Wine Station
Wine Station
Main Page | Wine Test 01 | Wine Test 02 | Wine Test 03 | Wine Test 04 | Wine Test 05 | Wine Test 06 | Wine Test 07 | Wine Test 08

Chateau Lafite Rothschild

Chateau Margaux

BORDEAUX and BURGUNDY

        สุดยอดไวน์แดงของฝรั่งเศสมีสองแคว้น คนที่ชื่นชอบไวน์ก็แบ่งเป็นสองพวกคือ แคว้น BORDEAUX และ แคว้น BURGUNDY
  • ไวน์แดงแคว้น Bordeaux
  • ไวน์แดงแคว้น Burgundy
  • ชิมสุดยอดไวน์แดงBordeaux
  • ชิมสุดยอดไวน์แดงBurgundy
  • Bordeaux King of Red Wine
    สุดยอดไวน์แดงแคว้น Bordeaux

    ทันทีที่ใครเอ่ยถึงคำว่า "แคว้นบอร์โดซ์" คอไวน์ทั้งหลายเป็นรู้ได้ในทันที ว่านั่นคือ การเอ่ยถึงแหล่งผลิต ราชาแห่งไวน์แดง ที่มีชื่อเสียงกระเดื่องโลก

    ในโลกนี้.. ประเทศที่ผลิตไวน์ที่คุณภาพเยี่ยมที่สุด และรสชาติสุดยอดคือฝรั่งเศส ไวน์ในโลกนี้นับแล้วมีถึงแสนกว่ายี่ห้อ แต่จำพวกที่คอไวน์รู้จักดีมีประมาณ 15,000 ตัว และที่เป็นสุดยอด มีประมาณห้าพันกว่าตัว แคว้นบอร์โดซ์ตั้งอยุ่ริมฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกตรงที่เรียกว่าอ่าวบิสเคย์ มีพันธุ์องุ่นที่มีผลต่อเนื้อน้ำไวน์ ประกอบไปด้วยพันธุ์คาแบร์เนต์ ฟรอง (Cabernet Franc) พันธุ์มาลเบค (Malbac) และพันธุ์เปอตีต์ แวร์โวต์ (Petit Verdot) ซึ่งให้สีสันของไวน์สวยงาม อันเป็นความโดดเด่นของ”รูป” ส่วนพันธุ์คาแบร์เนต์ โววิญยอง (Cabernet Sauvignon) วึ่วเป็นองุ่นระดับ king ให้ความโดดเด่นในเรื่อง “รส” โดยมีโดยองุ่นพันะแมร์โลต์(Merlot) ผู้ได้รับการยกย่องให้เป็นQueen มีชื่อด้าน”กลิ่น” ด้วยข้อดีอันมากมายเช่นนี้ ไวน์บอรืโดซ์จึงได้รับการยกย่องให้เป็นอันดับหนึ่ง

    บอร์โดซ์.. มีเขต AOC รวมทั้งหมด 53 เขต AOC เขตผลิตไวน์แดง แหล่งสำคัญได้แก่อำเภอเมดอก (Medoc) อำเภอกราฟส์(Graves) อำเภอปอเมอโรล (Pomerol) และอำเภอแซง-เตมิญอง (St-Emilion)5 สุดยอดไวน์เมดอก ห้าสุดยอดไวน์แดงที่คอไวน์ทั้งหลายต่างโหยหา และเศรษฐีทั้งหลายจ่ายเงินอุดหนุนมาหลายศตวรรษนั้น ประกอบไปด้วย ชาโต้ ลาตูร์ (Chateau Latour) ชาโต้ มาร์โกซ์ (Chateau Margaux) ชาโต้ โอต์-บรีออง (Chateau Haut-Brion) และชาโต้ มูตอง-รอธส์ชิสด์ (Chateau Mouton-Rothschild) ซึ่งล้วนมีประวัติการปูทางชีวิตจากดินสู่ฟ้าอย่างน่าทึ่ง

