ภูสอยดาว

บันทึกการเดินทาง 10  - 11 กย.2547

เมนูหลัก

หน้าแรก หน้าสอง หน้าสาม หน้าสี่ หน้าสุดท้าย

ผากับสนปนภูเขา

น้ำตกที่ภูฝั่งลาว

สาวสวย100เมตรกะบรรยากาศ

เส้นทางไหล่เขาที่เดินขึ้นมา

ดอกไม้ป่า

หน้าสุดท้าย

หลังมาม่า ผ่านลำคออันแสนงดงามของแต่ละคนแล้ว สาวๆคซก.กินไมโลหรือโอวัลตีน คนละแก้ว ส่วนแคทกินกาแฟซองเหมือนผม ผมเองโซโล่กาแฟสองแก้วเลย

เจ้ารัตนาน้อย ส.วรพิน ร่วมแจมกับเรา

1 กาแฟ

2 มาม่า

3 ถั่วเขียวต้มของใครไม่รู้ค้างคืนจากเมื่อวาน

4 ไส้กรอกปิ้ง

5 ข้าวต้มของแก๊งค์ดิเรก

โดยทั้งหมดนี้ด้วยถ้วยกาแฟใบเดียว ขอยัน ใบเดียวจริงๆ นับว่าเป็นคนที่สามารถใช้ฮาร์ดแวร์ได้คุ้มค่าแห่งยุคที่สุด

วันนี้เราจะเดินทางกลับกันแล้ว จึงทยอยกันเก็บเต้นท์ เจ้ารัตน์มาช่วยผมเก็บเพราะหนีงานทางฟากโน้นมา ผมจึงเบาแรงไปได้นิดนึง ส่วนกลุ่มคซก.เก็บกันยากหน่อยเพราะเต้นท์ใหญ่ แถมเป็นเต้นท์เช่ามาจาก tkc ต้องดูแลให้อยู่ในสภาพเดิม คือต้องทำความสะอาดก่อนเก็บน่ะ ที่ทำเอาผมงงคือแก้งค์นี้ไม่มีเต้นท์แต่มีกราวน์ชีต

ดิเรกลงภูวันนี้เหมือนกัน ผมฝากบอกว่าถ้าขึ้นภูสอยดาวตัวจริง หรือในหมู่เราเรียกว่ายอด2000 เมื่อไหร่ บอกด้วย เผื่อขอโดยสารติดตามไป ภูสอยดาวยอด2000 อยู่ฝั่งลาว เราต้องขอเจ้าหน้าที่ฝั่งลาวเข้าไปก่อนนะ

สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าหลังการเก็บเต้นท์คือถุงเท้าครับ ของใครสักคนในกลุ่ม โชกโชนไปด้วยสีสันแห่งการเดินทางวันวานละเลงด้วยโคลนดินและน้ำค้าง ฝนกะออ บอกอี๋ทิ้งไปเลยพี่ น้องโบว์ทำหน้าเหย สารภาพของหนูเองแหล่ะ รีบเก็บไปซัก

เราเดินทางกันตอน 9 โมงเช้า ผ่านเส้นทางไปยังผาตะวันตกก่อนเพื่อถ่ายรูปอีกยก และก็ย้ายไปถ่ายรูปกันต่อที่น้ำตก ก่อนที่จะลงจากภูสอยดาว  การเดินทางลงเขากินเวลาไม่มากนัก หากเดินกันจริงๆจังๆ แต่เราก็อ้อยอิ่ง หยุดดู ถ่ายรูปกันไปเรื่อยเปื่อย

กลุ่มคซก.ประกาศกร้าวลงสมัครสส.ด้วยการใส่เสื้อ comsci9 มอ.กันทั้งกลุ่ม น่ารักดีที่สามารถเกาะกลุ่มกันเหนียวแน่นเช่นนี้แม้ว่าจะจบมาแล้ว 2 ปี ระหว่างทางเราก็ยังคงเดินไปเรื่อยๆ ถ่ายรูป คุย กิน กันไป

