MAT

 

     

home

back

PHS

WCDMA

CDMA

GSM

 

     

Multiple Access Techniques (MAT)

การพัฒนาระบบ Multiple Access protocol เริ่มแรกในปี คศ. 1970 โดยมหาวิทยาลัยแห่ง ฮาวาย ได้พัฒนาระบบ Multiple Access protocol ระบบแรกที่ชื่อ ALOHA protocol และหลังจากนั้นระบบ protocol ใหม่ๆได้มีการค้นคิดออกมาอีกมาก และหนึ่งใน protocol เหล่านั้นได้แก่ code division multiple access (CDMA) protocol

ทำไมต้องใช้ระบบ Multiple Access Protocol

เนื่องจากทรัพยากร ความถี่ ,จำนวนของ channel ที่ใช้งาน มีอยู่อย่างจำกัด แต่มีผู้ต้องการใช้งานทรัพยากรเหล่านี้เป็นจำนวนมากดังนั้นจำต้องมีการจัดสรรให้ผู้ใช้งานทั้งหมดสามารถใช้ทรัพยากรที่มีอยู่เหล่านี้อย่างเท่าเทียมกัน ระบบ Multiple Access Protocol จะเป็นตัวสร้างกฎระเบียบและบริหารการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดเหล่านั้นสำหรับผู้ใช้ทุกคน

คุณสมบัติของ Multiple Access protocol ที่ต้องการ

การออกแบบ protocol ปกติจะสำเร็จได้ก็ด้วยการกำหนดเป้าหมายในใจเราและคุณสมบัติของ protocol โดยหลักใหญ่จะถูกกำหนดโดยเป้าหมายนั้น แต่ถ้าเราออกนอกเป้าหมาย,เรายังคงคุณสมบัติของ Multiple Access protocol ที่ดีไว้ได้ โดยยังต้องยึดหลักการดังต่อไปนี้

  • 1. สิ่งแรกและภาระหน้าที่แรกของ Multiple Access protocol ที่ควรคำนึงถึงคือการ share ของ channel การสื่อสารที่ใช้ร่วมกันของผู้ใช้ในระะบบ นั้นคือ, protocol ควรต้องควบคุมหนทางในการที่ผู้ใช้งานจะเข้าถึง channel การสื่อสารโดยกำหนดให้ผู้ใช้งานต้องปฏิบัติตามกฎที่วางไว้อย่างแน่นอน , protocol จะต้องควรคุมการจัดสรรขนาดความจุของ channel การสื่อสารให้ผู้ใช้งาน
  • 2. protocol ต้องทำการจัดสรรการสื่อสารกลางให้ใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ ความมีประสิทธิภาพโดยปกติถูกวัดในเทอมของ อัตราของข้อมูลที่ส่งผ่าน ช่องการสื่อสาร (channel throughput) และความล้าช้าของการส่งผ่านข้อมูล (delay of the transmissions)
  • 3. การจัดสรรควรยุติธรรมต่อผู้ใช้แต่ละราย นั้นคือ ไม่พูดไปในผู้ใช้งานที่ถูกกำหนดให้ใช้ก่อนหน้านั้น ผู้ใช้แต่ละรายควรรับข้อมูลเดียวกันที่ขนาดความจุของ channel ที่ถูกจัดสรรให้
  • 4. protocol ควรมีความยืดยุ่นโดยย่อมให้มีความหลากหลายของ traffic (เช่น., voice และ data)
  • 5.protocol ควรต้องมีเสถียรภาพ (stable) นี่หมายถึงว่าถ้าระบบอยู่ในวาระที่สมดุล,มี load ที่เพิ่มขึ้นควรย้ายระบบไปยังจุดสมดุลใหม่,ส่วน protocol ที่ไม่มีเสถียรภาพ (unstable)เมื่อมี load เพิ่มขึ้น จะกระทำระบบให้ดำเนินต่อไปจน load เพิ่มพอกพูนสูงมากและมีอัตราของข้อมูลที่ส่งผ่านช่องการสื่อสารต่ำมาก (lower throughput)
  • 6. protocol ควรมีความฉลาดพอที่จะสามารถตรวจสอบอุปกรณ์ที่ failure และมีเงื่อนไขที่เปลี่ยนไป,ถ้าผู้ใช้รายหนึ่งรายใดมีการใช้งานอย่างไม่ถูกต้อง,ผลกระทบนี้ที่จะเกิดขึ้นกับระบบควรน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

การแบ่งชนิดของ Multiple Access protocol

Multiple Access protocol ถูกแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลักๆดังนี้

  • 1.the contentionless protocols (scheduling)
  • 2. the contention protocols (random access)
  • 3.the class of CDMA protocols

Contentionless (scheduling) Multiple Access Protocols

Contentionless MA protocols จะหลีกเลี่ยงกรณีมีผู้ใช้หลายรายเข้ามาใช้ channal เดียวกันในเวลาเดียวกันโดยการกำหนดลำดับ (scheduling) การใช้ ช่องการสื่อสาร (channel transmissions) สำหรับทุกคน, โดยผู้ใช้จะส่งลำดับรายการที่กำหนดไว้ไปยังทุก transmission จะมี transmission อันหนึ่งประสบผลให้ใช้งานได้ หลักการของ scheduling ทำได้ 2 แบบ

