![]() |
ภูสอยดาว บันทึกการเดินทาง 10 - 11 กย.2547 |
เมนูหลัก | |
นักเดินทางอีกกลุ่มที่มารอตะวันลับขอบฟ้า ลานสน เต้นท์ ภูสอยดาวยอด 2000 ฝั่งลาว
|
หน้าสี่ กับข้าวของเรามีทั้งผักกาดดองซุบ ปลาทูน่ากระป๋องยำ คือทุกอย่างที่สำเร็จในกระป๋องทั้งนั้น เวลาทำต้องใช้สมาธิสูงเพราะแสงคือแสงเทียน 2 เล่ม เท่ากับ 2 แรงเทียม เรานั่งทำกินและกินมื้อเย็นที่ม้านั่งใต้ต้นไม้ ที่จำกัดพื้นที่ตามขนาดของกระดานไม้ เพราะเราไม่มีกราวน์ชีตรองพื้น ไม่มีที่นั่งของกลุ่มน่ะ แต่ก็ดีเพราะกินอาหารท่ามกลางแสงเทียนเล่มน้อย 2 เล่ม ความไม่คุ้นเคยบางทีก็ทำให้เราได้มีความสุขอย่างประหลาดนะ ผมเรียกมื้อนี้ว่า กิน 2 แรงเทียน การล้างจานคืนนี้ อืม...มืดแล้ว ไฟฟ้าสำหรับที่นี่เป็นสิ่งต้องห้ามหรือว่าประหยัดตามนโยบายรัฐตอนนี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน การล้างชามในยามค่ำคืนไร้ไฟเช่นนี้ ไม่เหมาะกับสุขภาพและสังคมและประเทศชาติอย่างยิ่ง เราจึงไม่ล้างจานกัน การอาบน้ำคืนนี้ อืม....มืดแล้ว ไฟฟ้าสำหรับที่นี่เป็นสิ่งต้องห้ามหรือว่าประหยัดตามนโยบายรัฐตอนนี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน การอาบน้ำในยามค่ำคืนไร้ไฟเช่นนี้ ไม่เหมาะกับสุขภาพและสังคมและประเทศชาติอย่างยิ่ง เราจึงไม่อาบน้ำกัน การแปรงฟัน ล้างหน้า คืนนี้ อืม....มืดแล้ว ไฟฟ้าสำหรับที่นี่เป็นสิ่งต้องห้ามหรือว่าประหยัดตามนโยบายรัฐตอนนี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน การแปรงฟันและล้างหน้าในยามค่ำคืนไร้ไฟเช่นนี้ ไม่เหมาะกับสุขภาพและสังคมและประเทศชาติอย่างยิ่ง เราจึง..... แปรงฟันครับ แปรงฟัน ไม่ไหว ปากเหม็นตายเลย ล้างหน้าด้วย แฮ่ะๆ ออกะฝนและโบ หายเข้าไปกับเต้นท์อย่างรวดเร็ว หลังล้างหน้า... ยามค่ำคืน ผมกับเจ้าแคทชายเดี่ยวแห่งคซก.นั่งเล่นก่อไฟในเตาถ่านที่หยิบยืมมา แก้ความหนาวเย็น เราถอดถุงเท้าออกแล้วเอาขาอังบ้างผิงบ้างข้างๆเตาถ่าน รู้สึกสบายขาขึ้นแยะ น้องโบว์ออกจากเต้นท์มาสมทบ เห็นกิจกรรมที่เราทำอยู่ ทำไรค่ะ ลองทำดูบ้างสิ หายปวดขาและเมื่อยดีนักแล สนุกดี โบนึกขึ้นได้ว่าพี่ตุ๋มให้ยกขาสูงๆตอนนอน แคทกับผมจึงแนะนำให้เอาขาซ้ายพาดตัวออ ขาขวาพาดตัวฝน ที่กำลังหลับอุตุนิยามวิทยาอยู่ในเต้นท์ซะ จะทำให้ดีขึ้นแน่ๆ ฮาๆๆ ผมไม่รู้ว่าโบว์จะทำตามที่บอกเหมือนกับการเอาขาผิงไฟหรือไม่ สามคนพูดคุยกันไปเรื่อยๆ สอบถามเรื่องงานการของแต่ละคนไป ทั้งหมดที่มาจะทำงานด้านคอมพิวเตอร์ แปลกดีเพราะชีวิตการงานเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี่ใหม่ๆแต่กลับชอบที่จะใช้ชีวิตท่องเที่ยวไปตามป่าเขา ไร้เทคโนโลยี่ ไร้ไฟฟ้าเช่นนี้ หรือคนเรามักจะแสวงหาสิ่งที่ขาดแคลน ต่อเติมส่วนที่ขาดหายไปของชีวิตหรือ แคทบอกว่าเรียนมาเกือบตาย แต่เวลาทำงานกลับใช้สิ่งที่เรียนมาแค่ 10 เปอร์เซ็นต์ ผมได้ฟังแล้วก็หัวเราะ ในใจนึกถึงเรื่องในหนังสือเล่มทางด้านจิตและพลังทางจิตที่บอกว่า