แก้วมังกรพันธุ์ใหม่จากไต้หวันเนื้อสีแดง ปลูกง่าย รสชาติดี หวานจัด มีคุณค่าทางอาหารสูง
กำลังเป็นที่นิยมของผู้บริโภค เนื่องจากสีสันที่สวยงามน่ารับประทาน ราคาขายค่อนข้างดีเนื่องจากยังมีผู้ปลูกน้อยราย
ไม่เพียงพอแก่ความต้องการ สนใจต้นพันธุ์แก้วมังกรแดง ติดต่อได้ที่สวนกัลปพฤกษ์
|
|
|
การปลูกแก้วมังกรและข้อมูลด้านต่าง ๆ
ลักษณะของต้นแก้วมังกร - แก้วมังกร หรือลูกมังกร (Dragon Fruit)
เป็นพืชตระกูลเดียวกับตะบองเพชร ในตระกูล Hylocereus spp.
ลำต้นสีเขียวดั่งมังกรจึ่งเรียกต้นของมันว่า ต้นมังกรเขียว(Green Dragon)
เมื่อออกผลมาดูคล้าย ลูกแก้ว มีลักษณะลำต้นอวบน้ำเป็นแฉกสามแฉก มี
หนามกระจุกอยู่ที่ข้างตาเป็นช่วง ๆ มีลักษณะคล้ายต้นโบตั๋น
แต่ต้นโบตั๋นใช้ปลูกเป็นไม้ดอกไม้ประดับ
เพราะดอกของโบตั๋นหลังจากบานแล้วจะเหี่ยวและร่วงหล่นไป
โดยไม่มีผลติดอยู่
ข้อควรระวังในการเลือกซื้อพันธุ์แก้วมังกร
ด้วยความคล้ายคลึงกันของแก้วมังกรและโบตั๋น
จึงทำให้มีพ่อค้าจอมโกงบางคนนำกิ่งพันธุ์ของต้นโบตั๋นมาขาย
โดยอ้างว่าเป็นกิ่งพันธุ์ของต้นแก้วมังกรดังนั้น
จึงเป็นข้อควรระวังสำหรับผู้ที่กำลังหากิ่งพันธุ์มาปลูก
ลักษณะดอกและผลแก้วมังกร
เมื่อดอกบานเต็มที่จะเหี่ยวและร่วงหล่นโดยส่วนโคนดอกจะเป็นรูปกลมรีหรือรูปไข่
ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 3-4 นิ้ว และยาวประมาณ 4 6 นิ้ว
มีน้ำหนักระหว่าง 200 500 กรัม เปลือกมีสีสันสดใส สีแดงอมชมพู
โดยมีบางส่วนของกลีบดอกเล็ก ๆ ติดอยู่ที่ผลสีเขียว ทำให้ดูสวยงามสะดุดตา
เมื่อผ่าผลออกมาจะพบว่าเนื้อในมีสีขาวขุ่น ภานในมีเมล็ดเล็ก ๆ สีดำคล้าย
เมล็ดงาดำหรือแมงลักฝังตัวกระจายอยู่ทั่วไป
เป็นจำนวนมาก
การปลูกแก้วมังกร
แก้วมังกรเป็นไม้เลื้อยลำต้นอ่อนจำเป็นต้องมีหลักให้ลำต้นเกาะยึดซึ่งหลักจะเป็นไม้เนื้อแข็งหรือเสาซีเมนต์ก็ได้
ถ้าใช้ท่อซีเมนต์เป็นเสาซึ่งรูปทรงกลมภายในกลวงแต่เทปูนไว้ก้นท่อเพื่อไว้ใส่น้ำหล่อเลี้ยงให้เสามีความชุ่มชื้นอยู่เสมอ
ฝังท่อซีเมนต์ลงในดินประมาณ 40 50 ซม. ต้องสูงจากพื้นดินประมาณ 1.5 2 เมตร
ด้านบนของเสาทำเป็นร้านให้กิ่งเกาะแผ่ขยายออกไประยะปลูก 3 x 3 เมตร
เตรียมหลุมขนาด 30x30x30 ซม. รอบ ๆ หลัก หลักละ 4 หลุม สำหรับปลูกหลุมละ 1
ต้น รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยหมักเก่า 1 ปุ้งกี๋
เมื่อนำกิ่งพันธุ์ลงหลุมแล้วมัดกิ่งพันธุ์ให้แนบหลักและกันแดดให้ 1 2
สัปดาห์
การให้ผลผลิต
ต้นแก้วมังกรที่เติบโตจากการใช้กิ่งปักชำเมื่ออายุได้ประมาณ 8
10 เดือน จะให้ผลผลิต การเริ่มออกดอก จะออกบริเวณปลายกิ่ง