  • 1.Fixed assignment scheduling
  • 2.Demand assignment scheduling

Fixed Assignment

สำหรับ MA protocol แบบ fixed assignment ขนาดความจุของ channel จะถูกแบ่งไว้อย่างแน่นอนสำหรับผู้ใช้ ผู้ใช้แต่ละรายสามารถใช้งานในส่วนของขนาดความจุของ channel ที่ถูกแบ่งไว้ ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีสิ่งใดส่งไปก็ตาม การแบ่งสามารถทำในส่วนของ Time หรือ Frequency ซึ่งได้แก่ TDMA protocol แล FDMA protocol ตามลำดับ อ่านอ้างอิง [1] หน้า 20,21

Demand assignment

สำหรับ demand-assignment contentionless protocol เฉพาะผู้ใช้ที่ต้องการส่งเท่านั้นที่สามารถส่งไปได้โดยกำหนดให้ส่งไปในส่วนของขนาดความจุของ channel ที่ถูกจัดสรรไว้ให้ ช่องการสื่อสารของผู้ใช้แบบนี้ถูกกำหนดเอาไว้ (scheduled) ให้เป็นไปตามลำดับ ดังนั้นจึงไม่มีการแย่งกันใช้ช่องการสื่อสารเกิดขึ้น ผู้ใช้ที่ไม่มีสิ่งใดส่งจะไม่สามารถใช้ช่องการสื่อสารได้ อย่างไรก็ตาม protocol ต้องกำหนดขนาดความจุของช่องการสื่อสารที่ผู้ใช้ต้องการไปใน schedule

scheduling สามารถควบคุมโดย central, ผลของการควบคุมแบบ centralized demand assignment protocol ได้แก่ roll-call polling protocol และผลการควบคุมที่สามารถควบคุมไปตามผู้ใช้แต่ละราย distributed demand assignment protocol ได้แก่ token-passing protocol

Roll-Call Polling

Roll-call polling protocol จะถูกส่งไปยังผู้ใช้งานรอบๆ โดยทั่ว, ที่ central control จะเลือกผู้ใช้เพียงหนึ่งราย ผู้ใช้งานรายอื่นจะถูกกำหนดให้ใช้หลังจากนั้นทีละราย ถ้าผู้ใช้รายนั้นได้รับ polling message จาก central control ก็ทำการส่ง message ไปจนไม่มีสิ่งใดจะส่งอีก หรือส่งทุก message ที่เก็บไว้ในหน่วยความจำกลาง หลังจากทำการส่งถึง message สุดท้าย มันก็จะส่งข้อความ “ready” ไปยัง central control หลังจาก central control ได้รับข้อความนี้ ตัว controller ก็จะส่ง polling message ไปยังผู้ใช้ในลำดับต่อไป

Token-Passing Protocol

ตัวอย่างหนึ่งของ token-passing protocol คือ token-bus protocol ใน protocol ชนิดนี้ ผู้ใช้งานทั้งหมดจะถูกต่อไปยัง bus เดียวกัน ผู้ใช้แต่ละรายจะให้ address ไว้อันหนึ่ง,ผู้ใช้ bus ถูกจัดลำดับเป็นวงแหวนโดยรหัสของผู้ใช้แต่ละราย ที่รู้จักกันใน

successor’s address ผู้ใช้จะมี address ที่แน่นอน และข้อมูลที่ส่งออกไปจะมี address ของผู้ใช้ถูกส่งออกไปด้วย ผู้รับที่รู้จัก address นั้น จะรู้ว่าข้อมูลที่ส่งมานั้นมีเจตนาที่จะส่งมาเพื่อเขา

ในความเป็นจริงผู้ใช้ที่จะส่งได้ขึ้นอยู่ว่าผู้ใช้รายนั้นได้รับส่วนของ control information ที่เรียกว่า token ก่อนหน้านั้นหรือไม่ ถ้าผู้ใช้ได้รับ token และต้องการที่จะส่งข้อมูลจริงๆ,ก็ทำการส่งข้อมูลนั้นออกไปได้จนถึงข้อมูลสุดท้าย,ก็ทำการส่ง token ไปยังผู้รับช่วงรายต่อไป ถ้าผู้รับช่วงรายนี้ยังไม่มีข้อมูลอะไรส่งในขณะนั้น มันก็จะส่ง token ไปยังผู้รับช่วงรายลำดับต่อไปทันที ถ้าผู้รับช่วงรายปัจจุบัน holds the token ก็ยอมให้ผู้ใช้รายนั้นส่งข้อมูลออกไปได้ อันนี้เป็นหลักการของ distributed demand assignment protocol

