คุณแดงต้อย ดำสำริด อายุ ๕๕ ปี รับราชการเป็นเจ้าหน้าที่ ประจำห้องทดลองอยู่ที่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ถนน อังรีดูนังต์ กรุงเทพฯ เล่าว่า
ได้มาที่วัดพระธรรมกาย และรู้สึกประทับใจวัด ตรงที่ได้พบเจ้าหน้าที่ของวัดที่ดีมากๆ คอยดูแลต้อนรับสาธุชน ที่มาวัด ด้วยใบหน้าที่ ยิ้มแย้มแจ่มใส สุภาพอ่อนน้อม ทำให้มองลึกลงไปว่า ที่เจ้าหน้าที่ของวัด ดีขนาดนี้ แสดงว่า จะต้องมีครูบาอาจารย์ที่ดี ซึ่งก็คือ พระเดช พระคุณ หลวงพ่อ และพระอาจารย์ทุกรูปในวัด ที่ให้การอบรมสั่งสอน
คุณแดงต้อยได้มาร่วมงานบุญใหญ่ ที่วัดจัดขึ้นตลอด ไม่เคยพลาด และได้เป็นผู้นำบุญ ชักชวนคนให้มาทำบุญ เข้าวัดปฏิบัติธรรม และ ยังสามารถเชิญชวนคน ให้มาร่วมบุญสร้าง พระธรรมกายประจำตัว ได้ถึงหนึ่งร้อยกว่าองค์
คุณแดงต้อยมีโรคประจำตัวอยู่คือ หมอนรองกระดูกเสื่อม และกระดูกสันหลัง ทับเส้นประสาทที่ขา ทำให้ปวดขามาก และมีอาการชา อย่างรุนแรง มากขึ้นทุกวัน เมื่อไปโรงพยาบาล คุณหมอบอกว่า ต้องทำการผ่าตัด เพราะถ้าทิ้งไว้นานเกินไป อาจจะเดินไม่ได้ ตลอดชีวิต ซึ่ง ก่อนหน้านั้น คุณหมอได้ให้ไปตรวจเอ็กซ์เรย์ ที่โรงพยาบาลจุฬาฯ ซึ่งก่อนจะเข้าเครื่องเอ็กซ์เรย์ จะต้องถอดโลหะทุกชนิด ที่มีอยู่ในตัวออก เช่น แหวน สร้อย นาฬิกา แม้กระทั่ง ฟันปลอมที่เป็นโลหะ ก็ต้องถอดออก
เพราะคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากเครื่องเอ็กซ์เรย์ จะวิ่งเข้าไปสู่หัวใจโดยผ่านโลหะ ที่ติดอยู่กับตัว ซึ่งเป็นอันตรายมาก
ก่อนเข้าเครื่องเอ็กซ์เรย์ จะต้องนอนบนเตียง แล้วมัดแขน ขา และตรงส่วนท้อง ให้แน่นติดกับเตียง ไม่ให้ร่างกายขยับเขยื้อนได้ ซึ่ง หมอจะมัด อย่างแน่นหนามาก จนไม่สามารถที่จะขยับตัวได้เลย
ในขณะที่คุณแดงต้อยเข้าเครื่องเอ๊กซ์เรย์อยู่นั้น จู่ๆ คุณหมอก็บอกให้คุณแดงต้อยนอนนิ่งๆ อย่าขยับไปมา คุณหมอบอกว่า อ่านฟิลม์ ไม่ได้เลย เพราะภาพเลื่อนไปเลื่อนมา คุณแดงต้อยก็คิดในใจว่า มัดออกแน่นหนาขนาดนี้ จะขยับไปได้อย่างไร คงจะต้องมีอะไร ผิดปกติแน่ๆ จึงได้ตั้งจิตอธิษฐาน กับรูปพระมหาสิริราชธาตุ ที่ใส่ไว้ในกระเป๋าถือ วางไว้ในห้องใกล้ๆ เตียงว่า
ลูกจะทำการผ่าตัด ขอให้ทุกอย่างดำเนินไปโดยเรียบร้อย ขอให้ท่านได้มาคุ้มครอง ลูกให้ปลอดภัยด้วย การเอ๊กซ์เรย์ผ่านไปได้ด้วยดี