    Bordeaux Grand Cru

    ห้าสุดยอดไวน์แดง บอร์โดซ์ ประกอบไปด้วย

    1. ชาโต้ ลาตูร์ (Chateau Latour)

    2.ชาโต้ ลาฟิต-รอธส์ชิลด์ (Chateau Lafite-Rothschild)

    3. ชาโต้ มาร์โกซ์ (Chateau Margaux)

    4. ชาโต้ โอต์-บรีออง (Chateau Haut-Brion)

    5.ชาโต้ มูตอง-รอธส์ชิสด์ (Chateau Mouton-Rothschild)

    สุดยอดไวน์แดง เมดอก กรองด์ ครูส์ทั้งห้า

    สุดยอดไวน์แดง กรองด์ ครูส์ทั้งห้าตัว เขตผลิตไวน์ แหล่งสำคัญได้แก่อำเภอเมดอก (Medoc)

    1.ชาโต้ ลาตูร์ (Chateau Latour)

    สุดยอดไวน์แดงอันดับแรก ชาโต้ ลาตูร์ (Chateau Latour) ส้นทางเดินของชาโต้ ลาตูร์แม้จะมิได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ก็เป็นเรื่องของคนรวยที่ทำอะไรก็ไม่น่าเกลียด ชาโต้ ลาตูร์กำเนิดในศตวรรษที่ 16 ในตำบลโปอีแญ็ก (Pauillc) ฝีมือของคนตระกลูเซกูรื แรกออกวางตลาดยังเป็นไวน์ที่มีชื่อเสียงไม่โดดเด่นเท่าที่ควร จนกระทั่งในศตวรรษที่ 17 ทายาทของตระกลูเซร์คนหนึ่งได้สมรสกับเจ้าหญิงซึ่งเป็นเชื้อพระวงศ์บังบองของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14(ค.ศ. 1638-1715) ชาโต้ ลาตูร์ จึงเป็นไวน์ที่คนกล่าวขวัญถึงในฐานะไวน์ เขยกษัตริย์ ชาโต้ ลาตูร์ที่ทุกรู้จักในวันนี้ คือไวน์แดงที่หอมนุ่มนวลที่สุด ราคาแพง ขวดปีทอง (Vintge Yeas) ราคาเป็นหมื่นๆ บาท

    2.ชาโต้ ลาฟิต-รอธส์ชิลด์ (Chateau Lafite-Rothschild)

    สุดยอดไวน์แดงอันดับสอง ชาโต้ ลาฟิต-รอธส์ชิลด์ (Chateau Lafite-Rothschild) ถ้าจะระบุว่าสุดยอดใดๆ ในโลกล้วนไม่เคยมีเพียงหนึ่งคงไม่ผิด ดังนั้นไวน์เยี่ยมที่รสชาติละลานใจเป็นเหลือหา จึงไม่มียี่ห้อไหนสามารถผูกขาดอยู่คนเดียว อย่างชาโต้ ลาฟิต-รอธส์ชิลด์ จึคงเป็นไวน์ที่คอไวน์ต่างยกนิ้วให้ ทั้งยังต้องยืนยันไว้ตรงนี้ด้วยว่า ในขบวนไวน์ระดับปีทองด้วยกันของ สุดยอดไวน์แดงทั้งห้านี้ ชาโต้ ลาฟิตมีราคาแพงกว่าใครอื่น ชาโต้ ลาฟิตเป็นไวน์เก่าแก่ที่กำเนิดมากว่า 8 ศตวรรษแล้ว นายกอมโบ เดอ ลาฟิตจะ มาจากไหนไม่มีใครรู้ จู่ๆ ก็หอบเงินมาลงทุนซื้อไร่องุ่น ที่ตำบลโปอีแญ็กในค.ศ.1234 ผลิตไวน์แดงยี่ห้อลาฟิตขึ้นมา ยุคแรกก็ผลิตได้พอเลี้ยงตัว จวบจนนายกอมโบสิ้นลมปราณก็ยังไม่โดงดัง ทายาทลาฟิตอีกหลายรุ่นดำเนินกิจการอย่างต่อเนื่อง จนถึงศตวรรษที่14 ชาโต้ ลาฟิตก็กระเดื่องดังในฐานะไวน์เก่าแก่ที่มีรสชาติอร่อยเป็นเหลือหลาย ไวน์ตัวที่ดังที่สุดของโลกซึ่งนายบอมโบ เดอ ลาฟิตเป็นผู้ให้กำเนิดในต้นศตวรรษที่ 13 บัดนี้ผ่านร้อนหนาวมาถึง 634 ปี ก็ตกเป็นสมบัติของตระกูลรอธส์ไชลด์(Rothschild)* ซึ่งเป็นมหาเศรษฐีหนึ่งในสิบของฝรั่งเศส เป็นเจ้าของธนาคารรอธสไชลด์ที่ร่ำรวยที่มหาศาล เป็นนักทำเหล้ามืออาชีพ เป็นผู้รู้คุณค่าของสรรพสิ่งในโลกที่สุดยอด จากวันนั้นเป็นต้นมา ชาโต้ ลาฟิตจึงต้องเพิ่มชื่อเป็นชาโต้ ลาฟิตรอธส์ชิลต์(*คำ “Rothschild” ถ้าเป็นชื่อไวน์จะอ่าน “รอธส์ชิลด์” ถ้าเรียกชื่อตระกลูจะอ่านว่า “รอธส์ไชลด์”