Contention (Random) Multiple Access Protocols

สำหรับ contention multiple access จะไม่มีหมายกำหนดการในการใช้ช่องการสื่อสาร นั้นคือผู้ใช้รายใดพร้อมที่จะส่งก็ส่ง โดยไม่สามารถรู้ได้อย่างแน่ชัดว่าการส่งออกไปนั้นจะไปรบกวนกับผู้ใช้รายอื่นหรือไม่ ผู้ใช้อาจจะรู้หรือไม่รู้การดำเนินการของช่องการสื่อสารขณะนั้นอย่างแน่ชัดเกี่ยวกับผู้ใช้รายอื่น ดังนั้นเมื่อมีผู้ใช้พร้อมที่จะส่งมากกว่าหนึ่งรายในเวลาเดียวกัน ทุกการสื่อสารที่ทำการส่งในขณะนั้นของทุกรายก็จะ fail การสื่อสารที่ failure จะแสดงถึงสภาวะการประสบผลสำเร็จของการสื่อสารมากหรือน้อยในขบวนการของ random process, การเข้าถึงช่องสัญญาณแบบ random process protocol ควรมีการตัดสินใจในกรณีเกิดการ แย่งกันส่งในเวลาเดียวกันของผู้ใช้แต่ละราย

เราสามารถแบ่ง contention multiple access ได้เป็น 2 กลุ่ม

  • 1.repeated random access protocols
  • 2.random access protocols with reservation

Repeated Random Access Protocols

การเริ่มต้นที่จะใช้ช่องการสื่อสารของผู้ใช้แต่ละราย ผู้ใช้จะไม่สามารถรู้ได้ว่าผู้ใช้รายอื่นก็จะทำการส่งเหมือนกัน ดังนั้นการแย่งกันก็จะเกิดขึ้นเมื่อมีผู้ส่งพร้อมกันมากกว่าหนึ่งรายในเวลาเดียวกัน ถ้าผู้ใช้ไม่สามารถรู้ว่าช่องการสื่อสารกำลังใช้งานอยู่ การชนกันก็จะเกิดขึ้นถ้าผู้ใช้รายใหม่ start transmission ขณะที่ผู้ใช้รายอื่นใช้งานอยู่ แต่ถ้าผู้ใช้สามารถรู้ว่าช่องการสื่อสารกำลังใช้งานอยู่,ก็สามารถรอจนกว่าช่องการสื่อสารจะว่าง การชนกันก็จะเกิดขึ้นเฉพาะถ้าผู้ใช้เริ่มต้นส่งพร้อมกันในเวลาเดียวกันจริงๆตัวอย่างของ repeated random access protocols ได้แก่ pure (p)-ALOHA, slotted (s)-ALOHA, carrier sense multiple access (CSMA), inhibit sense multiple access (ISMA), และ stack algorithm สำหรับ CSMA และ ISMA ผู้ใช้จะฟัง channel ก่อนส่ง สำหรับ protocol ตัวอื่นผู้ใช้ทำการส่งไปโดยไม่รู้การดำเนินไปของช่องการสื่อสารขณะนั้น

p-ALOHA

pure ALOHA protocol เป็นชื่อหลังจากระบบ ALOHA system , a packet radio network ได้ถูกพัฒนาโดยมหาวิทยาลัยแห่งฮาวายและออกใช้งานในปี 1970 ซึ่งถือว่าเป็น MA protocol ตัวแรก และ ALOHA protocol ได้มีการเปลี่ยนแปลงพัฒนาไปจึงเปลี่ยนชื่อ ALOHA ซึ่งเป็น protocol ดังเดิมมาเป็น
pure (p)-ALOHA

p-ALOHA protocol เป็น protocol ที่ถูกควบคุมโดย central ผู้ใช้งานจะสามารถส่งสัญญาณ ไปยัง base station โดยทาง uplink channel และรับสัญญาณจาก base station โดยทาง downlink channel ที่มีความถี่ของ channel ต่างกัน โดยทันทีที่ผู้ใช้มีการ generated a packet มันก็จะส่ง packet นี้ ไปบน uplink channel ถ้าไม่มีผู้ใช้อื่นส่ง ที่ base station ก็จะรับข้อมูลที่ถูกต้องจากช่องการสื่อสาร และ base station ก็จะส่งสัญญาณตอบรับ (acknowledgment packet) ไปบน downlink channel เมื่อผู้ใช้ได้รับสัญญาณ acknowledgment ผู้ใช้ก็จะรู้ว่าการส่งข้อมูลประสบผลสำเร็จ

ถ้ามีผู้ใช้มากกว่า 2 รายส่งพร้อมกันในเวลาเดียวกัน ก็จะเกิดการชนกันขึ้น (collision) ที่ base station ก็จะรู้ได้ถึงการเกิดการชนกันนี้ เพราะว่ามันได้รับข้อมูลผิดไปจากความเป็นจริงและจะไม่ส่งสัญญาณตอบรับ acknowledgment , base station ก็จะประเมินสถานะการณ์ได้ว่ามีการชนกันเกิดขึ้น ดังนั้นมันจึงสั่งให้ทำการส่งใหม่อีกครั้ง

