สำนักงาน ผู้บังคับทหารอากาศดอนเมือง
ประวัติ , ผังการจัด
ทำไม? จึงเข้มงวดเรื่องทำบัตรผ่าน
การขอบัตรผ่านเข้า-ออก เขต ทอ.
การขับขี่ยานพาหนะในเขต ทอ.
กำหนดการปิด-เปิด ช่องทาง ทอ.
การขอใบอนุญาตประเภทบุคคล
การใช้ยานพาหนะในเขต บก.ทอ.
กฎ ระเบียบ แบบธรรมเนียม ทอ.
ส.ค.ส. 2541 พระราชทานสู่ชาวไทย
กองทัพอากาศของท่าน
Royal Thai Air Force Day
งบประมาณ กองทัพไทย ปี 41
นโยบาย ทอ. ปีงบประมาณ 41
ข่าวสารในกิจการของทหารไทย
มาร์ชสี่เหล่า และเพลงปลุกใจ
การตรวจเยี่ยมสายวิทยาการ สห.
โครงการ สขว.ทอ.

โทรศัพท์ฉุกเฉิน ทอ.
แจ้งเหตุด่วน, เหตุร้าย 191
เพลิงไหม้ 192
รถพยาบาลฉุกเฉิน 194
อากาศยานอุบัติเหตุ 196
พัน.สห.ทอ. 2-2197 - 9
ศูนย์รวมข่าวดับเพลิง 2-2126,7
ศูนย์รับแจ้งเหตุ ทอ.ทุ่งสีกัน 3-0065
สถานีดับเพลิงย่อยทุ่งสีกัน 2-2129, 3-0083
ศูนย์โทรศัพท์กลาง ทอ. 523-6151, 523-6161



 Supreme Command Headqurters, Royal Thai Armed Forces"



กรมธนารักษ์
|

พระราชบัญญัติ
เรือนจำทหาร พุทธศักราช ๒๔๗๙
-----------------------
ในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมนิดล
คณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
(ตามประกาศประธานสภาผู้แทนราษฎร ลงวันที่ ๒๐ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๔๗๘)
อาทิตย์ทิพอาภา
เจ้าพระยายมราช
พล.อ.เจ้าพระยาพิชเยนทรโยธิน
ตราไว้ ณ วันที่ ๒๙ มีนาคม พุทธศักราช ๒๔๗๘
เป็นปีที่ ๓ ในรัชกาลปัจจุบัน
โดยที่สภาผู้แทนราษฎรลงมติว่า สมควรจัดการเรือนจำฝ่ายทหารเสียใหม่เพื่อให้เหมาะสมแก่กาลสมัย
จึงมีพระบรมราชโองการให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้ โดยคำแนะนำและยินยอมของสภาผู้แทนราษฎร ดังต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติเรือนจำทหาร พุทธศักราช ๒๔๗๙"
มาตรา ๒ ให้ใช้พระราชบัญญัตินี้ตั้งแต่วันที่ ๒๙ มีนาคม พุทธศักราช ๒๔๗๙ เป็นต้นไป
มาตรา ๓ ตั้งแต่วันใช้พระราชบัญญัตินี้เป็นต้นไป ให้ยกเลิกบรรดากฎหมาย กฎ และข้อบังคับอื่น ๆ
ที่เกี่ยวกับเรือนจำทหารเสียทั้งสิ้น
มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัตินี้
- (๑) "เรือนจำ" หมายความว่า ที่ซึ่งรัฐมนตรี หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรี กำหนดให้
เป็นเรือนจำของทหาร
- (๒) "ผู้ต้องขัง" หมายความรวมตลอดถึง นักโทษ คนต้องขัง และคนฝาก
- (ก) "นักโทษ" หมายความว่า บุคคลซึ่งถูกจำคุกภายหลังคำพิพากษาถึงที่สุด
- (ข) "คนต้องขัง" หมายความว่า บุคคลที่ถูกขังไว้ตามหมายขัง
- (ค) "คนฝาก" หมายความว่า บุคคลผู้ถูกฝากให้ควบคุมไว้ในเรือนจำของทหาร