    3.ชาโต้ มาร์โกซ์ (Chateau Margaux) สุดยอดไวน์แดงอันดับสาม ชาโต้ มาร์โกซ์ (Chateau Margaux) สุดยอดไวน์แดงตัวที่สาม ของกรองด์ ครูส์ระดับชั้นเปรอมีเยร์ ครูส์ คลาสเซ่ ยี่ห้อนี้กำเนิดในศตวรราที่ 15 ที่มหาปราสาทลาโมธ ตำบลมาร์โดซ์ โดยตระกูลดูร์ฟรองต์ซึ่งเป็นเจ้าของชาโต้ ดูร์ฟรองต์-วีวองส์ (Chateau Durfort-Vivens) ไวน์กรองด์ ครูส์ชั้น 2 เป็นผู้ปั้นชาโต้ มาร์โกซ์ให้เติบใหญ่มากับมือ เดิมทีไวน์ตัวนี้มาจากไวน์สองตัว คือมาร์กู และมาร์กูส แล้วยุบให้เหลือเป็นตัวเดียวเป็นมาร์โกซ์ในปี 1750 ตระกูลดูร์ฟอรต์ครอบครองชาโต้ มาโกซ์อยู่หลายศตวรรษจนถึงปี 1836 จึงขายกิจการให้แก่นายวีกอง เด อาโกโด ซึ่งนับว่าเป็นโชคดีของไวน์ตัวนี้ซึ่งกำเนิดจากตระกูลขุนนางผุ้ดี มีศิลปะในหัวใจ จึงได้ทุ่มเทให้เด่นผงาดอยู่ในแวดวงสีน้ำทับทิม ตระกูลอาโกโดได้สร้างตึกมารโกซ์ใหม่ในปี 1836 โดยฝีมือของนายวิคตอร์ ลูอิส สถาปนิกที่ดังที่สุดในยุคนั้น เป็นศิลปกรรมยุคบาบิโลนอันล้ำเลิศ จนกลายเป้นชาโต้ที่สวยที่สุดในเมดอก ตระกูลอาโกโดครอบครองชาโต้ มาร์โกซ์ได้เพียง 43 ปี แล้วก็ขายทิ้งให้แก่ตระกูลกองปีเอ-วีในปี 1879 ย่างเข้าฤดูหนาวปี 1925 ก็ถูกขายอีกครั้งให้แก่ดยุค เดอ ลา เตรมูลา แล้วก็ขายอีกครั้งในปี 1935 ให้แก่นายแฟร์นัว ยีนเนซและผองเพื่อน บนเส้นทางซับซ้อนของธุรกิจน้ำเมานับร้อยล้านพันล้าน ชาโต้ มาร์โกซ์ได้เปลี่ยนมือ เจ้าของและหุ้นส่วนเป็นว่าเล่น จนปี 1949 หุ้นทั้งหมดได้ตกเป็นของตระกูลยีนเนซอย่างเบ็ดเสร็จ ล่าสุด ชาโต้ มาร์โกซืได้เปลี่ยนเจ้าของอีกแล้ว โดยปี 1977 ตระกูลยีนเนซได้ขายให้แก่นายอังเดร มังเซโรปูโล ชาโต้ มาร์โกซ์นอกจากผลิตไวน์แดงจนมีชื่อกระฉ่อนแล้ว ยังผลิตไวน์ขาวยี่ห้อปาวีญอง บลอง ดือ ชาโต้ มาร์โกซ์ (Pavillon Blanc du Chateau Margaux) จนมีชื่อเสียงโดดเด่น ปีทองของไวน์ตัวนี้ที่น่าจดจำคือ 1928,1966,1967,1970 และ 1974