สมองคนเราในปัจจุบันใช้ไปเพียงแค่ 10 เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมดเท่านั้น นี่แสดงว่างานที่ทำของแต่ละคนในชีวิตประจำวันคงใช้สมองเพียง 1 เปอร์เซ็นต์เองสินะ เฮ่อ เอ แต่ผมว่าไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์นะ เพราะในสังคมที่เราอยู่ เราจะใช้สมองไปใช้ในเรื่อง ปลิ้นปล้อน เอาใจนาย แก่งแย่ง เห็นแก่ตัว ฯลฯ เหล่านี้มากกว่าการทำงานจริงด้วยซ้ำ บรรยากาศโรแมนติกมากเพราะเรามองอะไรไม่ค่อยจะเห็น มืดนี่ครับ ความมืดของฟ้าที่แท้จริงนั้น เราจะพบได้ต้องอยู่ตามสถานที่แบบนี้ เราจะไม่เห็นฟ้ามืดสนิทแบบนี้ในเมืองแห่งแสงสีที่เราคุ้นเคยแน่นอน แต่ทางด้านจิตใจคน ความมืดของจิตใจของคนเมืองกับคนที่นี่นั้น ดันกลับด้านกันกับความมืดของฟ้า ผ่านไประยะนึง แสงจากเตาถ่านมอดลงๆทุกขณะ ความหนาวเย็นมาเยือนตามกำลังที่ลดลงของไฟในเตา โบว์ขอตัวไปนอนก่อน อีกเต้นท์นำสิ่งดีๆมาฝากคือสลิ่มลอยแก้ว หรือลอดช่องหว่า ผมแอบตอดไปเอาน้ำที่เต้นท์ข้างๆมา 1 ขวด ละอายใจหน่อยนึงนะไม่มากนัก เพราะขอจากเจ้าตุ๋มแล้ว ไม่อยากไปเอาน้ำที่ลำธารยามดึกน่ะ ก่อนนอนสัก 4 ทุ่ม ฟ้าได้เผยโฉมออกมาแป๊บนึงให้เราเห็นดวงดาวเล่นๆเป็นการลองเชิง ผมกะว่าหน้าหนาวผมอาจจะมานอนดูดาวแบบเอาจริงสักวันให้หายอยาก อย่าลืมเอารองเท้าสอดเข้าใต้เต้นท์ล่ะ ไม่งั้นเปียกแน่ๆ ผมบอกแคทก่อนเข้าเต้นท์ เราต่างคนต่างเข้าเต้นท์กัน นอนคนเดียว ภายในเต้นท์ยังมีกิจกรรมที่ต้องทำอีกคือ เปลี่ยนเสื้อผ้าและปะแป้งก่อนนอน อย่างน้อยก็คงช่วยลดกลิ่นที่ไม่ได้อาบน้ำมาได้สักครึ่งก็ยังดี เช้าวันใหม่ของผมเริ่มต้นตอนหกโมง เพราะหิวกาแฟสุดๆ แต่ก่อนอื่นต้องไปล้างจานเพราะภาชนะทุกอย่างรอล้าง รวมทั้งแก้วกินกาแฟด้วย ผมไปกับเจ้าเหมียวและโบว์เอาถ้วยชามไปล้างที่ลานล้างจาน อะไรๆก็ล้างไม่ยากหรอกนะยกเว้นแต่หม้อสนามที่ผ่านการไหม้มาอย่างโชกโชนเมื่อวาน ที่ทำเอาเราต้องออกแรงสุดๆกว่าจะทำให้ดูสะอาดขึ้นมาได้หน่อย ความจริงผมบอกเหมียวว่าไม่ต้องล้างมากหรอกเพราะเทใส่กาแฟลงไปมันก็ดำกลมกลืนกันดี กลับจากล้างจาน พบว่าที่หน้าบ้านเจ้าหน้าที่มีคนมาชุมนุมกันเต็มไปหมด เหล่านี้คือลูกหาบจากตีนภู ขึ้นมารอแบกสัมภาระของพวกแรงไม่ดีอย่างเราๆ ผมดูเวลา เอ๋ เพิ่งจะใกล้แปดโมงเช้าเอง พี่ครับ ขึ้นมาตอนกี่โมง ตีห้า โห... สุดๆเลย เราเอาหม้อสนามไปตักน้ำที่ลำธาร แล้วมาหาพี่ๆเจ้าหน้าที่ ทำหน้าละห้อยให้น่าสงสารที่สุด จนในที่สุดเจ้าหน้าที่ก็ช่วยต้มน้ำให้อีกนั่นแหล่ะ แต่ไม่เท่านั้น วีรกรรมของกลุ่มเราทำดีมากคือ เห็นเจ้าหน้าที่เค้ากำลังต้มมาม่ากินกัน เราจึงขอแจมโดยเอามาม่ามาใส่เข้าไปอีก 5 ห่อ ใส่ผักที่ตุ๋มแบ่งให้ และมีลูกชิ้นอีกต่างหาก ตอนนี้เรื่องน้ำต้มกาแฟช่างมันปะไรไปก่อน มาม่าเท่านั้นนิรันดร เฮ่อ ไม่เห็นแก่กินเท่าไรเลยนะนี่ แต่ก็ผ่านไปได้อีกมื้อโดยดุษดีบัญฑิตกิตติมศักดิ์ด้านการกิน |