มีลักษณะคล้ายดอกโบตั๋น คือมีสีเหลืองอมชมพูซึ่งสวยงามมาก จะบานในเวลากลางคืน
อยู่ได้ประมาณ 2 3 วัน จะเหี่ยวและร่วงไป
เหลือผลที่มีกลีบเลี้ยงหุ้มหลังจากนั้นประมาณ 1 เดือน
ผลจะแก่และเก็บเกี่ยวได้ โดยปกติใน 1 ปี ต้นแก้วมังกรจะให้ผลผลิตได้ประมาณ 4
รุ่น ตั้งแต่ พฤษภาคมถึง สิงหาคม ของทุกปี
ต้นแก้วมังกรจะเริ่มให้ดอกชุดแรกในเดือนมีนาคมและดอกชุดสุดท้ายในเดือนกรกฎาคม
ลูกแก้วมังกรที่เก็บเกี่ยวจากต้นแล้วถ้านำมาใส่ถุงพลาสติกแล้วแช่เย็นจะสามารถเก็บรักษาได้ประมาณ
15 วัน
โดยไม่เหี่ยวและเป็นการเพิ่มความหวานให้กับผลด้วย
การดูแลรักษาระหว่างปลูก โดยทั่วไปการปฏิบัติดูแลรักษาระหว่างปลูกค่อนข้างสะดวกเพราะเป็นพืชทนแล้วจึงไม่จำเป็นต้องให้น้ำมากเหมือนไม้ผลอื่น
ๆ แต่ก็ควรหาเศษหญ้าแห้ง ฟาง หรือ
แกลบเป็นวัสดุคลุมโคนต้นไว้เพื่อช่วยรักษาความชื้นของดินและป้องกันวัชพืชให้ปุ๋ยคอก
เสริมด้วยปุ๋ยเคมี 2 3 เดือนต่อครั้ง โดยให้ปุ๋ยคอกหลักละประมาณ 1 ปุ้งกี๋
ส่วยปุ๋ยเคมีควรใช้ปุ๋ยสูตร 15-15-15 หลักละ 1-2 ช้อนแกง
และอาจมีการให้ปุ๋ยเคมีทางน้ำเสริมโดยเติมสาหร่ายทะเลสกัดทั้งนี้
ควรสังเกตความเจริญและการให้ผลของต้นแก้วมังกร ถ้าต้นยังงอกงามและให้ผลผลิตดี
ก็ไม่จำเป็นต้องให้ปุ๋ยมากเกินไป
โรคและแมลงที่สำคัญ
ยังพบไม่มากจะมีเพียงมดและนกเท่านั้นสำหรับมดเมื่อพบว่ามีมากอาจสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงแก่ผู้ปลูกได้
จึงจะใช้วิธีกำจัดโดยใช้สารเคมีฉีดพ่นพร้อมทั้งสารจับใบ
ส่วนนกนับว่าเป็นศัตรูที่สำคัญไม่น้อย
เพราะนกจะเข้าจิกทำลายในขณะที่ผลกำลังใกล้แก่
ซึ่งวิธีป้องกันทำได้โดยการห่อผล
การตลาดรองรับ
ผู้ที่ปลูกแก้วมังกรเพื่อการค้า
ถึงแม้ว่าขณะนี้ผลไม้ชนิดนี้กำลังเป็นที่จับตามอง เพราะราคาค่อนข้างสูง
และเป็นที่ต้องการของต่างประเทศก็ตาม
แต่ก็ยังไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะเป็นพืชเศรษฐกิจอีกชนิดหนึ่งได้หรือไม่เพราะยังไม่แน่ว่าในอนาคตหากมีการปลูกกันมากขึ้น
เกษตรจะประสบปัญหาด้านตลาดหรือราคาเหมือนเช่นที่พืชเศรษฐกิจบางชนิดเคยได้รับมา
การลงทุนและผลตอบแทน
เนื่องจากแก้วมังกรเป็นไม้ผลที่ให้ผลผลิตต่อไร่สูงถึง 8,000
12,000 กก. (เมื่ออายุ 3 ปีขึ้นไป) และอายุการให้ผลผลิตยาวนานถึง 10 15 ปี
หากระดับราคาหน้าสวนลดลงมาอยู่ในราคาประมาณ 30 บาท/กก.
เกษตรกรผู้ปลูกก็ยังมีกำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 150,000 บาท / ไร่
ใช้เวลาปลูกเพียง 3 ปี ก็คืนทุนแต่การลงทุนครั้งแรกค่อนข้างสูงถึง 80,000
120,000 บาท/ไร่
|