    4.ชาโต้ โอต์-บรีออง (Chateau Haut-Brion) สุดยอดไวน์แดงอันดับที่สี่ ชาโต้ โอต์-บรีออง (Chateau Haut-Brion) แท้จริงแล้วชาโต้ตัวนี้อยู่นอกเขตเมดอก คืออยู่ในเขตกราฟส์ (Graves) แต่ข้างนอกนาตัวนี้มีความดีเด่นและมีรสชาติล้ำเลิศอันเหลือเชื่อ จนได้รับการยกย่องให้มาอยู่ในกลุ่มอรหันต์ของเมดอก หรือเป็นไวน์ระดับกรองด์ ครูส์ชั้นเปรอมีเยร์ ครูส์ คลาสเซ่ เรียกว่าถ้าไม่เป็นของจริง คงไม่สามารถแทรกขึ้นมาอยู่บนแท่นเกียรติยศในกลุ่มเมดอกได้ ประวัติศาสตร์ของชาโต้ตัวนี้ย้อนหลังไปได้กว่า 500 ปี โดยถือกำเนิดในยุคกลางของยุโรป ซึ่งเป็นยุคทองของไวน์ฝรั่งเศส เจ้าของไวน์ตัวนี้คนแรกคือนายแมซอง นอเบลอ เด โอต์-บรีออง ประวัติศาสตร์ไม่ได้บันทึกต่อไปว่า นายโอต์-บรีอองทำเหล้าตัวนี้สักกี่ปี และลูกหลานสืบทอดมรดกนานแค่ไหน แต่จู่ๆ ในปี ค.ศ. 1525 ไวน์ตัวนี้ก็ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของพลเรือเอกฟิลิปป์ เดอ ชาโบ นายพลผู้หลงใหล ไวน์ได้ครอบครองชาโต้ โอต์-บรีอองอยู่ไม่นานก็ขายให้ตระกูลปองตัก และตระกูลปองตักนี้เองสร้างชาโต้ตัวนี้ให้ไปยิ่งใหญ่ในอังกฤษถึงสามศตวรรษ คือจากศตรวรรษที่ 16-18 จากนั้นชาโต้ โอต์-บรีอองก็เปลี่ยนเจ้าของเป็นว่าเล่น ท้ายที่สุดในปี 1935 ไวน์ตัวนี้ตกเป็นสมบัติของหนุ่มชาวอเมริกันชื่อนายคลาเร้น ดิลลอนซึ่งเป็นมหาเศรษฐีเจ้าของบริษัทไฟแนนช์หลายแห่ง

