลยอ่ะ แหะๆ ^^’’ ก็เป็นตอนจบของตอน Soul Dance ซักกาทีหละนะคะ คือว่าจะไม่ได้อัพแล้วซะอีก ช่างเป้นนักเขียนและเว็บมาสเตอร์ที่ขี้เกียจจริงๆ เลยอ่ะ (เปล่าหรอกไม่มีเวลาอัพอ่ะ โทษทีค่ะ) ก็เป็นไปตามที่คาดกันหละนะคะ ตอนนี้คงหาสาระวินส์อะไรไม่ได้นอกจากจะบอกว่า มันเป็นตอนต่อจากตอนที่แล้ว ตอน 3 คนนี่เค้าไปเต้นรอบสุดท้ายหน้าเรียวเฮ ถ้าใครได้เห็นจะสังเกตุได้ว่า ซีดมากจริงๆ นั่งหน้าเอ๋อไงไม่รู้อ่ะ น่าสงสารแกคงคิดมากจริงๆ แหละว่าถ้าไม่ผ่านจะทำยังไง
           แถมคะแนนที่อาจารย์อ้วนแกให้มายังให้แค่ 60 คะแนนเองอ่ะ โหยยย เด็กชั้นพยายามขนาดนี้ ให้คะแนนน้อยจังอ่ะ แต่ก็ยังดีนะที่ผ่านได้ เรียวเฮงิแทบจะเอาหัวไปซุกกะมืออาจารย์เค้าเลยอ่ะ ก้มลงแบบติดจริงๆ เห็นแล้วช่วงนี้ขอบอกว่ารักเรียวเฮขึ้นอีกจมเลยหละค่ะ อิอิ เอ้าตอนต่อไปก็ถึงคราวพ่อหนุ่มน้อยริวอิจิแล้วนะคะ Feel To w-inds ใกล้จะขมวดปมมาชนกันสักทีแล้วหละนะ อื่มมมม ไม่รู้ว่าจะได้อัพอีกทีเมื่อไร ใครที่ตามอ่านก็ทั้งขอขอบคุณแล้วก็ขอโทษไปในตัวเลยแล้วกันนะคะ ขอบคุณมากค่าาาาา พบกันใหม่ตอนหน้าค่าาา

contact to me
name:
email:
Subject:
Message

 

Feel To w-inds 1 / 2 / 3 / 4 / 5 /

©2002 by Feel To w-inds.All right reseved.