อ่านอ้างอิง [1] หน้า 24,25

ค้นคว้าเพิ่มเติมที่อ้างอิง [2] หน้า 341-345

s-ALOHA

protocol แบบ p-ALOHA เป็น protocol แบบง่ายๆไม่ยุ่งยากซับซ้อน แต่มีอัตราการส่งข้อมูลผ่านช่องการสื่อสารประสบผลสำเร็จต่ำมากประมาณ 18% (very low channel throughput) โดยเหตุผลหลักคือมีความล้มเหลวในการใช้ช่องสื่อสารสูงมากเนื่องจากถูกขัดจังหวะการใช้ช่องสื่อสารโดยมีการชนกันของ packet ข้อมูลของผู้ใช้รายอื่นสูงมาก เมื่อมีการเพิ่มขึ้นของ traffic บนช่องการสื่อสาร ทางหนึ่งที่จะทำให้สมรรถนะของ p-ALOHA protocol ดีขึ้น โดยพยายามทำให้เกิดการชนของ packet ในช่องการสื่อสารน้อยที่สุดที่จะเป็นไปได้ สามารถทำได้โดยการแบ่งช่องสื่อสารไปตามแกนเวลาใน time slot และกำหนดให้ผู้ใช้งานสามารถส่งได้ ที่แต่ละ time slot ในช่วงเวลาที่กำหนดให้เท่านั้น ผลที่เกิดขึ้นทำให้การชนกันของ packet ลดลงครึ่งหนึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับ p-ALOHA และมีอัตราการส่งข้อมูลผ่านช่องสื่อสารประสบผลสำเร็จเพิ่มขึ้น 2 เท่าประมาณ 36% protocol ที่ปรับปรุงขึ้นนี้ถูกเรียกว่า s-ALOHA ;อ่านอ้างอิง[1] หน้า 25-26 และ อ้างอิง[2] หน้า 345-347

Carrier Sense Multiple Access (CSMA)

CSMA สามารถแบ่งเป็น 2 ระดับ ได้แก่ nonpersistent CSMA protocols และ p-persistent CSMA protocols

Nonpersistent CSMA protocols,

ถ้าผู้ใช้ต้องการส่ง packet เริ่มแรกต้องฟังว่ามีผู้ใช้อื่นใช้ช่องการสื่อสารอยู่หรือไม่ ถ้าช่องการสื่อสารอยู่ในสภาวะว่าง (Idle) ก็ทำการส่งได้ ถ้าไม่ว่างก็รอจนกว่าจะว่าง จะเห็นว่า protocol โดยรวมจะหลีกเลี่ยงกรณีการเกิดการชนกันของ packet แต่ในความเป็นจริงจะเกิดกรณี ชนกันของ packet ได้เช่นกัน เนื่องจากเกิดการล้าช้าในการส่งข้อมูลระหว่างผู้ใช้ 2 รายอันเนื่องมาจากระยะทางระหว่างผู้ใช้งานทั้งสองไปถึง base station มีระยะทางแตกต่างกัน เป็นไปได้ที่ผู้ใช้รายหนึ่งฟังว่าช่องการสื่อสารนั้นว่าง และทำการส่ง packet ออกไปทั้งที่ข้อมูลของผู้ใช้อีกรายยังมาไม่ถึง ทำให้เกิดการชนกันของ packet ในช่องการสื่อสารได้

p-persistent CSMA protocols,

หลักการจะเหมือนกับ Nonpersistent CSMA protocols เว้นแต่เมื่อผู้ใช้ฟังว่าช่องการสื่อสารไม่ว่าง (busy) ใน case นี้มันจะไม่รอฟังอีกหลังจากนั้นแต่มันจะฟังค้างไว้ตลอดจนช่องการสื่อสารว่าง ถ้าว่างเมื่อไหร่ก็ทำการส่ง packet ออกไปทันที ในเหตุผลอันนี้,ในภาวะว่าช่องการสื่อสารไม่ว่าง (busy) ผู้ใช้ทั้งหมดก็จะอยู่ในภาวะที่พร้อมจะส่งได้ทันทีที่ช่องการสื่อสารว่าง และเมื่อช่องการสื่อสารว่างผู้ใช้ทั้งหมดก็จะแย่งกันส่ง packet ออกไปทันทีซึ่งนำไปสู่โอกาสสูงของการชนกันของ packet ในช่วงเวลานั้น การหลีกเลี่ยงการชนกันของ packet ที่สะสม ขณะช่องการสื่อสารไม่ว่าง (busy) ทำได้โดยเลื่อนเวลาการเริ่มต้นส่ง packet ที่สะสมออกไป โดยจัดลำดับของผู้ใช้ทั้งหมดที่จะส่ง packet เมื่อ channel ว่างด้วยโอกาส (probability) เท่ากับ p และโอกาส 1-p เป็นช่วงเวลา t seconds ที่แตกต่างกันของผู้ใช้ที่จะส่ง packet ในลำดับต่อๆไป ถ้าไม่มีผู้ใดส่ง packet ในช่วงเวลา t seconds หลังจากนั้น ผู้ใช้ที่จะส่งก็จะต้องฟัง channel อีกครั้ง และจะกลับไปสู่ขั้นตอนที่เหมือนก่อนหน้านั้น เนื่องจากการชนกันของ packet เนื่องจากเกิดการล้าช้าในการส่งข้อมูลระหว่างผู้ใช้ 2 รายอันเนื่องมาจากระยะทางระหว่างผู้ใช้งานทั้งสองไปถึง base station มีระยะทางแตกต่างกัน ทำให้เสียเวลาในการต้องส่ง packet ไปอีกครั้งหนึ่ง สำหรับในเหตุผลอันนี้ CSMA-CD (carrier sense multiple access with collision detect) protocol ได้ถูกพัฒนาขึ้น protocol ตัวนี้จะ monitoring ช่องการสื่อสารขณะส่ง ถ้ามัน detect การชนกันได้ มันก็จะหยุดส่งอย่างทันทีทันใดเพื่อ saving เวลา,1-persistent CSMA –CD protocol ได้นำไปใช้อย่างกว้างขวางใน local area computer networks และถูกกำหนดไว้เป็น standard โดย IEEE in the 802.3 standard ;อ่านอ้างอิง[1] หน้า 27-28 และ อ้างอิง[2] หน้า 348-350