    5.ชาโต้ มูตอง-รอธส์ชิลด์ (Chateau Mouton3Rothschild)สุดยอดไวน์แดงอันดับห้า ชาโต้ มูตอง-รอธส์ชิลด์ (Chateau Mouton3Rothschild) ขณะที่กรุงปารีสมีการประกาศ 1855 Classification of Medoc เพื่อแบ่งชั้นไวน์ระดับกรองด์ครูส์ของเมดอกออกเป็น 5 ชั้นนั้น ไวน์ที่อยู่ในชั้นหนึ่งแท้จริงแล้วมีเพียง 4 ตัว ส่วนชาโต้ มูตอง รอธส์ชิลด์อยู่ในชั้นที่สอง เพิ่งจะได้รับการเลื่อนชั้นให้มาอยู่ในที่หนึ่งเมื่อปี 1973 หมาดๆ ไวน์ตัวนี้กำเนิดในศตวรรษที่ 14 ชื่อยุคแรกค่อยข้างเชย โดยถูกเรียกว่า ชาโต้ พูยัล ในปีค.ศ. 1430 ยุคแห่งกลูเซตอได้เป็นผู้ซื้อไร่องุ่นแห่งนี้เอาไว้ และตระกูลของเขาดูแลไวน์ตัวนี้อยู่ถึง 423 ปี ก็เกิดความเบื่อหน่ายจึงขายกิจการให้แก่บารอนนา ธาเนียล เดอ รอธส์ไชลด์ในปี 1853 มหาเศรษฐีหนึ่งในสิบของฝรั่งเศส และในปี 1855 ได้รับการประกาสให้เป็นกรองด์ ครูส์ชั้นสอง ตระกูลรอธส์ไชลด์ไม่แฮปปี้กับตำแหน่งนี้ เพราะเขาเชื่อว่าไวน์ของเขาเลิศล้ำพอสมควร พวกเขาจึงเร่งระดมฝีมือเซียนมาผลิตไวน์ตัวนี้อย่างอดทน จนได้รับการเลื่อนขั้นอันดับหนึ่งในปี 1973 รอคอยยาวนานถึง 118 ปีพวกเขาจึงประสบความสำเร็จ ปีทองของไวน์ตัวนี้คือ 1939,945,1961,1970 และ 1973

    Burgundy Grand Cru
    สุดยอดไวน์แดงแคว้น Burgundy

    เมื่อได้ยินคำว่าไวน์เบอร์กันดี คอไวน์บางคนอาจจะไม่คุ้นเคยมากนัก แต่นี่แหละคือราชินีแห่งไวน์แดง ที่มีชื่อเสียงก้องโลกที่มีรสและกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ เป็นมงกุฎเพชรแห่งไวน์ โดยเฉพาะ7สุดยอดไวน์เบอร์กันดีระดับกรองด์ครูส์ ที่ผลิตจากตำบลวอส์น-โรมาเน่ (Vosne Romanee)ถิ่นไวน์ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นอัญมณีแห่งไวน์ฝรั่งเศส

    Vosne-Romanee(วอส์น-โรมาเน่)

    ตำบลวอส์น-โรมาเน่ (Vosne Romanee) คือถิ่นไวน์ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นอัญมณีแห่งไวน์ฝรั่งเศส หรือเป็นมงกุฎเพชรแห่งไวน์โลก โดยเฉพาะ7สุดยอดไวน์ระดับกรองด์ครูส์ ที่กระฉ่อนล้วนเหมือนถูกหมักขึ้นมาจากฝีมือที่ไม่ธรรมดา ทุกขวดจึงอวลอบด้วยกลิ่นหอมของเกสรของผุปผชาติอันหวานชื่น วอส์น-โรมาเน่ ถิ่นวิศฯวกรรมแห่งเครื่องดื่ม อยู่ในกิ่งอำเภอโก๊ต เดอ นุยส์ ห่างจาก เมืองนุยส์ แซงต์-ฌอร์จ เพียง 3 กิ โลเมตร ตำบลนี้ประกอบขึ้นมาจากหมู่บ้านเล็ก ๆ 7 หมู่บ้าน โด่งดังด้วยองุ่นพันธุ์ปีโนต์ นัวร์และ พันธุ์ปิโนต์ กรีส์ แผ่นดินที่เสกสรรไวน์สุดยอดนี้ มีระดับกรองด์ ครูส์ (Grand Crus) 7 ตัว

