ปีที่ 2 ฉบับที่ 817 ประจำวันศุกร์ที่ 8 เดือนตุลาคม พ.ศ. 2542

ปุจฉา วิสัชนา

เรียน คุณไอ้ทิด

ณ วันนี้ดิฉันเพิ่งรู้ตัวว่าดิฉันไม่น่าเกิดมาเป็นประชากรประเทศนี้ ที่มีผู้นำประเทศ ผู้รักษากฎหมาย แม้แต่อัยการ ซึ่งแต่เดิม ดิฉันมีความคิดตามหน้าที่ของพลเมืองว่า สถาบัน เหล่านี้ สามารถพึ่งพาอาศัย ช่วยปกป้องรักษาความถูกต้อง กฎหมายและความยุติธรรม คาดหวังว่า จะได้เป็นที่พึ่งของชาวบ้านตาดำๆ ที่ไม่มีอำนาจบ้าง

แต่พฤติกรรมของท่านทั้งหลาย เท่าที่ผ่านมาตามข่าว พฤติกรรมของท่านไม่ตรงต่อหน้าที่ ที่กฎหมายรัฐธรรมนูญ กำหนดเลย มีแต่พฤติกรรมที่เป็น ทาสใต้ฝ่าเท้ารับใช้ มันหมด สมัยทาสแล้วคะ น่าเสียดายชื่อเสียงวงศ์ตระกูล ที่มีผู้เคารพนับถือทั่วประเทศ มีอำนาจมีหน้าตาในวงสังคม ผู้คนเคารพกราบไหว้ อย่างนี้ไม่เรียกว่า คนจริงหรอกค่ะ คนแบบนี้ ทราบไว้นะคะ ครอบครัวจะไม่เจริญ เมื่อความจริงปรากฏ ผู้คนจะติฉินถึงบรรพบุรุษ ที่ก่อตั้งวงศ์ตระกูลมา

ในฐานะที่เป็นคนไทยเป็นประชากรของประเทศนี้ ประเทศที่เราคิดว่าเป็นของเรา ของประชากร 60 ล้านคน ดิฉันรักประเทศไทย ดิฉันเป็นคนไทย ดิฉันยอมตายเพื่อชาติ ศาสน์ ดิฉันหวงประเทศของดิฉัน และในฐานะที่ดิฉันเป็นคนไทย ประเทศที่มีการปกครอ งแบบประชาธิปไตย มีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด มีกฎหมาย มีผู้รักษากฎหมาย มีผู้รับ พิจารณา ความผิดผู้ถูกกล่าวหา ดำเนินการส่งตามขั้นตอน และมีศาสสถิตยุติธรรม เป็นผู้ดำเนินการ พิจารณา หาเหตุผลประกอบการ ตัดสินใจ

แต่ ณ จุดนี้ดิฉันมีความเห็นว่า ประเทศที่ดิฉันอาศัยอยู่ และมีความภูมิใจที่ได้เกิดในประเทศนี้ ประเทศที่มีความอบอุ่น ตามวิธีการดำเนินชีวิตของคนไทย ความเห็นอกเห็นใจ ความเมตตาปรานี ความเอื้ออาทร และมีที่พึ่งยามทุกข์ร้อน เดี๋ยวนี้ไม่มีอีกแล้ว ความถูกต้องความยุติธรรม ไม่มีหลงเหลืออยู่ในใจของคนไทยอีกแล้ว

เพราะว่า ประเทศไทยของเราถูกปกครองโดย บุคคลกลุ่มหนึ่ง ที่ควบคุมการบริหารประเทศ ให้เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มของตน สามารถชี้บงการผู้บริหารประเทศ ให้บริหาร เป็นไปตามความต้องการของตน สามารถชี้ผิด ชี้ถูกให้กับประชาชนในประเทศได้ จะให้ใครอยู่หรือจะให้ใครไปก็ได ้และผู้บริหารประเทศผู้มีอำนาจในแผ่นดิน ผู้รักษากฎหมาย และ แม้แต่อัยการ ศาลสถิตยุติธรรม ยังต้องปฏิบัติตาม โดยไม่มีใครกล้ามายืดอกปกป้องรักษาความยุติธรรม ทำไมประเทศนี้ถึงมีผู้บริหารประเทศแบบนี้ ก้มหัวครับอย่างเดียว

