อุทยานแห่งชาติเอราวัณ.....Erawan National Park
|
บทนำ
|
บันทึกแห่งกำเนิด
|
จุดเด่นและสถานที่ท่องเที่ยว
|
การเดินทาง
|
แผนที่เดินทาง
|
ที่พักในอุทยาน
|
|
ที่พักใกล้เคียง
| แผนที่อุทยาน |
บันทึกแห่งความทรงจำ
|
ระเบียบอุทยาน
|
อุทยานแห่งชาติเอราวัณ
อุทยาน
แห่งชาติเอราวัณครอบคลุมอยู่ในพื้นที่อำเภอเมือง อำเภอศรีสวัสดิ์ อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี น้ำตกเอราวัณเป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ ด้วยอาณาเขตกว้างขวางประกอบไปด้วยภูเขาสูง หน้าผา น้ำตก ถ้ำ และทิวทัศน์ที่งดงามตามธรรมชาติ ทั้งการคมนาคมที่สะดวก จึงทำให้อุทยานแห่งชาติเอราวัณเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวเป็นอันมาก โดยมีเนื้อที่ประมาณ 550 ตารางกิโลเมตร หรือ 343,750 ไร่
บันทึกแห่งกำเนิด
สมัย
จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรีได้มีมติการประชุมเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2502 ให้กระทรวงเกษตรฯดำเนินการจัดตั้งป่าเทือกเขาสลอบ ท้องที่จังหวัดกาญจนบุรี และป่าอื่นๆในท้องที่จังหวัดต่างๆรวม 14 ป่า ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่ดำเนินการสำรวจหาข้อมูลเบื้องต้น ตั้งแต่ พ.ศ. 2504-2516 โดยใช้บริเวณน้ำตกเอราวัณเป็นศูนย์กลางการสำรวจ พบว่าบริเวณป่าเทือกเขาสลอบ จังหวัดกาญจนบุรี มีธรรมชาติที่สวยงามเป็นพิเศษ และมีทรีพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ตามรายงานผลการสำรวจ อุทยานแห่งชาติเขาสลอบ ลงวันที่ 29 พฤษภาคม 2516 แต่ทั้งนี้พื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตหวงห้ามที่ดิน ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามที่ดิน ในท้องที่อำเภอเมือง อำเภอวังขนาย อำเภอบ้านทวน และอำเภอวังกะ จังหวัดกาญจนบุรี ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 55 ลงวันที่ 17 ตุลาคม 2481 โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและกระทรวงมหาดไทย มีหน้าที่รักษาการให้เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว กรมป่าไม้จึงรายงานให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แจ้งให้กระทรวงกลาโหมและกระทรวงมหาดไทย ตามหนังสือที่ กส.0705/20251 และ 20252 ลงวันที่ 7 พฤศจิกายน 2515 ของเพิกถอนพื้นที่เขตหวงห้ามที่ดินบางส่วนที่เป็นป่าเทือกเขาสลอบ เพื่อเป็นพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ซึ่งคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติได้มีมติในการประชุมครั้งที่ 6/2517 เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2517 เห็นชอบให้จัดตั้งอุทยานแห่งชาติได้ และให้ใช้ชื่อว่า"อุทยานแห่งชาติเอราวัณ" ตามความนิยมและคุ้นเคยของประชาชนที่รู้จักน้ำตกเอราวัณเป็นอย่างดี เมื่อกระทรวงกลาโหมตามหนังสือที่ กห.0318/23505 ลงวันที่ 21 สิงหาคม 2517 และกระทรวงมหาดไทยไม่ขัดข้อง กรมป่าไม้จึงได้ดำเนินการของเพิกถอนที่ดินหวงห้ามบริเวณดังกล่าว ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2518 และได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดที่ดินบริเวณป่าเขาสลอบ ในท้องที่ตำบลไทรโยค ตำบลท่าเสา ตำบลลุ่มสุ่ม อำเภอไทรโยค ตำบลหนองเป็ด ตำบลท่ากระดาน อำเภอศรีสวัสดิ์ และตำบลช่องสะเดา อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2518 ซึ่งประกาศไว้ในราชกิจจานุเบกษาเล่ม 92 ตอนที่ 114 ลงวันที่ 19 มิถุนายน 2518 นับเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งที่ 12 ของประเทศ
จุดเด่นและสถานที่ท่องเที่ยว
ลักษณะภูมิประเทศ
อุทยาน
แห่งชาติเอราวัณ มีลักษณะเป็นพื้นที่ภูเขาสูงชันอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 165.966 เมตร สลับกับพื้นที่ราบ โดยภูเขาส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาหินปูน(Lime stone) ในแถบตะวันออกของพื้นที่จะยกสูงขึ้นเป็นแนว โดยเฉพาะบริเวณใกล้น้ำตกเอราวัณ จะมีลักษณะเป็นหน้าผา ในพื้นที่ซีกตะวันออกจะมีลำห้วยที่สำคัญคือ ห้วยม่องไล่ และห้วยอมตะลา ซึ่งไหลมาบรรจบกันกลายมาเป็นน้ำตกเอราวัณ ทางตอนเหนือของพื้นที่จะพบห้วยสะแดะ และห้วยหนองมน โดยห้วยสะแดะจะระบายน้ำลงสู่เขื่อนศรีนครินทร์ ส่วนห้วยหนองมนจะไหลไปรวมกับห้วยไทรโยค ก่อให้เกิดน้ำตกไทรโยค ส่วนทางด้านทิศใต้เป็นต้นกำเนิดของลำห้วยหลายสาย เช่น ลำห้วยเขาพัง ก่อให้เกิดน้ำตกที่สวยงามซึ่งเรียกกันว่าน้ำตกเขาพัง หรือน้ำตกไทรโยคน้อย
ลักษณะภูมิอากาศ
อุทยานแห่งชาติเอราวัณ แบ่งออกเป็น 3 ฤดูกาล คือ
ฤดูฝน
ระหว่างเดือนพฤษภาคม-ตุลาคม
ฤดูหนาว
ระหว่างเดือนพฤศจิกายน-มกราคม
ฤดูร้อน
ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน
แต่อุทยานแห่งชาติเอราวัณ ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้และตะวันออกเฉียงเหนือช่วยพัดพาให้เกิดฝน เนื่องจากพื้นที่อยู่ในเขตเงาฝน จึงมีปริมาณน้ำฝนตกไม่มากนักและอากาศค่อนข้างร้อน จากลักษณะอากาศดังกล่าว จึงไม่เป็นปัญหาต่อการเที่ยวชมอุทยานฯในแต่ละฤดู
พันธุ์ไม้และสัตว์ป่า
สภาพป่า
ส่วนใหญ่เป็นป่าเบญจพรรณ ประกอบด้วยพันธุ์ไม้ที่สำคัญ ได้แก่ มะค่าโมง ตะเคียนทอง มะกอก ยมหอม ตะแบก ฯลฯ นอกนั้นเป็นป่าเต็งรัง มีพันธุ์ไม้คือ เต็ง รัง เหียง พลวง พะยอม เป็นต้น
สัตว์ป่าประกอบไปด้วยสัตว์นานาชนิด ได้แก่ นกแว่น นกกระแตแต้แว้ด ไก่ฟ้าพญาลอ นกกะปูด นกกางเขนดง นกสาลิกา นกขุนทอง ชะนี เก้ง กวาง หมูป่า กระต่ายป่า กระรอกบิน เสือ เป็นต้น
