ปีที่ 2 ฉบับที่ 817 ประจำวันศุกร์ที่ 8 เดือนตุลาคม พ.ศ. 2542

หน้า 1

ศิษย์วัดต้านกรมศาสนา ตั้ง "สมภาร"
พระธัมมชโย อาการดีขึ้น

หมอพรชัยอัดหมอตำรวจ ใจดำ ไม่หวั่นถูกแพทยสภาสอบ กรมการศาสนาเดินหน้าต่อ ฝันแก้กฎนิคหกรรมให้จงได้ พร้อมจี้พระปกครอง ตรวจสอบคุณสมบัติพระทัตตชีโว ด้านศิษย์วัด ฮือต้านเอาคนอื่นมาปกครองวัด ไม่เหมาะสม ตั้งคำถามเงินที่สร้างวัด เป็นของใคร ขบวนมารถล่มธรรมกายอีก เปิดรัฐสภายำรอบ 2 โดยกล่าวหาว่าสอนเพี้ยน กุเทพ ใสกระจ่าง มั่ว อ้าง บรรจบ บรรณรุจิ คือ ดร.เบญจ์ มหาเถียน ยืนยันพระนิพพานเป็นอนัตตา สมพร เทพสิทธา ราวีมหาเถรสมาคม ไม่ต้องมีก็ได้

พระธัมมชโยอาการดีขึ้น
คณะแพทย์ของโรงพยาบาลกรุงเทพ ได้เข้าตรวจอาการพระธัมมชโย ตั้งแต่เวลาประมาณ 09.00 น.วานนี้ (7 ต.ค.) ที่ห้อง 9 D-18 ซึ่งพระธัมมชโยนอนรักษาตัวอยู่ และได้สรุป อาการ ให้ นางสาวกรียดา วิชัยธนพัฒน์ หัวหน้าประชาสัมพันธ์ เป็นผู้แถลงต่อสื่อมวลชนว่า อาการดีขึ้นตามลำดับกินอาหารได้ ไอเป็นระยะ นอนหลับได้ดี ไม่มีอาการหอบ เสียงยังแหบและยังมีอาการเจ็บคอ

ส่วนการรักษา คณะแพทย์ได้ ให้ยาเบาหวาน ยาฆ่าเชื้อ ยาขยายหลอดลม และยังต้องทำกายภาพบำบัดเคาะปอด สำหรับอาการของโรคเบาหวาน ซึ่งเป็นโรคประจำตัวของ พระธัมมชโย ไม่มีอาการรุนแรง

คนถูกฟ้าผ่าตายแล้ว
น.พ.พรชัย พิญญพงศ์ แพทย์ประจำมูลนิธิธรรมกาย เปิดเผยว่า นายคำนึง เสมพูล อายุ 30 ปี ศิษย์วัดพระธรรมกาย ที่ถูกฟ้าผ่า ขณะกำลังร่วมฉลอง วันค้นพบวิชชาธรรมกาย ที่บริเวณมหาธรรมกายเจดีย์ เมื่อวันศุกร์ที่ 24 กันยายนที่ผ่านมา ได้เสียชีวิตลงแล้ว เมื่อเวลา 11.00 น.วานนี้ (7 ต.ค.) ขณะพักรักษาตัว ที่โรงพยาบาลเอกปทุม จังหวัดปทุมธานี เนื่องจาก หลังถูกฟ้าผ่า สมองขาดออกซิเจน เป็นเวลานาน แต่ช่วยชีวิต ด้วยการปั้มหัวใจฟื้นคืนชีพ แต่สมองไม่ฟื้น ทำให้ระบบร่างกายแย่ลง ทั้งนี้ ญาติจะนำศพไปบำเพ็ญกุศล ที่จังหวัดพิษณุโลกต่อไป

ส่วนอาการของพระธัมมชโย น.พ.พรชัย กล่าวว่า อาการโดยรวมดีขึ้น สดชื่นขึ้น เนื่องจากได้พักเต็มที่ แต่ยังไออยู่ตลอด จากการตรวจส่องกล้องตรวจลำคอ พบว่ากล่องเสียงอักเสบ แพทย์จึงสั่งให้งดใช้เสียงเด็ดขาด 2 สัปดาห์ สำหรับอาการดังกล่าวคาดว่าเนื่องจากเป็นไข้หวัดเรื้อรังกว่า 2 สัปดาห์และไม่ได้พักผ่อน 

