Main Page

Mae Hong Son Big Trip

ประมวลภาพงาน Jazz Concert

Pimai & Panom Rung Historic Park

Chiang Rai trip

Pitsanulok & Pichit trip

Mini Siam trip

Rayong's orchard trip

Phuket trip

Thailand Map & Our Travel routes

About Me

โปรดสละเวลาลงนามในสมุดเยี่ยมชมหน่อยครับ

Email Me

Counter
Since July 12, 2003

Date : November |22| |23| |24| |25| |26| |27| |28| |29| |30|, 2003


November 23, 2003 ... Part |1| |2| |3| |4|
Second day ... Start traveling via route 108 with 1,864 cuves from Chiang Mai to Mexican Sunflower Field in Doi Mae U-Kor.
วันที่สอง...เิริ่มต้นเส้นทาง 1,864 โค้งโดยขับจากเชียงใหม่ออกเส้น 108 แวะเที่ยวอุทยานแห่งชาติออบหลวง ,ถ่ายรูปที่สวนสนบ่อแก้ว และกางเต้นท์ที่ทุ่งบัวตอง ดอยแม่อูคอ

     

       
   

วันนี้เราตื่นแต่เช้าตรู่ เวลาประมาณ 6 โมงครึ่งเพื่อทำเวลาในการไปพักกางเต้นท์ที่ทุ่งบัวตอง ดอยแม่อูคอ อ.ขุนยวม ยามเช้าเมื่อมองออกมาจากหน้าต่างโรงแรมที่พักในตัวเมืองเชียงใหม่ แลเห็นทิวเขาค่อยๆชันขึ้นไปทางขวาอยู่ตรงหน้าเราซึ่งก็คือดอยสุเทพที่เรารู้จักกันนั่นเอง

       
               

เราอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็รีบเก็บกระเป๋าทั้งหมดที่เพิ่งเอาลงมาจากรถเมื่อวานนี้เอง เก็บเข้าไปในท้ายรถใหม่อีกครั้ง เหลือบมองนาฬิกาได้เวลาเหมาะเจาะคือ 7.10 น. รถก็บึ่งออกจากโรงแรมกรีนพาเลซเพื่อเริ่มต้นการผจญภัยครั้งสำคัญที่สุดเท่าที่เราทั้งสองเคยไปเที่ยวมาซึ่งก็คือเส้นทางไปเมืองสามหมอกจังหวัดแม่ฮ่องสอนนั่นเอง

ผมเริ่มขับรถออกจากตัวเมืองเชียงใหม่โดยตั้งต้นที่ทางหลวงหมายเลข 108 (เชียงใหม่-หางดง) ขับเส้นทางนี้ยามเช้าก็ได้สีสันไปอีกแบบครับ การจราจรโล่งดีเนื่องจากเราออกเช้า ผ่านอำเภอหางดง สันป่าตอง กิ่งอำเภอดอยหล่อ และจะเข้าจอมทองในไม่ช้า ป้ายบอกทางให้เลี้ยวซ้ายถ้าจะไปเถินและบ้านโฮ่ง ส่วนเราขับตรงไปตามป้ายที่บอกไปแม่ฮ่องสอน

   
           
               
 
สักพักเวลาเกือบ 9 โมงเช้าเราจอดรถเพื่อเติมน้ำมันพร้อมกับเติมพลังในร่างกายคืออาหารมื้อเช้าที่ปั๊มน้ำมันบางจากอ.จอมทองโดยปั๊มแห่งนี้เราเคยมาเติมเมื่อปีที่แล้วครั้งที่มาเที่ยวน้ำตกแม่ยะ

ผมเติมน้ำมันเต็มถังมิเตอร์บอก 450 บาทพร้อมกับเช็คลมยางและเติมให้เต็มตาม spec. ที่กำหนดไว้ ปั๊มนี้โชคดีตรงที่ทำเลที่ตั้งอยู่ใกล้ทางเข้าดอยอินทนนท์พอดีทำให้เหล่ารถตู้ที่พานักท่องเที่ยวมาเที่ยวไม่ว่าจะเป็นที่ดอยอินทนนท์หรือจะไปแม่ฮ่องสอนก็จะอาศัยจุดนี้เป็นที่พักรถและทานข้าวกัน ภายในร้านจัดตกแต่งได้อย่างสวยงามมีผลิตภัณฑ์พื้นเมืองด้วย เราสั่งโจ๊กใส่ไข่และกาแฟสดร้อนเพื่อให้ร่างกายอบอุ่นเนื่องจากอากาศข้างนอกหนาวเย็น