เมื่อเสร็จเรียบร้อย เจ้าหน้าที่มาเปิดเครื่อง เพื่อนำตัวคุณแดงต้อย ออกมาจากเครื่องเอ็กซ์เรย์ แต่แล้วคุณแดงต้อย และทุกคนที่อยู่ใน ห้องเอ็กซ์เรย์ ก็ต้องตกใจอย่างมาก เพราะเจ้าหน้าที่คนนั้น ร้องเสียงดังมาก เหมือนกับตกใจกลัว อะไรบางอย่าง บอกว่า หนูกลัวๆ เพื่อนๆ ของเขา ก็เข้ามาถามว่า เห็นอะไร เขาบอกว่า ตัวอะไรก็ไม่รู้ดำๆ เคลื่อนไหวได้ คล้ายๆ งู ดูเหมือนจะบังทับอะไรบางอย่าง ซึ่งอยู่ที่ใต้เตียง เอ็กซ์เรย์ ที่คุณแดงต้อยนอนอยู่
เจ้าหน้าที่อีกคน จึงเดินเข้าไปใต้เตียงดูใกล้ๆ แล้วพูดว่า ใครทำกุญแจตกไว้ในเครื่องเอ็กซ์เรย์ (ซึ่งก็คือกุญแจปิดเปิด ของเครื่องเอ็กซ์เรย์ นั้นนั่นเอง) คุณแดงต้อยได้ยินแล้ว ใจหายมาก และนึกขอบคุณ พระมหาสิริราชธาตุอย่างมาก นั่นหมายถึง ท่านมาคุ้มครอง ให้ปลอดภัย ไม่ได้ มีอันตรายจาก คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ที่จะวิ่งเข้าสู่หัวใจ ผ่านกุญแจ ดอกนั้นนั่นเอง
เมื่อทำการเอ็กซ์เรย์แล้ว ก่อนจะถึงวันที่คุณหมอนัดให้มาผ่าตัด คุณแดงต้อยรู้สึกกลัว กับการผ่าตัดมาก จึงสวดสรรเสริญ พระมหา สิริราชธาตุ ทุกเช้าก่อนจะไปทำงาน และอธิษฐานกับรูปภาพ พระมหาสิริราชธาตุว่า ถ้าจะผ่าตัด ขอให้ผ่านวันงานบุญทอดกฐิน ในวันที่ ๑ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๑ ไปก่อน
วันที่ ๒๖ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๑ คุณหมอโทรมาบอกว่า ให้เข้าโรงพยาบาลด่วน เพราะคุณหมอ จะต้องไปดูงานที่ต่างประเทศ ถ้าพ้นจาก ช่วงนี้ไป จะไม่มีเวลาว่างอีก เพราะคิวผ่าตัดจะยาวมาก
ถึงกระนั้น คุณแดงต้อยก็ยังขอทำเรื่อง เลื่อนการผ่าตัด ทั้งที่คุณหมอ ทักท้วงอีกว่า จะต้องรออีกนาน ถึงจะมีคิวผ่าตัด แต่คุณแดงต้อย ก็ยังยืนยันว่า เธอรอได้ ทำให้เธอสามารถ มาร่วมงานบุญทอดกฐินได้
ต่อมาในคืนวันที่ ๓ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๑ คุณหมอก็โทรมาจากโรงพยาบาลมาบอกว่า มีคิวผ่าตัด ให้เข้าโรงพยาบาล วันพรุ่งนี้ได้ เลย นับว่าเป็นอานุภาพบุญจริง ที่คิวการผ่าตัดว่างพอดี ทำให้ไม่ต้องรอนาน
เย็นวันรุ่งขึ้น เธอจึงไปโรงพยาบาล เพื่อรับการผ่าตัด แต่ยังมีความกลัวว่า หลังผ่าตัดแล้วจะเดินไม่ได้ เพราะมีคนยกตัวอย่าง ผู้ที่เคย ผ่าตัดแล้ว เป็นอัมพาต และในคืนนั้น เธอรู้สึกว่า เหมือนครึ่งหลับครึ่งตื่น เห็นผู้ชายแต่งชุดอุบาสกสี่คน มายืนอยู่ที่ข้างเตียงด้านขวา รูปร่าง หน้าตางดงามมาก แต่ผิวหนังที่แขนไม่ใช่ผิวคนธรรมดา แต่เป็นผิวสีชมพู และเป็นมันลื่นๆ มาบอกว่า ไม่ต้องกลัว จะคอยดูแลให้ จะปลอดภัย ทุกอย่าง พวกเราอยู่ในรูปที่คุณมีอยู่