อัดหมอตำรวจใจดำ
น.พ.พรชัยกล่าวว่า เป็นเรื่องของเกณฑ์มาตรฐาน เกณฑ์ในใจของแพทย์ที่ไปตรวจต่างกัน ส่วนตนคิดว่า ถ้าพระธัมมชโยไปพบกับอัยการ แล้วอาการทรุดลง ก็ไม่อยากให้ไป แต่แพทย์ของโรงพยาบาลตำรวจคิดว่า ถ้าเดินทางไปพบอัยการแล้ว คงไม่ถึงกับตาย ซึ่งคิดว่า ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ก็ว่ากันไป ตามข้อเท็จจริง พระธัมมชโยก็ป่วยมาตลอด 2 สัปดาห์ และตนก็ดูแลมาตลอด ขณะที่แพทย์โรงพยาบาลตำรวจมาตรวจแค่กว่า 10 นาที ใช้หูฟังการเต้นของหัวใจ และตรวจดูอาการอื่นๆ เท่านั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า คณะกรรมาธิการการศาสนาฯ และพุทธธรรมสภา ได้จัดเสวนาเรื่อง "เสวนาหาความจริง ใครทำลายพระพุทธศาสนา" ตอนที่ 2 มี ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง ส่วนผู้ร่วมเสวนาประกอบด้วย พระพิศาลธรรมวาที นายสมพร เทพสิทธา นายเสฐียรพงษ์ วรรณปก ดร.ศุภชัย ตั้งวงศ์ศานต์ พ.อ.(พิเศษ) ทองขาว พ่วงรอดพันธุ์

บรรยากาศในการเสวนาครั้งนี้ มีพุทธศาสนิกชน ให้ความสนใจมากกว่าครั้งก่อน ส่วนการดำเนินรายการ ก็เป็นไปด้วยดี ไม่มีการกระทบกระทั่งกัน โดยมีสาเหตุมาจาก ผู้ดำเนินรายการ ได้เปลี่ยนรูปแบบ ให้ผู้แสดงความคิดเห็น เขียนคำถามลงกระดาษ โดยไม่ให้พูดออกไมโครโฟน เลยไม่มีการโต้เถียงกันเกิดขึ้น

สำหรับเนื้อหาการเสวนานั้น ส่วนมากยังเน้นไปที่กรณีของวัดพระธรรมกาย โดยผู้ร่วมเสวนาพากันโจมตีข้อวัตรปฏิบัติว่า ไม่ถูกต้องตามหลักพระธรรมวินัย มีการสอนธรรมะผิดๆ ซึ่งทำให้เกิดการแตกแยกกันในหมู่ชาวพุทธ

สมพรชี้ตำรวจจับดร.เบญจ์
นายสมพร ให้ความเห็นว่า คนที่ทำลายศาสนา คือ พุทธบริษัท ที่ทำตัวเป็นปกปักษ์กับพระพุทธศานา อาจจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม ซึ่งผลกระทำของบุคคลเหล่านั้น ทำให้เกิด วิกฤติศรัทธาในพระพุทธศาสนา และไม่เห็นด้วยว่า ที่ฆราวาสจะอุปถัมภ์พระภิกษุที่ประพฤติ ไม่ถูกต้อง ตามหลักธรรมคำสอน ตอนนี้อยากจะให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จัดการคน ที่ออกหนังสือโจมตีพระธรรมปิฎก คือ ดร.เบญจ์ บาระกุล และอยากให้คนผู้นี้ เปิดเผยตัวเองออกมาเสียที อย่าต่อสู้อยู่ในมุมมืด

นายสมพรยังได้กล่าวอีกว่า ตัวการทำลายศาสนาที่สำคัญที่สุด คือ พระปลอม ที่เพียงอาศัยเครื่องนุ่งห่มของพระ ไม่ปฏิบัติตามหลักพระธรรมวินัย นำศาสนามาเป็นเครื่องมือหากิน และสร้างอำนาจให้ตัวเอง เพื่อจะยกตนให้เทียบเทียมพระพุทธเจ้า ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นไปไม่ได้

นายเสฐียรพงษ์ กล่าวว่า พระพุทธศาสนาไม่มีวันเสื่อม ส่วนคนที่ทำลายศาสนา คือ พวกโมฆบุรุษ จะเห็นได้ชัด ในประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นเมืองที่กำเนิดพระพุทธศาสนา แต่ผล สุดท้าย พุทธศาสนาก็ล่มสลาย ทั้งนี้ เป็นเพราะ ชาวพุทธไม่เข้าใจคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ปรับพุทธปรัชญาให้เข้ากับฮินดู จึงเป็นเหตุให้พุทธ ถูกกลืน เมื่อเห็นกรณีนี้แล้ว ชาวพุทธควรจะคิดได้