Inhibit Sense Multiple Access (ISMA)

ใน CSMA protocols ผู้ใช้แต่ละรายต้องสามารถตรวจสอบ ( to sense ) ช่องการสื่อสารว่ามีผู้ใช้รายอื่นๆใช้ช่องสื่อสารอยู่หรือไม่ อย่างไรก็ตาม,โดยเฉพาะใน radio channels, การตรวจสอบช่องสื่อสารว่ามีผู้ใช้รายอื่นๆใช้งานอยู่หรือไม่ทำได้ยากมากเพราะว่าแต่ละ channels มักจะเกิดกรณี ผู้ใช้ 2 รายส่ง packet ชนกันอันเนื่องมาจากตรวจสอบไม่พบผู้ใช้อีกรายที่ใช้ช่องสื่อสารอยู่ (hidden) อันเนื่องมาจากความล่าช้าของการส่ง packet ซึ่งเป็นผลมาจากตึกสูง หรือ สิ่งกีดขวางต่างๆ ทำให้สมรรถนะของ CSMA ลดต่ำลง ดังนั้นจึงแก้ปัญหาด้วย ISMA protocol หรือบางครั้งถูกเรียกว่า BTMA ( busy tone multiple access) ISMA protocol จะเหมือนกับวิธีการของ CSMA protocol เว้นแต่แนวทางที่ผู้ใช้จะตรวจสอบช่องสื่อสารว่ามีผู้ใช้รายอื่นๆใช้งานอยู่หรือไม่ ใน CSMA จะตรวจสอบโดยการฟังว่ามีผู้ใช้รายอื่นๆใช้ช่องสื่อสารอยู่หรือไม่ แต่ใน ISMA ที่ base station จะส่งสัญญาณ busy หรือ สัญญาณ Idle ไปในแต่ละช่องการสื่อสารเพื่อแสดงสภาวะการมีอยู่หรือไม่มีอยู่ของผู้ใช้ช่องสื่อสารในขณะนั้น

อ่านอ้างอิง[1] หน้า 28

Stack Algorithm

stack algorithm ได้พัฒนาโดย Tsybakov ,ใน stack algorithm ใช้หลักการของการ feedback ซึ่งจะ feedback สถานะของข้อมูลข่าวสารที่เครื่องรับรับขณะนั้นไปยังเครื่องส่งที่ทำการแย่งกันส่งอยู่ขณะนั้น และจะยอมให้ packet ของข้อมูลข่าวสารที่สอดคล้องกันสามารถส่งตามมาได้เท่านั้น เพื่อลดการเสี่ยงการเกิดชนกันของ packet และเพิ่มโอกาสของการประสบผลสำเร็จในการส่ง packet , เมื่อ packet ถูกทำลายเมื่อเกิดการชนกัน มันจะถูกแบ่งเป็น 2 ระดับของ virtual stack ,ที่ระดับที่ 1 จะถูกส่งออกไปอย่างทันทีทันใด และ packet ที่เหลือจะรอจนกว่า packet แรกจะส่งสำเร็จ stack algorithm มีคุณสมบัติที่พิเศษมาก ดังเช่นเป็นวิธีการที่ง่าย,อัตราความสำเร็จในการส่งข้อมูลสูงมาก ( large throughput, about 0.4), และความล้าช้าในการส่งข้อมูลน้อย ในแต่ละ feedback algorithms ได้ถูกพัฒนาออกไป เช่น

  • (1) idle / success / failure feedback, (2) conflict / no conflict feedback, (3) idle / transmission feedback รายละเอียดของ algorithms ทั้ง 3 สามารถพบได้ในหนังสือ B.S. Tsybakov, “Survey of USSR contributions to random multiple access communications” IEEE Trans. Inf. Theory, Vol. IT-31, No. 2, pp. 143-145, March 1985. สมรรถนะของ stack-algorithm ในการวิเคราะห์ mobile radio channels สามารถพบได้ในหนังสือ J.A.M. Nijhof, R.D. Vossenaar and R. Prasad, “Stack algorithm in mobile radio channels” Proc. IEEE 44th Vehicular Technology Conference, Stockholm,Sweden,pp. 1193-1197,June 1994.