- (๓) "รัฐมนตรี" หมายความว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
มาตรา ๕ ให้รัฐมนตรีมีอำนาจกำหนดอำนาจและหน้าที่ของผู้บังคับบัญชาเรือนจำและเจ้าพนักงาน เรือนจำ ตลอดจนเงื่อนไขที่จะปฏิบัติตามอำนาจและหน้าที่นั้น
มาตรา ๖ เจ้าพนักงานเรือนจำจะรับบุคคลได้ไว้เป็นผู้ต้องขขังในเรือนจำได้ต่อเมื่อได้รับหมายของ ศาลทหาร หรือหมายขังของผู้มีอำนาจสั่งลงโทษ หรือเอกสารอันเป็นคำสั่งของเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจ
มาตรา ๗ การย้ายผู้ต้องขังจากเรือนจำของทหารไปเรือนจำของฝ่ายพลเรือนหรือย้ายผู้ต้องขัง
จากเรือนจำของฝ่ายพลเรือนมาเรือนจำของฝ่ายทหารนั้น ให้เป็นไปตามความตกลงระหว่างรัฐมนตรีใน
พระราชบัญญัตินี้ กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงซึ่งบังคับบัญชาการราชทัณฑ์
ผู้ต้องขังที่ถูกย้ายดังกล่าวแล้ว ให้มีฐานะอย่างเดียวกับผู้ต้องขังในเรือนจำที่เข้าไปอยู่ใหม่
มาตรา ๘ ผู้ต้องขังต้องอยู่ในบังคับกฎหมายเช่นเดียวกับทหารประจำการ
มาตรา ๙ เมื่อผู้ต้องขังคนใดกระทำความผิด ซึ่งมีลักษณะอย่างที่ผู้บังคับบัญชาทหารจะลงทัณฑ์
ทางวินัยแก่ทหารผู้กระทำผิดได้โดยไม่ต้องนำคดีนี้ขึ้นศาลแล้ว ก็ให้อำนาจผู้บังคับบัญชาเรือนจำ หรือ
เจ้าพนักงานเรือนจำสั่งลงทัณฑ์ทางวินัยตามมาตรา ๑๐ ได้ภายในเงื่อนไขที่รัฐมนตรีกำหนด
นอกจากนั้น ความผิดฐานประทุษร้ายแก่ทรัพย์ของเรือนจำอันเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ดี ฐานพยายาม
จะหลบหนีก็ดี ให้เป็นไปตามบทบัญญัติในวรรคก่อน
มาตรา ๑๐ ทัณฑ์ทางวินัยที่จะลงแก่ผู้ต้องขังนั้น มีดังนี้
- (๑) ภาคทัณฑ์
- (๒) งดหรือลดสิทธิต่าง ๆ โดยมีกำหนดเวลา
- (๓) ขังเดี่ยวไม่เกินสามเดือน
- (๔) ขังห้องมืดไม่มีเครื่องหลับนอนไม่เกินสี่สิบแปดชั่วโมงในสัปดาห์หนึ่งโดย
ความเห็นชอบของแพทย์ฝ่ายทหาร
- (๕) ขังหรือเพิ่มเครื่องพันธนาการ
มาตรา ๑๑ ห้ามใช้เครื่องพันธนาการแก่ผู้ต้องขัง เว้นแต่
- (๑) เป็นบุคคลที่น่าจะทำอันตรายต่อชีวิตหรือร่างกายของตนเองหรือผู้อื่น
- (๒) เป็นบุคคลวิกลจริต หรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบอันอาจเป็นภยันตรายต่อตนเอง
หรือผู้อื่น
- (๓) เป็นบุคคลที่น่าจะพยายามหลบหนีการควบคุม
- (๔) เมื่อถูกคุมตัวไปนอกเรือนจำ เจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ควบคุมเห็นเป็นการสมควรที่จะต้องใช้เครื่องพันธนาการ
- (๕) เมื่อเป็นการสมควรจะต้องใช้เครื่องพันธนาการ เนื่องแต่สภาพของเรือนจำ สภาพของ
เหตุการณ์ หรือสภาพการณ์ของท้องถิ่น
มาตรา ๑๒ ผู้บังคับบัญชาเรือนจำ หรือเจ้าพนักงานเรือนจำอาจใช้หรือสั่งให้ใช้อาวุธแก่ ผู้ต้องขังได้ ภายในบังคับ ดังนี้