เสฐียรพงษ์ ยันนิพพานเป็นอนัตตา
สำหรับพระนิพพานนั้น เป็นอนัตตา เพราะพระพุทธเจ้าตรัสไว้เช่นนั้น ถ้าใครไม่เชื่อ ก็ไม่สมควร ที่จะอยู่ในพระพุทธศาสนา ส่วนพระนิพพานเป็นอัตตาที่เกิดขึ้น ในวัดพระธรรมกาย ไม่ใช่แบบอย่างของพระพุทธเจ้า บิดเบือนคำสอน ผู้ที่บิดเบือนคำสอน ก็เท่ากับย่ำยีพระพุทธเจ้า และถ้าต้องการเปลี่ยนเป็นมหายาน ก็ต้องออกจากวัดนี้ไป ส่วนเรื่องมหาเถรสมาคม นั้น ตนเห็นว่า ไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ เพราะในอดีตที่ผ่านมา ก็ไม่เคยมีมาก่อน

พ.อ.ทองขาว กล่าวว่า วัดพระธรรมกาย บิดเบือนคำสั่งสอน และมีการเรี่ยไรเงินมากเกินไป อีกทั้งโฆษณาชวนเชื่อว่า ทำบุญที่วัดนี้ จะได้บุญมาก ซึ่งถือว่า ผิด และเป็น กระบวนการ สำคัญที่ทำลายพระพุทธศาสนา

พระพยอมลาภสักการะทำลายศาสนา
พระพยอมกล่าวว่า คนที่ทำลายศาสนาก็คือคนที่เห็นแก่ลาภสักการะ ส่วนเรื่องกรณีธรรมกาย น่าจะจัดการให้เรียบร้อย ที่ต้องออกมาแสดงความคิดเห็น เพราะทนการเกิดปัญหา ในพุทธด้วยกันเองไม่ไหว

ส่วนเรื่องการออก พ.ร.บ.สงฆ์ จะต้องเน้นหลักไตรสิกขา เพราะถ้าไม่เป็นอย่างนั้น จะเกิดปัญหาขึ้นมาอีก ส่วนปัญหาที่จัดการวัดพระธรรมกายไม่ได้ เป็นเพราะมีกระบอกเสียง ที่ซับซ้อนและน่ากลัว

บรรจบ บรรณรุจิ คือ ดร.เบญจ์
ด้าน ร.ท.กุเทพ ได้พูดถึง ดร.เบญจ์ บาระกุลว่า น่าจะเป็นคนเดียวกับคนชื่อ นายบรรจบ บรรณรุจิ ตนไม่ได้กล่าวหาเพียงแค่สงสัยเท่านั้น และเป็นการพูดอย่างเปิดเผย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตอนท้ายรายการ ได้มีการตั้งคำถามจากผู้ชมการเสวนา โดยมีคำถามเช่น เดรัจฉานแปลว่าอะไร ปู่สมพรด่าเถรสมาคมมาก อยากเป็นมหาเถรสมาคม หรือ อย่างไร มหาเสถียรพงษ์ รู้จักน้องหนึ่งหรือเปล่า และมีคำถามที่เป็นธรรมะอีกหลายคำถาม รวมไปถึงคำถามเกี่ยวกับรายการกรองสถานการณ์ ที่พระกิตติวุฑโฒ ด่าว่า เดรัจฉาน ฟังธรรมะไม่รู้เรื่อง ซึ่งในเรื่องนี้ นายเสฐียรพงษ์ได้กล่าวว่า พระกิตติวุฑโฒด่านักข่าว

กรมศาสนาแก้นิคหกรรม
นายไพบูลย์ เสียงก้อง อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการได้ตั้งคณะกรรมการ ที่จะดำเนินการแก้ไขกฎนิคหกรรม โดยมีนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรี ว่าการ กระทรวงศึกษาธิการ ดร.วิชัย ตันศิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ เป็นที่ปรึกษา และตนเป็นประธานคณะกรรมการ ที่ผ่านมาได้มีการประชุมกันแล้ว 2 ครั้ง และได้วางกรอบ ดำเนินการไว้แล้ว ซึ่งกรอบนี้จะมีความชัดเจน ไม่ซ้ำซ้อนและสามารถตีความได้โดยง่าย ทั้งนี้ จะนำกรอบที่วางไว้ไปประชุมกันอีกครั้งในสัปดาห์หน้า เพื่อหาข้อสรุปว่า จะต้องมี การปรับปรุงแก้ไขกฎนิคหกรรมอย่างไรบ้าง และนำเสนอต่อมหาเถรสมาคมต่อไป