    1.โรมมาเน่ กองตี(Romanee-Conti)

    ยอดไวน์ตัวที่โด่งดังที่สุดและแพงที่สุด เรียกว่าในโลกนี้ไม่มียี่ห้อไหนดีเทียบเท่ากับ Romanee-Conti อีกแล้ว ผู้เป็นเจ้าของในปัจจุบันทำไร่เองและจัดจำหน่ายเอง คือบริษัท Domaine de la Romanee Conti ซึ่งมีสองหุ้นส่วนใหญ่ที่เป็นเศรษฐีระดับโลก คือ Madame Lalou Bizr-Leroy และ Monsieur Aubert โรมาเน่-กองตีมีพื้นที่แค่ 4.32 เอเคอร์หรือ 10.8 ไร่ ปีหนึ่งผลิตไวน์ออกมาแค่ 7,000 ขวด ปีไหนองุ่นได้น้ำเนื้อมากก็จะผลิตได้ไม่เกิน 12,000 ขวดแบ่งปันกันดื่มทั่วโลก ประเทศไทยดู เหมือนจะเข้ามาปีหนึ่งไม่เกิน 24 ขวด ไวน์ยี่ห้อโรมาเน่-กองตี มีตัวเดียวเจ้าของเดียวในโลก ไม่เหมือนกับไวน์เบอร์กันดีอื่นๆ ที่ยี่ห้อเดียวมีผู้ผลิตหลายบริษัท ไวน์แดงยี่ห้อนี้ ขวดที่ผลิตเสร็จใหม่ๆ ขายกัน 30,000 บาท แล้วถ้าเป็นปีทองราคาก็สูงขึ้นเรื่อยๆ บางขวดราคากว่าครึ่งล้านบาทก็มี ส่วนอายุขัยการดื่ม 15-35 ปี

    2.โรมาเน่ แซงต์ วีวองต์(Romanee St-Vivant)

    มีพื้นที่ไร่แค่ 23.6 เอเคอร์ เจ้าของไร่ไม่ได้บรรจุไวน์เอง แต่ขายให้แก่พ่อค้าคนกลางไปบรรจุขวดขายเหมือนไวน์เบอร์กันดีอื่นๆ โรมาเน่ แซงต์-วีวองต์จึงผลิตออกมาถึงกว่า 10 บริษัทความโดดเด่นของกรองด์ ครูส์ตัวนี้ คือมีกลิ่นรสออกเครื่องเทศมาก มีความหอมอันหลากหลาย และให้กลิ่นเนื้อดินแบบธรรมชาติได้มากที่สุด อายุการดื่ม 10-25 ปี

    3.ลา โรมาเน่(La Romanee) เป็นไรองุ่นขนาดเล็กๆ ของตระกูล Liger-Belair แต่ขายองุ่นให้แก่ตระกูล Rarey เหมาไปผลิตเป็นไวน์บรรจุขวดเพียงคนเดียว แล้วตระกูลฟอเรย์จะนำไวน์ที่ผลิตได้ไปเก็บบ่มในโรมาเน่-กองดี ส่วนการจัดจำหน่ายกลับให้บริษัทบูชาจัดการ ความโดดเด่นของลา โรมมาเน่ซึ่งถือเป็นอันดับสองของตำบลนี้ ก็คือมีสีสันเข้มลึกกว่าโรมาเน่ตัวอื่นๆ มีความเข้มข้นของรสชาติอย่างถ้วนครบ มีแทนนินค่อนข้างสูง และหอมฟุ้งตัวหลากกลิ่นผลไม้ อายุการดื่ม 12-30 ปี มีไร่องุ่นแค่ 2.5 เอเคอร์