จุดเด่นที่น่าสนใจ
น้ำตกเอราวัณ
เป็นน้ำตกที่มีระยะทางยาวประมาณ 1,500 เมตรติดต่อกัน ซึ่งแบ่งออกเป็นชั้นๆได้ 7 ชั้นด้วยกัน แต่ละชั้นมีความสวยงาม ร่มรื่นไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ ทั้งเถาวัลย์พันเกี่ยวทอดตัวไปบนต้นไม้ใหญ่ กล้วยไม้ป่าหลายชนิดบนคาคบไม้ สายธารน้ำที่ไหลตกลดหลั่นลงมาบนโขดหินสู่แอ่งน้ำเบื้องล่าง และเสียงเพรียกของนกป่า ทำให้สภาพความเป็นธรรมชาติสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น นับเป็นบรรยากาศที่เรียกเอาความมีคุณค่าของป่าเขาลำเนาไพรซึมซับเข้าสู่อารมณ์ของผู้ใฝ่หาความสันโดษ และรักธรรมชาติโดยแท้จริง ในชั้นที่ 7 อันเป็นชั้นบนสุดของน้ำตก เมื่อมีน้ำตกไหลบ่าจะมีรูปคล้ายหัวช้างเอราวัณจนคนทั่วไปรู้จักและขนานนามว่าน้ำตกเอราวัณ
น้ำตกผาลั่น
เป็นน้ำตกชั้นเดียวมีน้ำเฉพาะฤดูฝนเท่านั้น
ถ้ำพระธาตุ
เป็นถ้ำที่สวยงาม มีหินงอกหินย้อยสวยงามมาก อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 790 เมตร อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานประมาณ 12 กิโลเมตร
ถ้ำวังบาดาล
เป็นถ้ำขนาดใหญ่ แบ่งเป็นห้องๆ มีหินงอกหินย้อย ที่เป็นประกาย รูปลักษณะต่างๆกัน อยู่ที่ ตำบลท่าเสา อำเภอไทรโยค อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานประมาณ 54 กิโลเมตร
เส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติ
เส้นทางขันหมากหมูกลิ้ง
เป็นเส้นทางเดินเท้าระยะทาง 1,390 เมตร เป็นเส้นทางเดินเป็นวงกลม เริ่มจากสถานที่จอดรถและวนกลับมาลานจอดรถเหมือนเดิม เป็นเส้นทางเดินสบาย ใช้เวลาในการเดินตลอดเส้นทาง ประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง โดยตลอดเส้นทางจะปรากฎความหลากหลายของสังคมพืช สามารถจำแนกชนิดของป่าออกตาม ลักษณะของสังคมพืชได้เป็น 2 ชนิด คือ ป่าเบญจพรรณ และป่าเต็งรัง
เส้นทางนี้เหมาะสำหรับบุคคลทั่วไป เป็นเส้นทางเดินที่ไม่ลำบากมากนัก จุดเด่นของเส้นทางนี้ก็คือ ว่านขันหมากและกล้วยไม้ดินหมูกลิ้งที่มีมากในเส้นทาง
สถานีในเส้นทางนี้ประกอบด้วย บ้านโบราณ-ผู้ย่อยสลาย-พรมธรรมชาติ-เหลือแต่ตอ-ยาอายุวัฒนะ- หญ้าที่สูงที่สุดในโลก-ความพิการของต้นไม้-หมูกลิ้ง-สังคมใหม่
เส้นทางเขาหินล้านปี
เป็นเส้นทางเดินเท้ายาวประมาณ 1,940 เมตร เริ่มต้นจากลานจอดรถไปบรรจบกับ เส้นทางในน้ำตกบริเวณสะพานน้ำตกชั้นที่ 4 ใช้เวลาเดินประมาณสองชั่วโมง
ตลอดเส้นทางจะปรากฏความหลากหลายของสังคมพืช สามารถจำแนกลักษณะของป่าออกเป็น 3 ชนิด คือ ป่าเบญจพรรณ ป่าดิบแล้งและป่าเต็งรัง และในเส้นทางนี้จะมีจุดชมวิวที่สวยงามหลายจุด สามารถมองเห็น น้ำตก(หัวช้างเอราวัณ) ในฤดูน้ำหลากได้ชัดเจนที่สุด และใกล้ที่สุดอีกด้วย