คนกลุ่มนี้คิดว่าประเทศนี้เป็นของกู กูเป็นเจ้าของประเทศหรืออย่างไร เที่ยวอาละวาดทำร้ายประชาชน เหมือนคนบ้า ที่คิดว่าไม่มีใครใหญ่เท่าตัว แต่กูนี้ไม่กล้าเปิดเผยตัวจริง บงการอยู่เบื้องหลัง คนประเภทนี้เรียกว่าอะไร

อยากถามว่าเขามีหน้าที่อะไร เขามีหน้าที่บริหารประเทศ หรือประเทศอยู่ในกำมือของเขา หรือประเทศไทยเป็นของเขา ประชากร 60 ล้านคนเป็นทาสของเขา ผู้บริหารประเทศ ผู้รักษากฎหมาย ทำไมไม่รักษากฎหมาย ปล่อยให้บุคคลกลุ่มหนึ่ง มาทำร้ายประเทศอยู่ได้อย่างไร หรืออยากให้ประเทศไทย สูญหายไป ตัวกูอยู่รอดปลอดภัยก่อน ถ้าประเทศไทย คงอยู่สภาพนี้ต่อไป เราต้องสิ้นชาติแน่ และขอโทษการกู้ชาติ ไม่ได้กระทำเพียงคนคนเดียว หรือตระกูลเดียว

ขอเรียนถามว่า บ้านนี้เมืองนี้ผู้บริหารประเทศ ผู้รกษากฎหมาย ผู้รักษาความยุติธรรม ได้ทำหน้าที่ของตนถูกต้องหรือไม่ เป็นถึงผู้หลักผู้ใหญ่ (ผู้ที่คนทั่วไปถือว่า สามารถพึ่งพา อาศัยได้) ผู้ใหญ่ในประเทศที่ประชาชนหวังพึ่ง ก็พึ่งไม่ได้ จะได้รู้ว่าบัดนี้เราไม่มีหลักอะไรที่จะยึดถื่อแล้ว แม้แต่กฎหมาย

ดิฉันขอเรียนถามว่า ณ มาถึงจุดนี้ ขอถามว่าประเทศไทยมีการปกครองแบบไหน จะได้แก้ไขหรือเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ หรือจะไม่มีรัฐธรรมนูญ

ขอแสดงความนับถือ

ประชาชนชาวไทย


ถึง...ไอ้ทิด
"ตลอดเวลาที่บาปยังไม่ให้ผล
คนพาลสำคัญบาปเหมือนนำผึ้ง
ถึงเวลา....บาปให้ผลเมื่อใดคนพาลย่อมเข้าถึงทุกข์เมื่อนั้น"
ขุ.ธ. 25/15/24
ให้เวลา"ยา"ออกฤทธิ์

ชาวพุทธที่มั่นคงในพระรัตนตรัย ตั้งแต่ดิฉันจนถึงปัจจุบัน จะเชื่อกฎแห่งกรรม คือ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ทุกคนมีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ ใครทำกรรมใดไว้ก็ย่อมได้รับผลแห่งกรรมนั้น ชาตินี้รูปสวย(หล่อ) รวยทรัพย์ ปัญญาดี เกิดจากชาติในอดีตทำทาน รักษาศิล และเจริญภาวนามาอย่างดีขณะเดียวกันถ้าคนนั้นจนก็จน ขี้เหร่ แถมโง่เขลา แน่นอนอดีตชาติ ทำทาน รักษาศิล เจริญภาวนามาน้อยมาก เราเชื่อมั่นอย่างนี้มานาน นับตั้งแต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสรู้เป็นต้นมา 

แต่อนิจจายุคปัจจุบัน ชาวพุทธจำนวนไม่น้อย มีความคลางแคลงในเรื่องบาปบุญคุณโทษ ถึงกับตั้งคติใหม่กันว่า ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป 

สาเหตุก็เกิดจากชาวพุทธส่วนใหญ่ห่างวัด ไม่ศึกษาและปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง ประกอบกับสื่อมวลชน นำเสนอภาพลบของพระพุทธศาสนา ต่อเนื่องยาวนานนับสิบปี จะมีเจตนา อย่างไรก็แล้วแต่ ภาพเหล่านี้ก็ติดอยู่ในใจของชาวพุทธ แล้วความศรัทธา ก็ลดลงตามลำดับ อีกด้านหนึ่งสังคม ยกย่องคนมีเงิน โดยไม่ดูว่าเงินนั้น มาอย่างไร คดโกง เบียดบัง ชาวบ้าน กลับได้รับความยกย่อง กราบไหว้ ฯลฯ ในทางกลับกัน บางคนทำความดี ซื่อสัตย์สุจริต กลับย่ำอยู่กับที่ ยุคนี้ทำดีไม่ได้ดีแล้วหรือ