- (ก) ใช้อาวุธอื่นนอกจากอาวุธปืน ในกรณี
- (๑) เมื่อปรากฎว่าผู้ต้องขังกำลังหลบหนี หรือพยายามจะหลบหนี และไม่มีทาง
ป้องกันอย่างอื่นนอกจากใช้อาวุธ
- (๒) เมื่อผู้ต้องขังก่อการวุ่นวาย หรือพยายามใช้กำลังเปิด หรือทำลายส่วนหนึ่ง
ส่วนใดของเรือนจำ
- (๓) เมื่อปรากฎว่าผู้ต้องขังจะทำร้ายเจ้าพนักงานหรือผู้อื่น
- (ข) ใช้อาวุธปืนในกรณี
- (๑) ผู้ต้องขังไม่ยอมวางอาวุธ เมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้วาง
- (๒) ผู้ต้องขังกำลังหลบหนีไม่ยอมหยุด ในเมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้หยุดและไม่มีทางอื่นที่จะจับกุมได้
- (๓) ผู้ต้องขังตั้งแต่สามคนขึ้นไป ก่อการวุ่นวายหรือพยายามใช้กำลังเปิด หรือ
ทำลายส่วนหนึ่งส่วนใดของเรือนจำ หรือทำร้ายเจ้าพนักงานหรือผู้อื่นและไม่ยอมหยุดในเมื่อ
เจ้าพนักงานสั่งให้หยุด
- อนึ่ง ในการจับกุมผู้หลบหนีภายในยี่สิบสี่ชั่วโมง นับตั้งแต่เวลาที่หนีไป เจ้าพนักงาน
เรือนจำอาจใช้อำนาจตามมาตรานี้ได้โดยอนุโล
มาตรา ๑๓ ถ้าผู้ต้องขังได้รับบาดเจ็บสาหัส หรือถึงตายในขณะช่วยเหลือเจ้าพนักงานผู้กระทำการ
ตามหน้าที่ก็ดี ในขณะทำการตามหน้าที่ของตนอันอาจเป็นอันตรายต่อความปลอดภัย หรือชีวิตของผู้ต้องขัง
ก็ดี ถ้าเป็นนักโทษ ก็ให้ได้รับสิทธิหรือาประโยชน์ตามมาตรา ๑๔ โดยควรแก่พฤติการณ์ หรือถ้าเป็นผู้ต้องขัง
อื่น รัฐมนตรีจะกำหนดเงือนไขให้รางวัลเป็นจำนวนตามสมควรก็ได้
มาตรา ๑๔ นักโทษคนใดมีความประพฤติดี มีความอุตสาหะ ความก้าวหน้าในการศึกษา และการงาน เกิดผลดี หรือทำความชอบแก่ราชการเป็นพิเศษ อาจได้รับประโยชน์อย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง ดังต่อไปนี้
- (๑) ให้ได้รับความสะดวกเป็นพิเศษในเรือนจำตามเงื่อนไขที่รัฐมนตรีกำหนดไว้
- (๒) เลื่อนชั้น
- (๓) ตั้งให้มีตำแหน่งหน้าที่ช่วยเหลือเจ้าพนักงานเรือนจำ
- (๔) ลาไม่เกิน ๔ วัน ในคราวหนึ่ง โดยไม่รวมเวลาที่ต้องใช้ในการเดินทางเข้าด้วย เมื่อมี
ความจำเป็นอย่างประจักษ์เกี่ยวด้วยกิจธุระสำคัญ หรือกิจการในครอบครัว แต่ห้ามมิให้ออกไปนอก
ราชอาณาจักรสยาม และต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่รัฐมนตรีกำหนดระยะเวลาที่อนุญาตให้ลานี้ให้หัก ออกจากคำนวณกำหนดโทษ
- (๕) พักการลงโทษภายในเงื่อนไขที่รัฐมนตรีกำหนด
แต่การพักลงโทษนี้ จะพึงกระทำได้ต่อเมื่อนักโทษได้รับมาแล้วไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของกำ
หนดโทษที่ต้องรับ ถ้าเป็นกรณีที่ต้องโทษจำคุกตลอดชีวิต ต้องได้รับโทษมาแล้วไม่น้อยกว่าสิบปี
ทั้งนี้ให้วางเงื่อนไขที่นักโทษผู้ได้รับการพักโทษจะต้องปฏิบัติให้มีระยะเวลาไม่น้อยกว่าหนึ่งปี