เส้นทางนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความท้าทาย และจะต้องมีสภาพร่างกายที่แข็งแรงพอสมควร จุดเด่นของเส้นทางนี้ จะเป็นภูเขาหินปูนและความหลากหลายทางธรรมชาติ
สถานี้ในเส้นทางนี้ประกอบด้วย การทดแทน-บ้านโบราณ-บ้านเลียงผา-เล็กพริกขี้หนู-กล้วยไม้ดิน-หินแยก- จันทร์ผาล้านปี-ป่าเต็งรัง-อัญมณีแห่งป่า-เขาหินล้านปี-ผาไทรงาม-ป่าดิบแล้ง
เส้นทางป่าดิบแล้งม่องไล่
เป็นเส้นทางเดินเท้ายาวประมาณ 1,010 เมตร เป็นเส้นทางเดินเลียบริมห้วยม่องไล่ เริ่มจากสะพานค่ายพัก ไปบรรจบเส้นทางเดินในน้ำตกชั้นที่ 3 เส้นทางจะเลาะแนวน้ำตกเกือบตลอดเส้นทาง สภาพป่าในเส้นทางนี้จะเป็นป่าดิบแล้ง และป่าทดแทน
เส้นทางนี้เหมาะสำหรับบุคคลที่ชอบเดินสบายไม่ลำบากมากนัก และมีความต้องการที่จะเดินชมน้ำตก เหมาะสำหรับบุคคลทุกวัย
จุดเด่นของเส้นทางนี้อยู่ที่ความหลากหลายของป่าดิบแล้ง ที่มีพรรณไม้หลากหลายชนิด และความร่มรื่นของเส้นทาง และได้ชมน้ำตกด้วย
สถานี้ในเส้นทางประกอบไปด้วย กระจอกที่ไม่กระจอก-รากไม้มหัศจรรย์-การปรับตัวของไม้ใหญ่-ภัยธรรมชาติ- แก่หรือไม่แก่-เกิดจากป่า-ภัตตาคารป่า-ชีวิตใหม่ในป่าทดแทน
เส้นทางถ้ำวังบาดาล
เป็นเส้นทางเดินเท้ายาวประมาณ 1,350 เมตร เริ่มต้นจากหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเอราวัณ (วังบาดาล) ผ่านป่าไผ่และป่าดิบแล้ง ใช้เวลาเดินทางประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ตลอดเส้นทางจะพบพืชที่ไม่ค่อยได้พบบ่อยครั้งนัก เช่น เห็ดถ้วยและดอกดิน ที่จะพบได้ในฤดูฝน
เส้นทางนี้เป็นเส้นทางสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะไปชมถ้ำวังบาดาล จุดเด่นของเส้นทางนี้ก็คือ ถ้ำวังบาดาลนั่นเอง
สถานีในเส้นทางประกอบไปด้วย หญ้าหนามที่แข็งที่สุดในโลก-แหธรรมชาติ-ไม้มหัศจรรย์-ป่าดิบแล้ง-ค้ำยัน-ถ้ำวังบาดาล
อุทยานแห่งชาติและอุทยานประวัติศาสตร์
ในจังหวัดกาญจนบุรีมีอุทยานฯหลายแห่งด้วยกัน ได้แก่
อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์
อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ
อุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์
อุทยานแห่งชาติเขาแหลม
อุทยานแห่งชาติไทรโยค
อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์
การเดินทาง
การเดินทางจากกรุงเทพฯไปกาญจนบุรี
รถยนต์
ไปตามถนนเพชรเกษมหรือไปตามถนนบรมราชชนนี ผ่านนครชัยศรี นครปฐม บ้านโป่ง ท่ามะกา ท่าม่วง ถึงจังหวัดกาญจนบุรี ระยะทาง 129 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง
รถโดยสารธรรมดา
ออกจากสถานีขนส่งสายใต้ทุก 15 นาที ตั้งแต่เวลา 04.00-20.00 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร.(02) 434-5557-8
รถโดยสารปรับอากาศ