ผมหยุดกึกเพราะเจองูตัวน้อย กำลังเลื้อยผ่านทางเดิน

จนถึงตีนภูตอนบ่ายโมงกว่า เห็นคนขับรถชอบยักตัวเหมือนตลกคาเฟ่ อารมณ์ดี เอาลูกมาเล่นน้ำอย่างสนุกสนานที่น้ำตกภูสอยดาว

ผมซื้อโค้กกระป๋องกินทันทีเมื่อถึงที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ไปเอาสัมภาระ จ่ายค่าลูกหาบ ลูกหาบช่วยขนสัมภาระไปไว้ที่รถกะบะจากนั้นเราสั่งกระเพราไก่ไข่ดาว อาหารสิ้นคิดที่อร่อยที่สุดกินกันที่ร้านค้า ร้านค้าที่นี่มี 5 ร้านเท่านั้นเอง แสดงถึงขนาดจำนวนนักเดินทางที่ไม่มากไปนักในแต่ละปี ผมกับแคทขอตัวไปอาบน้ำก่อนที่จะกลับ ห้องน้ำที่นี่สะอาดดี ไม่มีคนใช้มากนัก ใครจะใช้ก็หยอดกระปุกคนละ 2 บาท แต่ท่าทางไม่ซีเรียส แล้วแต่ใครจะให้หรือไม่ก็ได้

สองสาวออกะโบ ไม่อาบน้ำอีกแล้ว เพราะเจอแม่บ้านกำลังทำความสะอาดห้องน้ำอยู่ แต่ผมว่าเหตุผลไม่ค่อยดีเท่าไรนัก

ก่อนออกเดินทางกลับ เจอดิเรกที่นี่อีกครั้ง ดิเรกขอชื่อกะเบอร์โทรติดต่อ แน่นอนล่ะผมให้ไปแต่ผมเองดันลืมขอเบอร์ดิเรกไว้ แย่จัง ดิเรกและกลุ่มมากันด้วยรถตู้เหมาจากกรุงเทพ มีป้ายบอกเป็นรถตู้วินวิ่งแถวอนุสาวรีย์นี่เอง

ออกจากภูสอยดาวกันตอนบ่ายสามกว่าๆ รถกะบะวิ่งทำเวลาดีขึ้น เพราะฟ้าไม่มืดเหมือนตอนขามาและฝนก็ไม่ตก แต่โค้งเยอะแยะเช่นนี้ทำเอาข้าวกระเพราไก่ไข่ดาวตื่นขึ้นมาและเริ่มปีนจากกระเพาะมาอยู่แถวๆหลอดอาหาร เตรียมจะออกจากปาก

ไหนๆก็มาแล้ว เราไปไหว้พระพุทธชินราชที่วัดใหญ่กันดีกว่า แคทเสนอความคิดมา พวกเราตอบตกลง จึงบอกกับคนขับตอนใกล้ๆถึงพิโลกแล้ว แต่...ถึงพิโลกตอนปริ่มๆหกโมงเย็น อดไปวัดใหญ่ เพราะวัดปิดห้าโมงครึ่ง

แคทไปซื้อตั๋วกลับได้รถเที่ยว 2 ทุ่ม เรามีเวลานั่งกินข้าว เขียนจดหมาย อยู่ที่ร้านอาหารข้างๆขนส่ง

กลับถึงกรุงเทพตอนใกล้เที่ยงคืน....

ผมชอบการเดินทางในแบบนี้ มันให้อะไรๆกับเราเยอะแยะไปหมด ทำให้ลืมความซ้ำซากที่ผ่านไปในแต่ละวันได้ดี  

สิ่งที่ประทับใจเสมอมากลับไม่ใช่ทิวทัศน์ที่สวยงามแต่เพียงอย่างเดียว ยังมีมิตรภาพและเพื่อนเดินทางเป็นดั่งโปรโมชั่นแถมพิเศษที่แม่บ้านทุกครัวเรื่อนจำต้องซื้อสินค้านั้นด้วยความเสน่หา แม้ไม่จำเป็นก็ตาม

-จบ-