Random Access with Reservation

Reservation protocols เมื่อผู้ใช้ประสบความสำเร็จในการส่ง packet แรกของแถว packet ข้อมูล; ในตอนนี้ช่องสื่อสารจะถูก fixed สำหรับผู้ใช้ขณะนั้นโดยแบ่งส่วนของช่องสื่อสารให้ส่งไปจนหมด packet ข้อมูล ผู้ใช้ประสบผลสำเร็จในการจองช่องสื่อสารผู้ใช้อื่นทั้งหมดจะรู้ว่าส่วนของช่องสื่อสารจะถูกแบ่งไปสำหรับผู้ใช้ที่จองช่องสื่อสารได้เพราะว่าการสื่อสาร ของผู้ใช้จะ carried out ออกไปได้โดยปราศจากการแย่งกันและการสื่อสารถูกกำหนดเอาไว้ เมื่อผู้ใช้ส่ง packet เสร็จสิ้นมันก็จะคืนช่องสื่อสารที่จองเอาไว้ ดังนั้นผู้ใช้รายอื่นก็จะสามารถใช้ช่องสื่อสารนั้นได้ โดยมันจะอยู่ในสภาวะต้องแยกกันส่ง packet แรกของแถวให้ได้ เพื่อจะได้สามารถจองช่องสื่อสารสำหรับส่ง packet ในลำดับต่อไปได้
ตัวอย่างของ protocol ใน case นี้ได้แก่ Reservation ALOHA (r-ALOHA) และ Packet Reservation Multiple Access (PRMA)

Reservation ALOHA (r-ALOHA)

เนื่องด้วย r-ALOHA protocol จะทำการจองช่องสื่อสารใน slotted ALOHA protocol ใน slotted แรก, ใน time slots จะจัดเป็นกลุ่ม หรือ frames แต่ละ frames จะบรรจุอยู่ใน time slots เดียวกัน ในแต่ละ framesผู้ใช้อาจจะจัดเป็นหนึ่งหรือมากกว่าหนึ่ง slot ก็ได้ มี 3 รูปแบบที่จะพิจารณาดังนี้
protocol ตัวที่ 1 ออกแบบโดย Robert ในแกนของเวลาจะแบ่งเป็นแต่ละ frames แต่ละ frames แบ่งเป็น M+1 time slot ,M time slot แรกของ frames ใช้สำหรับผู้ใช้ที่จองได้อันดับแรก และ M time slot ถัดไปใช้สำหรับผู้ใช้ที่จองได้อันดับต่อไป ใน time slot สุดท้ายแบ่งเป็น V mini-slots แต่ละ mini-slots สำหรับให้ผู้ใช้ส่งคำขอจอง time slot ,Roberts’ protocol เป็นประเภทของ explicit reservation อ่านอ้างอิง[1] หน้า 30

protocol ตัวที่ 2 ออกแบบโดย Crowther, protocol ตัวนี้เป็นตัวอย่างของ implicit reservation method ใน protocol ตัวนี้ ใน frames หนึ่งๆ จะแบ่งเป็นแต่ละ time slot เท่าๆ กัน แต่ละ time slot ใช้สำหรับส่ง 1 packet ถ้าผู้ใช้มีแถวของ packet ที่ต้องการส่ง ก็ทำการส่ง packet แรกออกไปใน slot หนึ่งของ slotted ALOHA protocol ถ้า packet แรกที่ส่งออกไปประสบผลสำเร็จ ก็ทำการจอง slot นั้นเพื่อใช้ส่ง packet ต่อไปจนกระทั้งหมด packet ที่จะส่ง อ่านอ้างอิง[1] หน้า 31

protocol ตัวที่ 3 ออกแบบโดย Binder, ใน protocol ตัวนี้ มี N เท่ากับ จำนวน time slot ในแต่ละ frames และ M น้อยกว่าหรือเท่ากับ N เป็นผู้ใช้ในระบบ ผู้ใช้แต่ละรายจะกำหนดใช้ส่งใน time slot หนึ่งในแต่ละ frames อย่างถาวร ถ้า M < N , slot ที่ว่างจะไม่ถูกกำหนด protocol นี้เป็นตัวอย่างของ implicit reservation อ่านอ้างอิง[1] หน้า 31,32

Packet Reservation Multiple Access (PRMA)

Packet Reservation Multiple Access จัดอยู่ในกลุ่มของ reservation ALOHA multiple access protocols แต่มีคุณสมบัติอันหนึ่งที่ทำให้ protocol ตัวนี้แตกต่างจาก protocol ตัวอื่นอยู่เล็กน้อย โดย PRMA จะเน้นไปที่การส่ง voice , PRMA protocol จัดอยู่ในจำพวก implicit reservation protocol ใน PRMA protocol ช่องการสื่อสารจะถูกแบ่งเป็น frames ในแต่ละ frames จะแบ่งเป็นแต่ละ time slot เท่าๆ กัน ในช่วงเวลาของ frame หนึ่งจะจัดให้ใช้ส่งหนึ่ง speech packets ผู้ใช้ ที่ส่ง speech จะมีตัวจับ voice ว่ามีการส่งอยู่หรือไม่ ก่อนที่ผู้ใช้จะส่ง speech packet ต้องเก็บ speech packet ไว้ใน first-in / first-out buffer และทำการส่ง packet แรกจาก buffer ออกไปใน slotted ALOHA protocol ถ้า packet แรกไม่ถูกส่งออกไปจาก buffer ภายในเวลา 40 ms ก็จะเกิดความล้าช้าของ packet ซึ่งช่องสื่อสารจะไม่สามารถส่งได้ในช่วงเวลายาวนานกว่านี้ในหนึ่ง packet เพราะว่า speech จะไม่สามารถเข้าใจได้ ในเหตุผลอันนี้ packet อันนั้นก็สิ้นสุดไปจาก buffer และผู้ใช้ก็ทำการส่ง packet ต่อไปใน slotted ALOHA protocol ที่จองไว้ต่อไป จนหมด packet ที่เก็บไว้ใน bufferเมื่อส่ง packet ที่เก็บไว้ใน buffer จนหมดก็แสดงว่าประสบความสำเร็จในการส่ง และผู้ใช้ก็จะออกจาก buffer และทำการจอง time slot สำหรับส่งใน frames ต่อไป และจองไว้จนส่ง packet ที่เก็บไว้ใน buffer จนหมด ถ้าไม่มี packet ส่งอีกก็คืนช่องสื่อสารให้ผู้ใช้รายอื่นๆใช้ต่อไป