ออกจากสถานีขนส่งสายใต้ รถปรับอากาศชั้นหนึ่งออกทุก 15 นาที ตั้งแต่เวลา 05.00-22.30 น. รถปรับอากาศชั้นสองออกทุก 20 นาที ตั้งแต่เวลา 05.10-20.30 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.(02) 435-5012,435-1199
รถไฟ
ออกจากสถานีรถไฟบางกอกน้อยวันละ 2 เที่ยว เวลา 7.50 น. และ 13.45 น. แวะจอดที่สถานีกาญจนบุรี สะพานข้ามแม่น้ำแคว ท่ากิเลน สถานีน้ำตก สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร.(02) 411-3102
วันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดราชการ มีรถไฟเที่ยวพิเศษ นำเที่ยวไปกลับภายในวันเดียว รายละเอียดสอบถามได้ที่ โทร. (02) 223-7010,223-7020,225-6964
การเดินทางภายในจังหวัด
จากสถานีขนส่งกาญจนบุรี ถนนแสงชูโต มีรถโดยสารไปยังอำเภอและสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เช่น บ่อพลอย หนองปรือ น้ำตกเอราวัณ น้ำตกเขาพัง น้ำตกไทรโยคใหญ่ ทองผาภูมิ และสังขละบุรี รายละเอียดสอบถามได้ที่ สถานีขนส่งกาญจนบุรี โทร.(034) 511-182
การเดินทางจากตัวเมืองกาญจนบุรีไปยังอุทยานแห่งชาติเอราวัณสามารถใช้ได้ 2 เส้นทาง คือ
สายที่ 1
เริ่มต้นจากจังหวัดกาญจนบุรีไปตามทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 323 ถึงเขตของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเขื่อนศรีนครินทร์ ข้ามสะพานไปยังตลาดเขื่อนศรีนครินทร์ แล้วจึงเลยเข้าไปยังที่ทำการอุทยานฯ ระยะทางทั้งสิ้นประมาณ 66 กิโลเมตร
สายที่ 2
เดินทางมาจากอุทยานแห่งชาติไทรโยค จะมีเส้นทางบริเวณบ้านวังใหญ่อยู่ตอนใต้น้ำตกไทรโยคน้อยประมาณ 6 กิโลเมตร ลัดออกไปบ้านโป่งปัดบริเวณเขื่อนท่าทุ่งนาระยะทางประมาณ 19 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายไปตามถนนหมายเลข 323 อีกประมาณ 30 กิโลเมตร
สถานที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวก
อุทยาน
แห่งชาติเอราวัณ มีบ้านพักไว้บริการนักท่องเที่ยวจำนวน 5 หลัง ราคา 250 บาท(พักได้ 4 คน) , ราคา 500 บาท(พักได้ 8 คน) , ราคา 800 บาท(พักได้ 12 คน) , ราคา 1,000 บาท(พักได้ 15 คน)
และมีค่ายพักแรม 3 หลัง ราคาหลังละ 500 บาท ยังมีสถานที่กางเต้นท์ โดยนำเต้นท์มากางเอง จะเสียค่าธรรมเนียมคนละ 5 บาท ต่อคืน
ในบริเวณอุทยาน มีไฟฟ้าให้ใช้ตลอด 24 ชั่วโมง มีร้านอาหารบริการทุกวัน
บันทึกแห่งความทรงจำ
ขอเชิญท่านที่เคยท่องเที่ยวหรือมีความทรงจำถึงอดีตต่ออุทยานแห่งชาติเอราวัณ บันทึกเรื่องราวของท่าน เพื่อเป็นการระลึกถึง
บันทึกเรื่องราวของท่านและเข้าเยี่ยมชมบันทึกได้ที่นี่
บันทึกจากประสบการณ์
อ่านเรื่องราวจากประสบการณ์ของเพื่อนๆที่เคยเดินทางไปท่องเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติเอราวัณได้ที่นี่