    4.เอเยโซซ์(Echexeaux) ยอดไวน์ตัวนี้มาจากไร่ขนาดใหญ่มาก มีไร่องุ่นจากหมู่บ้านเอเชโซช์ถึง93เอเคอร์ โดยมีชาวไร่11ครอบครัวขายน้ำเหล้าให้แก่พ่อค้าเหล้าหรือ เนกอซีอองต์ไปผลิตเป็นEchezeauxระดับGrand Cruเกือบ20บริษัท อายุการดิ่ม10-20ปี

    5.กรองด์-เอเชโซซ์(Grand Echexeaux) มีพื้นที่ปลูกองุ่น 22.7 เอเคอร์ เช่นเดียวกับ ไวน์เบอร์กันดีโดยทั่วไปที่มักจะบรรจุขวดขายโดยพ่อค้าคนกลางผู้ค้าไวน์ เจ้าของไร่องุ่นจากหมู่บ้านนี้ซึ่งมีกว่า 10 เจ้าของ จึงขายน้ำไวน์ให้บริษัทต่างๆกว่าสิบบริษัท อายุการดื่มของกรองด์ ครูส์ตัวนี้อยู่ระหว่าง 10-20 ปี

    6.ลาต๊าช(La Tache) ไร่องุ่นที่ผลิตไวน์ลา ต๊าชมีเนื้อที่ 14.4 เอเคอร์ ไวน์ตัวนี้ปัจจุบัน เป็นสมบัติสิทธิ์ขาดของโดเมน เดอ ลา โรมาเน่-กองดี ผู้เป็นเจ้าของโรมาเน่-กองตีที่กระเดื่องโลก ดังนั้นไวน์ตัวนี้ จึงกลายเป็นไวน์กระเดื่องโลกอีกตัวหนึ่ง และเป็นไวน์ที่ผลิตออกมายี่ห้อเดียวเจ้าของเดียว อีหรอบเดียวกับโรมาเน่-กองตี หรือเหมือนชาโต้ในแคว้นบอร์โดซ์ลาต๊าซบรรจุปีละ ประมาณ24,000 ขวด ราคาไม่โหดเท่ากับโรมาเน่-กองตีแต่บรรจุขายใหม่ๆ ก็ยังปาเข้าไปถึง 4,000-5,000 บาท อายุการดื่ม 12-30 ปี

    7.รีชบูร์(Richebourg) ไวน์ตัวนี้มีรสชาติคล้ายๆกับไวน์ทางเขตบอร์โดซ์ มีพื้นที่ทำไร่ องุ่น 19.8 เอเคอร์ มีชาวไร่ 8 ครอบครัวขายน้ำไวน์ให้แก่เนกอซีอองต์กว่าสิบบริษัท ไวน์ยี่ห้อนี้มีอายุการดื่ม 12-30 ปี

    และนี่คือเจ็ดสุดยอดไวน์แดงของโลก โดยมีโรมาเน่-กองตีนำมาเป็นจ่าฝุง สำหรับปีทองที่ควรจดจำคือ 1978,1980,1983,1985,1986,1988,1989 และ 1990 เฉพาะโรมาเน่-กองดี เศรษฐีชาวญี่ปุ่นเคยขอซื้อแผ่นดินด้วยการเสนอราคาเท่ากับทองคำปูกว้างเท่าพื้นที่ ให้ราคากันถึงขั้นนี้แล้วหญิงเหล็กอย่างดาดามลีรอยก็ไม่เคยสน

    เฌอแตม/Winestation


    เนื่องจากผู้จัดทำมีภาระเรื่องเวลาและการเดินทาง การUpload ข้อมูลจึงขึ้นอยู่กับเวลาและโอกาส แต่ข้อมูลจะมาจากทุกหนแห่งทั่วโลก แล้วแต่โอกาสจะอำนวย ในโลกของวิทยาการยุคนี้ปลายนิ้วและสมองคือความสำเร็จของชีวิต /Thanks for all pictures and details from many websites and books that suported this website