ครับ เรื่องนี้จะหายสงสัยเมื่อได้ศึกษาและปฏิบัติจนเข้าถึงธรรมะภายใน เรื่องนี้เป็นความทุกข์ของนักบุญ (ที่ไม่หนักแน่นในบุญ) หลายๆคนประเภทใจร้อน คือทุกข์อย่านี้ว่า อันตัว ข้าพเจ้าทำความดี ทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา มานานแล้ว ทำไมบุญไม่ส่งผลสักที แล้วบุคคลที่จ้วงจาบ พระเถระ พระพุทธศาสนา สื่อมวลชนที่บิดเบือน ให้ร้ายวัดพระธรรม กาย ตลอด 11 เดือน ทำไมบาปกรรมไม่ส่งผลสนองมันสักที หรือ "พิมพ์ไทย" 

และชาวพิมพ์ไทยพยายามปกป้อง พระศาสนามาตลอด กลับโดนรัฐบาลตรวจสอบ และโดนการฟ้องร้องของพระธรรมปิฎก ถึงนายกรัฐมนตรี ชวน หลีกภัย 

ฯพณฯ ก็ทำตามกระแสสื่อมวลชน นี่มันเกิดอะไรขึ้นมันน่าน้อยใจ ถึงตรงนี้ผมขอใช้คำของพระว่า "เย็นไว้ก่อนโยม"

 แล้วอ่านตรงนี้นักบุญทั้งหลายทุกท่าน เคยป่วยใช่หรือไม่ เวลาหมอจัดยามาให้กิน เรากินยาปั๊บหายทันทีหรือเปล่า เปล่าเลย ต้องรอให้ยาออกฤทธิ์เสียก่อน บางโรคต้องกินยา ต่อเนื่องหลายขนาน จึงจะหายเช่นเดียว กับการทำบุญ ก็ต้องรอเวลา อย่าลืมนะครับว่า เราไม่รู้อดีตชาติของเรา อดีตของเราคงทำความไม่ดีเอาไว้ ดังนั้น เราต้องอดทน และทำ ความดีใหม่ให้เพิ่ามตลอดเวลา ความชั่วก็ละเว้นเสีย

ในกรณีนี้ขอให้ทุกท่านดูครอบครัวของผู้มีบุญ จำลอง-ชลอ จูงทรัพย์ เป็นแบบอย่าง เหตุการณ์ฟ้าผ่าไวครับ แทนที่คุณ จำลอง - ชลอ จะน้อยอกน้อยใจ กลับมีกำลังใจเพิ่มพูน ผม ประทับใจครอบครัวนี้มาก ตัวคุณจำลองเองก่อนเข้าวัด เป็นนักดื่มเหล้า พอหลวงพ่อสอนว่าการดื่มเหล้าเป็นบาป ก็เลิกทันที เพื่อนหายไปเยอะ แต่คุณจำลองไม่หวั่นไหว อาชีพของ คุณจำลอง-ชลอ คือเปิดร้านอาหารและขายเหล้าด้วย แต่พอได้รับการสั่งสอน จากพระอาจารย์ที่วัดว่า ขายเหล้าให้คนอื่นดื่มเป็นบาป ก็ตัดสินใจเลิกขายทันที

 แน่นอนครับรายได้ลดอย่างมากๆ เพื่อนก็หาว่าคุณจำลองบ้าไปแล้ว คุณจำลองและครอบครัวก็มิหวั่นไหวมุ่งทำความดีต่อไป และบุญก็ไม่ทิ้งคุณจำลองและครอบครัว ฟ้ามิอาจ ทำอันตรายคุณจำลอง - ชลอ และไม่อาจทำอันตรายแก่ครอบครัว ถึงแก่ชีวิต (ปลอดภัยทุกคน) คุณจำลอง - ชลอ เชื่อมั่นว่า เป็นกฎแห่กรรม มิใช่เรื่องใหญ่โตอะไร แต่ที่เป็น เรื่องราวใหญ่โต ก็เพราะสื่อมวลชนบิดเบือนข่าว (อีกแล้วครับท่าน) 