อ่านอ้างอิง[1] หน้า 32

CODE DIVISION MULTIPLE ACCESS (CDMA) PROTOCOLS

CDMA protocols ถูกจัดให้อยู่ระหว่าง contentionless (scheduling) protocols และ contention (random access) protocols

CDMA protocols ไม่ได้เป็น multiple access ที่แบ่งช่องสื่อสารของผู้ใช้แต่ละรายไปในความแตกต่างของ frequency หรือ time แต่จะทำการแบ่งช่องการสื่อสารของผู้ใช้ไปในความแตกต่างของ code ใน code อันนี้จะใช้ในการแปลงสัญญาณของผู้ใช้ไปใน wideband signal (spread-spectrum signal) ถ้าเครื่องรับ รับสัญญาณ multiple wideband signal เข้ามา มันก็จะใช้ code ที่กำหนดเพื่อแปลงสัญญาณ wideband signal ที่รับได้ แปลงกลับไปเป็นสัญญาณของผู้ใช้แต่ละราย ในระหว่างขบวนการนี้ power ของสัญญาณที่ต้องการ จะถูกบีบอัด (compressed) ไปใน bandwidth ของสัญญาณ original signal ขณะที่สัญญาณ wideband signal ของผู้ใช้รายอื่นที่เหลืออยู่ในสัญญาณ wideband signal และปรากฏเหมือน noise เมื่อเปรียบเทียบกับสัญญาณที่ต้องการ เช่นเดียวกันกับจำนวนของผู้ใช้ที่สอดแทรกอยู่จะต้องไม่มากเกินไป สัญญาณ signal-to-noise ratio จะต้องมากเพียงพอที่จะแยกสัญญาณที่ต้องการโดยปราศจาก error ดังนั้นใน case นี้ protocol จะตกอยู่ใน protocol ประเภท contentionless protocols อย่างไรก็ตามถ้าจำนวนของผู้ใช้เกิดขึ้นมากเกินจากขีดที่กำจัด การบีดเสียดกันของสัญญาณจะมากเกินทำให้ไม่สามารถแยกสัญญาณที่ต้องการได้ และเกิดการแย่งกันขึ้น,ดังนั้นการทำการสอดแทรกของ protocol ของสัญญาณผู้ใช้จึงถูกจำกัด, ดังนั้น protocol โดยพื้นฐานจะเป็น contentionless protocols นอกจากจะมีผู้ใช้งาน access เข้ามามากเกินในเวลาเดียวกัน protocol ก็จะเป็น contention protocols อันนี้เป็นเหตุผลที่ CDMA protocols เป็น protocol ที่ตกอยู่ระหว่าง contentionless protocols และ contention protocols

ชนิดของ CDMA protocols จัดแบ่งเป็นกลุ่มตามคุณสมบัติ โดยแบ่งตามวิธีการของการ modulation ไปใน wideband signal โดยสามารถแบ่งได้เป็น 4 ชนิดของ protocol ได้แก่

  • 1.direct-sequence CDMA (DS-CDMA)
  • 2.frequency hopping CDMA (FH-CDMA)
  • 3.time hopping CDMA (TM-CDMA)
  • 4.hybrid CDMA

ใน DS-CDMA protocol สัญญาณ original signal จะถูก modulated ไปบน carrier และหลังจากนั้นก็ถูกนำไปรวมกับ binary code sequence ด้วย bandwidth ที่มากกว่า bandwidth ของ original signal มาก, แถบของ spectrum ของสัญญาณ original signal, ถูกแปลงไปในสัญญาณ wideband signal และสัญญาณ wideband signal ที่ถูก modulated ก็ถูกส่งผ่าน channel ไปรวมกับ modulated signal ของผู้ใช้รายอื่น ดังนั้นที่เครื่องรับจะรับทั้ง สัญญาณของเรารวมกับสัญญาณของผู้ใช้รายอื่น เครื่องรับสามารถแยกสัญญาณของเรา กับสัญญาณของผู้ใช้รายอื่นด้วย code sequence ของแต่ละ original signal , ความเกี่ยวพัน (correlation) ระหว่างสัญญาณที่ต้องการและ code sequence ของสัญญาณ original signal นั้นจะต้องมีความหมายซึ่งกันและกันเนื่องจากสัญญาณที่เราต้องการจะ generated โดยใช้ code sequence, ถ้า cross-correlations ของ code sequences ของผู้ใช้รายอื่นและ code sequences ของสัญญาณ original signal มีค่าน้อย,ดังนั้นหลังจากเทียบค่ากัน อัตรา power ratio ของสัญญาณของเราและสัญญาณของผู้ใช้รายอื่นจะมีค่ามาก ดังนั้นสัญญาณของเราก็จะสามารถ demodulated และ original data ก็สามารถแปลงกลับมาได้โดยปราศจาก orrer