เว้นแต่กำหนดโทษที่ต้องรับต่อไปเหลือน้อยกว่าหนึ่งปี ก็ให้กำหนดเงื่อนไขเท่าระยะเวลาที่เหลือนั้น
นักโทษที่ได้รับอนุญาตให้ลาหรือพักการลงโทษนั้น ไม่พ้นจากฐานะเป็นผู้ต้องขังในเรือนจำ
ตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๑๕ นักโทษที่ได้รับอนุญาตให้ลาก็ดี หรือได้รับการพักลงโทษก็ดี ถ้าไม่ปฏิบัติตาม
เงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่งซึ่งรัฐมนตรีกำหนด นักโทษผู้นั้นอาจถูกจับโดยไม่ต้องมีหมายนำเข้าจำคุกต่อไป
ตามกำหนดโทษที่ยังเหลืออยู่ กับอาจถูกลงทัณฑ์ทางวินัยอีกโสดหนึ่งด้วย
ถ้าระหว่างการพักลงโทษ นักโทษผู้นั้นต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษ เพราะกระทำความผิด
ขึ้นอีก ซึ่งมิใช่ความผิดฐานลหุโทษหรือประมาท ให้เพิกถอนการพักลงโทษเสีย และให้จับตัวนักโทษผู้นั้น
โดยไม่ต้องมีหมายนำเข้าจำคุกต่อไปตามกำหนดโทษที่ยังเหลืออยู่ กับอาจลงทัณฑ์ทางวินัยอีกโสด หนึ่ง ด้วยก็ได้
มาตรา ๑๖ ในกรณีเหตุฉุกเฉินอันอาจเป็นอันตรายต่อชีวิต หรือความปลอดภัยของผู้ต้องขัง
ถ้าเจ้าพนักงานหรือเรือนจำไม่สามารถจะย้ายผู้ต้องขังไปควบคุมไว้ ณ ที่อื่นได้ทันท่วงที จะปล่อยผู้ต้องขัง
ไปชั่วคราวได้ แต่ผู้ต้องขังที่ถูกปล่อยนั้นต้องกลับไปเรือนจำหรือไปรายงานตนยังที่ตั้งหน่วยทหารหรือ
ที่ว่การอำเภอภายในกำหนดยี่สิบสี่ชั่วโมงนับตั้งแต่เวลาท่ปล่อยไป และต้องปฏิบัติตามคำสั่งของ
เจ้าหน้าที่นั้น ๆ ถ้าผู้ต้องขังที่ถูกปล่อยไปละเลยไม่ปฏิบัติดังกล่าวนี้ ให้ถือว่ามีความผิดฐาน หลบหนี การควบคุม
มาตรา ๑๗ เมื่อแพทย์ฝ่ายทหารได้ยืนรายงานแสดงความเห็นว่าผู้ต้องขังคนใดป่วยเจ็บและ
ถ้าคงรักษาพยาบาลอยู่ในเรือนจำจะไม่ทุเลาดีขึ้น รัฐมนตรีจะอนุญาตให้ผู้ต้องขังคนนั้นไปรักษาตัวใน
สถานที่อื่นใดนอกเรือนจำ โดยมีเงื่อนไขอย่างใดดแล้วแต่จะเห็นสมควรก็ได้
ในกรณีดังกล่าวมาในวรรคก่อน มิให้ถือว่าผู้ต้องขังนั้นพ้นจากฐานะคุมขังในเรือนจำและถ้า
ผู้ต้องขังไปเสียจากสถานที่ซึ่งได้รับอนุญาตให้ไปรักษาตัว ให้ถือว่ามีความผิดฐานหลบหนีการควบคุม
มาตรา ๑๘ ภายในบังคับแห่งบทบัญญัติว่าด้วยการร้องทุกข์ตามพระราชบัญญัติวินัยทหารและ
การอภัยโทษ เปลี่ยนโทษหนักเป็นเบา หรือลดโทษตามพระราชบัญญัตินี้ ผู้ต้องขังยังมีสิทธิ์ที่จะยื่นเรื่องราว
ใด ๆ ต่อเจ้าพนักงานเรือนจำ ผู้บังคับบัญชาเรือนจำ รัฐมนตรี หรือทูลเกล้า ฯ ถวายฎีกาต่อพระมหากษัตริย์
ได้ตามหลักเกณฑ์หรือวิธีการที่รัฐมนตรีกำหนด
มาตรา ๑๙ ทรัพย์สินที่ผู้ต้องขังนำเข้ามาหรือเก็บรักษาไว้ในเรือนจำโดยมิได้รับอนุญาต
เพื่อการนั้นโดยชอบจากเจ้าพนักงานเรือนจำ ถ้าเป็นสิ่งต้องห้ามตามเงื่อนไขที่รัฐมนตรีกำหนด ให้