   
               
           
หลังจากหนังท้องตึงแต่หนังตายังไม่หย่อน เราก็เริ่มเดินทางกันต่อโดยผ่านพระธาตุจอมทอง เข้าอ.ฮอดแล้วเลี้ยวขวาตามวงเวียนหอนาฬิกาไปทางอ.แม่เสรียง แต่ก่อนหน้านั้นเราจะเจอกับอุทยานแห่งชาติออบหลวงซึ่งเป็นสถานที่ที่เราจะได้แวะเป็นแห่งแรกในวันนี้ เราขับรถมาไม่นานก็เข้าเขตอุทยาน ด้านขวามือเป็นสายน้ำไหลท่ามกลางป่าเขาอยากจะบอกว่าบรรยากาศดีมาก สงสัยต้องเป็นลำธารไหลมาจากออบหลวงแน่ๆ
   
           
               
         
   
ช่วงนี้รถไม่เยอะมีรถผมอยู่คันเดียวที่ขับไปแม่ฮ่องสอนแต่มีรถสวนมาบ้างเป็นครั้งคราว สักพักก็เจอกับจ้าวถนนซึ่งเป็นรถบรรทุก 6 ล้อคงกำลังขนสินค้าไปยังปลายทางแม่ฮ่องสอนเป็นแน่ ป้ายบอกทางบอกออบหลวงอยู่ทางขวามือ ผมเตรียมชะลอความเร็วเพื่อเข้าไปแวะสักพัก
         
               

 

 

เวลา 9.30 น.เราก็มาถึงอุทยานแห่งชาติออบหลวง มีรถจอดด้านหน้าอุทยานเพื่อทานกาแฟอยู่ 3-4 คัน

   
           
               
   
 
เราเดินไปสอบถามเจ้าหน้าที่ พี่ผู้หญิงทำหน้าที่ต้อนรับเรา ผมจึงถามไปว่า "ที่นี่ใช่มั๊ยครับที่มีภูเขาหินจูบกัน ?" พี่ผู้หญิงได้ยินที่ผมถามถึงกับยิ้มออกมาและบอกว่า "อ๋อค่ะ...ที่ช่องเขาขาด เดินไปอีก 350 เมตร" สอบถามสักพักจึงตัดสินใจไม่เอารถเข้าไปเนื่องจากใกล้มาก เสร็จแล้วจึงจ่ายค่าเข้าตามธรรมเนียมครับ ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท ยานพาหนะ 30 บาท
   
               
           
เดินเข้ามาภายในก็จะเจอกับลำธารที่เราได้ผ่านมาเมื่อตะกี๊ น้ำไหลแรงพอควรเหมาะกับการเล่นล่องแก่งมาก ใครสนใจสนนราคา 1,500 - 2,000 บาทตามจำนวนคนที่ลงในเรือยางนะครับ
   
   
 
ทางเดินก่อนจะเข้าไปดูภูเขาหินจูบกันหรือช่องเขาขาด เป็นวิวต้นไผ่ที่โค้งลงมาสองข้างทาง สวยงามมาก
   
               
           
เพื่อไม่ให้เสียเวลาก็ชักภาพสักหน่อย
   
           
               
 

 

 

เดินมาไม่ไกลก็มาถึงจุดชมวิวอันวาบหวิว นั่นก็คือ "ภูเขาหินจูจุ๊บกัน" นั่นเองหรือเรียกเป็นทางการว่าช่องเขาขาดโดยจะมีสะพานข้ามไปอีกฝั่งหนึ่ง

       
               
           
เราผลัดกันถ่ายรูปตรงจุดนี้จนพอใจแล้วก็เดินขึ้นไปยังดินแดนมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์    
           
         
       
 
พอขึ้นมาถึงทางที่จะเดินข้ามไปยังอีกฝั่งหนึ่ง ใครที่มาหลายคนโปรดสังเกตป้ายเตือนนิดหนึ่งนะครับเพราะเขียนไว้ว่า "รับน้ำหนักได้ 5 คน" มากกว่านั้นไม่อยากจะคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น....
       
               
           
น้องซีเดินขึ้นไปเป็นคนแรกเพื่อถ่ายรูปกลางสะพาน
   
           
               
         
   
มองลงมาจากสะพานยิ่งใจหายเพราะสูงมาก แถมด้านล่างเป็นโขดหินและน้ำไหลเชี่ยวพอสมควร