ทำให้เธอนึกถึงว่า ต้องเป็นรูปภาพ พระมหาสิริราชธาตุ กรอบพญานาค สีทอง ซึ่งตัดออกมาจากปกเทป ที่เธอนำติดตัวไปด้วย และ ก่อนนอน หรือขณะเข้าห้องผ่าตัด ก็จะนำภาพนั้น มาสวดอธิษฐาน ขอให้การผ่าตัดครั้งนี้ปลอดภัย และสามารถเดินได้เหมือนเดิม
เช้าวันที่ ๕ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๑ เธอจึงเข้ารับการผ่าตัด ใช้เวลาในการผ่าตัดประมาณ ๕ ชั่วโมง เมื่อฟื้นขึ้นมา คุณหมอบอกให้ ลองขยับเท้าดู เธอก็สามารถทำได้ คุณหมอบอกว่า ดีมาก การผ่าตัดครั้งนี้ คุณหมอพอใจมาก
เธอนอนพักฟื้นอยู่เพียง ๔ วันเท่านั้น วันที่ ๕ คุณหมอก็ลองให้เดิน โดยใช้อุปกรณ์ช่วยพยุงในการเดิน (walker) ช่วยยัน ซึ่งก็สามารถ เดินได้ คุณหมอบอกว่า กลับบ้านได้แล้ว เธอจึงถามเพื่อความมั่นใจอีกว่า ๕ วันผ่าตัดกระดูกหลัง กลับบ้านได้แล้วหรือคะ คุณหมอก็ตอบมาว่า กลับบ้านได้แล้ว คุณแข็งแรงดี และการเดินก็เป็นปกติดี ดิฉันจึงขออนุญาตคุณหมออยู่โรงพยาบาลต่ออีก ๔ วัน แล้วจึงกลับบ้าน นับว่าเร็วมาก เพราะบางคนอยู่โรงพยาบาล ๒ อาทิตย์แล้ว คุณหมอยังไม่อนุญาตให้กลับบ้านเลย
ทุกวันนี้อาการก็ดีขึ้น เป็นลำดับ แต่ก็มีบางครั้ง ที่ยังมีอาการปวดหลังอยู่บ้าง เธอจะทำน้ำมนต์ดื่ม โดยอาราธนา พระมหาสิริราชธาตุ ใส่ไว้ในแก้วน้ำ หรือบางวันปวดมาก ก็จะอาราธนาให้ท่าน มาวนรอบๆ บริเวณที่ผ่าตัดนั้น คุณแดงต้อยทำเช่นนี้ อย่างต่อเนื่อง อาการปวด ต่างๆ ก็หายไป
ฟังเรื่องนี้แล้ว น่าใจหายใจคว่ำ ที่เจ้าหน้าที่โรงพยาบาล ทำกุญแจหล่น อยู่ในเครื่องเอ็กซเรย์ เท่ากับชีวิตเสี่ยงอันตรายเต็มที แต่ยังดี ที่คนป่วยนึกถึง พระมหาสิริราชธาตุ แม้เป็นเพียงรูปภาพ ที่นำติดกระเป๋าถือมาด้วย นาคเทวาท่านได้มาช่วยชีวิตไว้ ส่วนเจ้าหน้าที่ ผู้ที่ร้อง เสียงดังลั่น คงเป็นเพราะมองเห็นเป็นภาพ งูสีดำตัวใหญ่น่ากลัว จึงตกใจ พญานาคคงแสดงตัว บังกุญแจ ไม่ให้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า จากเครื่อง ทำอันตรายหัวใจคุณแดงต้อย
ความฝันของคนป่วยยืนยันชัดเจนว่า เป็นความช่วยเหลือของพญานาค ที่อยู่ในรูปภาพ พระมหาสิริราชธาตุ กรอบพญานาค ท่าน สามารถติดตามดูแลช่วยเหลือ ผู้เป็นเจ้าของได้เสมอ ขอเพียงให้เจ้าของระลึกถึงท่านเท่านั้น จะมีองค์พระจริง หรือเพียงรูปภาพ ท่านก็รับทราบ และช่วยเหลือทันที
[สารบัญ] [๒๕๒] [๒๕๓] [๒๕๔] [๒๕๕] [๒๕๖] [๒๕๗]
[๒๕๘] [๒๕๙] [๒๖๐] [๒๖๑] [๒๖๒] [๒๖๓] [๒๖๔] [๒๖๕]