ผู้บังคับบัญชาเรือนจำริบเป็นของแผ่นดิน ถ้าเป็นสิ่งมีสภาพเป็นของสดเสียได้ หรือเป็นของอันตราย
หรือโสโครกให้ผู้บังคับบัญชาเรือนจำสั่งทำลายได้
สิ่งของอันจะเก็บรักษาไว้ในเรือนจำไม่ได้ เนื่องจากขนาด น้ำหนัก หรือสภาพและผู้ต้องขัง
ไม่สามารถรับฝากไว้แก่ผู้อื่นได้ ผู้บังคับบัญชาเรือนจำอาจสั่งให้ทำลายหรือขายทอดตลาดเสียได้
เงินจำนวนสุทธิที่ขายทอดตลาดได้ให้เก็บไว้ให้แก่ผู้ต้องขัง
มาตรา ๒๐ ทรัพย์สินของผู้ต้องขังที่ตกค้างอยู่ในเรือนจำ ให้ผู้บังคับบัญชาเรือนจำสั่งริบเป็นของ แผ่นดินได้ ในกรณีต่อไปนี้
- (๑) ผู้ต้องขังหลบหนีพ้นกำหนดสามเดือน นับจากวันหลบหนี
- (๒) ผู้ต้องขังถูกปล่อยตัวแล้วไม่รับทรัพย์สิน หรือรางวัลของตนไปภายในกำ
หนดหนึ่งปีนับจากวันปล่อยตัว
- มาตรา ๒๑ นักโทษที่ถูกปล่อยให้พ้นโทษไปนั้นมีสิทธิได้รับใบสำคัญในการปล่อย
- มาตรา ๒๒ ให้นำบทบัญญัติในภาค ๗ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาว่าด้วย
อภัยโทษเปลี่ยนโทษหนักเป็นเบาและลดโทษ มาใช้บังคับแก่กรณีผู้ต้องคำพิพากษาของศาลทหาร
สิทธิและหน้าที่ใดที่กำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ผู้บัญชาการเรือนจำ และพัศดีนั้น
ในพระราชบัญญัตินี้ให้เป็นสิทธิและหน้าที่ของรัฐมนตรี ผู้บังคับบัญชาเรือนจำ และเจ้าพนักงานเรือนจำแล้วแต่กรณี
- มาตรา ๒๓ ผู้ใดเข้าไปเรือนจำโดยมิได้รับอนุญาตก็ดี หรือบังอาจรับจากหรือส่งมอบแก่
ผู้ต้องขังนำเข้ามมาหรือเอาออกไปจากเรือนจำซึ่งเงินหรือสิ่งของต้องห้ามโดยทางใด ๆ อันฝ่าฝืน
ข้อบังคับของเรือนจำก็ดี ผู้นั้นมีความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินห้าร้อยบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
- ถ้าผู้กระทำผิดเป็นผู้บังคับบัญชาเรือนจำ หรือเจ้าพนักงานเรือนจำ ให้เพิ่มโทษเป็นทวีคูณ
- เงินและสิ่งของต้องห้ามที่นำเข้ามาในเรือนจำโดยฝ่าฝืนมาตรานี้ ให้ริบเป็นของแผ่นดิน
- มาตรา ๒๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีหน้าที่รักษาการให้เป็นไปตามพระราช
บัญญัตินี้และมีอำนาจออกข้อบังคับ เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
(ลงชื่อ) พ.อ. พหลพลพยุหเสนา
- นายกรัฐมนตรี
-------------------------------------------------------------------
๑) มาตรา ๒๒ แก้ไขใหม่โดยมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติเรือนจำทหาร (ฉบับที่ ๒)
พ.ศ.๒๕๐๐
- หมวด ๗
ข้อบังคับทหาร ว่าด้วยเรือนจำ
|
เหตุด่วน, เหตุร้าย แจ้ง ศูนย์ควบคุมและสั่งการ พัน.สห.ทอ. โทร. 534-2117 - 9 ทอ. 2-2197 - 9
แจ้งเบาะแสแหล่งอบายมุข, ยาเสพติดให้โทษ, แหล่งการพนัน ผบ.พัน.สห.ทอ. โทร. 534-2113 โทรสาร. 523-7596
E-mail:dmbc4@ksc.th.com
|
|