ค้านพระทัตตชีโว
อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวถึงกรณีที่พระธัมมชโยขอพักตัวเอง จากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย และเสนอให้พระทัตตชีโว รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย รักษาการแทน แต่พระทัตตชีโว ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ร่วมบริหารงานกับพระธัมมชโยนั้นว่า เรื่องนี้เจ้าคณะอำเภอคลองหลวง คงจะพิจารณาว่า หากอนุญาตให้แต่งตั้งพระทัตตชีโวขึ้นมา รักษาการ แทนพระธัมมชโยแล้ว จะเกิดความเสียหายอีกหรือไม่ หากคิดว่า น่าจะเกิดความเสียหาย เจ้าคณะอำเภอก็สามารถคัดค้านได้

ด้านลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย กับท่าทีของกรมการศาสนา ที่มีเจตนาจะตั้งพระที่อื่น มาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัด แทนพระธัมมชโย ทั้งนี้ ลูกศิษย์วัดเห็นว่า ทางการไม่เคยช่วยเงินวัดแม้แต่บาทเดียวในการสร้างวัด เป็นเงินของลูกศิษย์วัด ที่ร่วมกันบริจาคสร้างกันขึ้นมา

ดังนั้น การจะแต่งตั้งใครมาปกครองวัด ควรจะต้องรับฟังความคิดเห็นของลูกศิษย์วัดด้วย นอกจากนี้ แนวทางการสั่งสอนของพระรูปอื่น อาจจะไม่เข้ากับจริตของศิษย์วัด และจะ ทำให้วัดพระธรรมกายกลายเป็นวัดร้างในที่สุด

"เราจะรวมตัวกันต่อต้าน พระที่อื่น ที่ไม่ใช่พระวัดพระธรรมกาย เข้ามาปกครอง เพราะถือว่า ไม่มีความเหมาะสม เนื่องจากคนที่จะมาปกครองวัดพระธรรมกายได้ จะต้อง สำเร็จวิชชาธรรมกาย ถ้าเอาประเภทที่เห็นนิพพานเป็นอนัตตาเข้ามา ลูกศิษย์คงรับไม่ได้ พวกเราเห็นว่า พระทัตตชีโว เหมาะสมกับตำแหน่งเจ้าอาวาสมากที่สุด" ลูกศิษย์วัด รายหนึ่งกล่าว

เสนอหน้าเชียร์วาสนา
ที่กองปราบปราม พันเอกพิเศษ ทองขาว พ่วงรอดพันธุ์ ตัวแทนเครือข่ายชาวพุทธ ๒๒๔ องค์กร และคณะ เข้าพบ พล.ต.ท.วาสนา เพิ่มลาภ ผู้บัญชาการประจำ สำนักงานคณะ กรรมการ ข้าราชการตำรวจ ในฐานะหัวหน้าชุดพนักงานสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีวัดพระธรรมกาย และ พล.ต.ต.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้บังคับการกองปราบปราม และคณะ พนักงานสอบสวน เพื่อให้กำลังใจและแสดงความยกย่องสนับสนุน การมุ่งมั่นสืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน จนกระทั่ง สามารถนำตัวผู้กระทำผิด ขึ้นสู่การพิจารณา ในชั้นศาล ได้สำเร็จ ทำให้ชาวพุทธมีความหวัง ที่จะปกป้องพระพุทธศาสนา มิให้ถูกบิดเบือน

ด้านหัวหน้าชุดสืบสวนสอบสวนแสดงความขอบคุณ และย้ำจุดยืนในการทำงานว่า อยู่บนพื้นฐานความถูกต้อง และข้อเท็จจริงในพยานหลักฐานที่ปรากฏ หากประชาชน มีเบาะแส ที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินคดี ให้แจ้งให้พนักงานสอบสวนทราบ เพื่อง่ายต่อการทำงาน นอกจากนี้ ยังเชิญชวนผู้บริจาคเงิน ในการเช่าซื้อวัตถุมงคลของ วัดพระธรรม กาย  เข้าร่วมรับฟังการสืบพยานโจทก์นัดแรก ในวันที่ 18 พฤศจิกายนนี้ เวลา 09.00 น. เพื่อจะได้ทราบที่มาที่ไปของเงิน ที่ตนบริจาคว่า ทางวัดนำไปดำเนินการ ตามที่ผู้บริจาค มีความตั้งใจไว้หรือไม่


[หน้าหลัก][หน้า1][ต่างดาว][สหัสวรรษ][วิวาทะ][ปุจฉา]