อ่านอ้างอิง[1] หน้า 35

ใน FH-CDMA protocol ,wideband channel จะแบ่งไปใน frequency band มีขนาดเท่ากับ bandwidth ของสัญญาณ original ของผู้ใช้ ระหว่างที่สัญญาณของผู้ใช้ส่งออกไป,carrier frequency จะเปลี่ยนแปลงเป็นช่วงๆ เป็นผลมาจากผู้ใช้งานpattern ของความถี่ที่เปลี่ยนแปลงไปเป็นไปตามการกำหนด code ของผู้ใช้ ที่เครื่องรับ ตัว demodulator จะจับการเปลี่ยนแปลงของ carrier frequency เมื่อทำการ demodulating สัญญาณ เราสามารถแยก FH-CDMA protocol ออกเป็น 2 ชนิด คือ fast frequency hopping protocols และ slow frequency hopping protocols ใน fast frequency hopping protocols การเปลี่ยนแปลงของ frequency band จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว การเปลี่ยนแปลงแต่ละครั้งเท่ากับ 1 bit และถูกส่งไปในแต่ละ frequency band เพราะว่าความแตกต่างของ code ที่กำหนดไปยังผู้ใช้จะเป็นหนึ่งเดียวเฉพาะที่ส่งไปใน frequency bands ระหว่างที่มี bit ของผู้ใช้รายอื่นส่งอยู่ด้วย ดังนั้น power ของ bit ที่ต้องการที่รับมาจะสูงกว่า power ของผู้ใช้รายอื่น ดังนั้น bit ที่เราต้องการจึงสามารถแยกออกมาได้ สำหรับ slow frequency hopping protocols ,อัตราการการเปลี่ยนแปลงของ frequency band จะต่ำมาก ระหว่างการเปลี่ยนแปลง frequency band หนึ่งครั้ง จะมี หลาย bit ถูกส่งออกไป เพราะว่าความแตกต่างของ code ทำให้ gain ของ bit ของผู้ใช้รายอื่นที่ส่งใน frequency band เดียวกันจะต่ำเมื่อเทียบกัน bit ที่เราส่งไป ดังนั้นสัญญาณที่เราต้องการสามารถแยกออกได้ โดยการสอดแทรกและใช้ error-correcting code เรารับรองว่าการส่ง bit ข้อมูลรวมไปกับ bit ของผู้ใช้รายอื่น ใน frequency band เดียวกัน bit ข้อมูลของเราสามารถแยกออกมาได้อย่างถูกต้อง

ใน TH-CDMA protocols สัญญาณของผู้ใช้จะไม่ส่งอย่างต่อเนื่อง มันจะส่งในช่วงเวลาสั้นๆ (burst) การเริ่มต้นส่งในแต่ละ burst โดยแต่ละ code ที่กำหนดไปยังผู้ใช้ เพราะว่าสัญญาณจะถูกส่งไปเป็นช่วงเวลา มันจำเป็นต้องใช้ bandwidth กว้างมากระหว่างช่วงเวลาที่ส่ง เปรียบเทียบกับ FH-CDMA protocol เราจะเห็นว่า TH-CDMA protocol จะใช้ wide-band spectrum ทั้งหมดส่งออกไปในช่วงเวลาสั้นๆ แทนที่จะส่งแถบ spectrum ออกไปตลอดเวลา โอกาสของผู้ใช้รายอื่นๆที่จะส่งพร้อมกันในเวลาเดียวกันมีน้อยมาก เพราะว่า code ที่กำหนดไปในผู้ใช้ แต่ละรายมีความแตกต่างกัน ถ้ามีผู้ใช้สองรายส่งในเวลาเดียวกัน ดังนั้นสัญญาณที่เราต้องการสามารถแยกออกได้ โดยการสอดแทรกและใช้ error-correcting code ,เรารับรองว่าการส่ง bit ข้อมูลของเรารวมไปกับ bit ของผู้ใช้รายอื่นเวลาเดียวกัน bit ข้อมูลของเราสามารถแยกออกมาได้อย่างถูกต้อง

hybrid CDMA protocols จะรวมวิธีการของการ modulation ของ direct sequence, frequency hopping, หรือ time hopping protocols มาใช้ modulated ใน wideband signal การใช้วิธีการรวมกันของการ modulation ทำให้มีข้อได้เปรียบกว่าวิธีการ modulation ที่ได้เสนอไป

อ่านอ้างอิง[1] หน้า 34,35,36


เอกสารอ้างอิง

  • [1] : CDMA for wireless personal communications; Ramjee Prasad; AH Artech House Publishers
  • [2] : Data and Computer Communications ,Third Edition ; William Stallings

 

[ home ] [ back ]