ตอนเกิดเหตุการณ์ไม่มีสื่อมวลชนฉบับใด ช่องใด อยู่ในเหตุการณ์เลย แม้แต่คนเดียว นั่งเทียนแต่งนิยาย ตีไข่ใส่ข่าวกันเละเทะ พอคุณจำลองและครอบครัว มาเปิดเผยความจริง ผมกับสื่อมวลชน ที่มาทำข่าว "หน้าจ๋อย" คอตกกันเป็นแถว (งานนี้หน้าแตก หมอไม่รับเย็บ) ฟังคำของคุณจำลอง ดูสิครับ 

คุณจำลองกล่าวว่า "ฟ้ามิอาจกั้นความดีของผมและครอบครัว ผมขอยืนยันกับทุกท่านว่า ผมและครอบครัว ยังรักวิชชาธรรมกาย ยังเคารพรักหลวงพ่อธัมมชโย และรักวัด พระธรรมกาย ตลอดไป จนกว่าชีวิตจะหาไม่" สรุปว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้เกิดอาเพศในหมู่สื่อมวลชนนั่นเอง

มาถึงตรงนี้แล้วคนทำบาปละจะว่าอย่างไร คำตอบก็เหมือนกันคือ "รอให้ยาออกฤทธิ์" แต่ขอโทษที ไม่ใช่รักษาโรค แต่เป็น "ยาพิษ" ตอนนี้บุญเก่ายังรักษาบุคคลเหล่านั้นอยู่ หากเมื่อใดบุญหมด ยาพิษเต็มตัว เมื่อนั้นแหละบาปก็ส่งผล แน่นอนครับ ไม่ใช่เรื่องอาเพศอะไร เป็นเรื่องของกฎแห่งกรรมอีกนั่นแหละ

 ว่าแต่พวกเรานักบุญอย่าอนุโมทนาบาปกับพวกเขาก็แล้วกันแผ่เมตตาให้กับพวกเขามากๆ ให้พวกเขากลับตัวกลับใจ มาประกอบความดีกัน กรณีของคุณคำนึง (ลูกเขยคุณ จำลอง) กับพวกอีก 5 คน เป็นอุทธาหรณ์ในเรื่องกรรมได้เป็นอย่างดี คือ อดีตคุณคำนึงเคยผิดวจีกรรมแน่ๆ อาจกล่าวคำสาบาน กล่าวจาบจ้วงผู้มีศิล พระศาสนา จึงโดนหนักกว่า เพื่อน ส่วนพวกอีก 5 คนในอดีต ก็อนุโมทนาบาป กับคุณคำนึงคือยินดีด้วย จึงโดนด้วย แต่ไม่หนักหนาอะไร ถ้าเห๖การณ์นี้ไม่เกิด ขณะที่คุณคำนึงและพวกกำลังเบิกบานละก็ ผมว่าชีวิตก็ยากที่จะรอด

ครับ บาปที่เราทำไว้ในอดีต เปรียบเหมือนระเบิดเวลา ทุกคนมีระเบิดเวลาอยู่ในตัว จะระเบิดเมื่อไรมิอาจทราบได้ เราต้องรีบถอดสลักระเบิดโดยเร็ว โดยการทำทาน รักษาศิล เจริญภาวนา ให้หมดกิเลสโดยเร็วที่สุด จึงจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ไม่ประมาทในชีวิต

อัปปมาโท อมตัง ปทัง ความไม่ประมาทเป็นทางไม่ตาย
ปมาโท มัจจุโน ปทัง ความประมาท เป็นทางแห่งความตาย
อัปปมัตตา น มิยฺยันติ ชนผู้ไม่ประมาทแล้วทั้งหลายย่อมชื่อว่าไม่ตาย
เยงปํมัตตา ยถา มตา ผู้ซึ่งประมาทแล้วก็เหมือนคนตายแล้ว พุทธพจน์

สุดท้ายนี้ ขอให้ชาว "พิมพ์ไทย" อดทนรอรับผลบุญที่จะเกิดขึ้นกับพิมพ์ไทยในไม่ช้านี้ แน่นอน

จากใจจริง
ว.เล็ก เด็กปักษ์ใต้ 

ไอ้ทิด


[หน้าหลัก][หน้า1][ต่่างดาว][สหัสวรรษ][วิวาทะ][ปุจฉา]