สืบเนื่องจากการทำอัตวินิบาตกรรมของ
น.ส.
ณัชนนท์
เมฆี
นักเรียนทุนรัฐบาลโครงการหนึ่งอำเภอหนึ่งทุนการศึกษา
มาศึกษาต่อในสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี
บรรดาเพื่อนนักเรียนไทยที่นี่ต่างรู้สึกตระหนกใจและเสียใจอย่างยิ่ง
ทั้งยังเสียดายแทนประเทศไทยที่ต้องสูญเสียอนาคตของชาติไปคนหนึ่ง
ภายหลังโศกนาฏกรรมนี้
ภาครัฐที่เกี่ยวข้องได้ออกมาชี้แจง
โดยมุ่งประเด็นหลักไปที่ความไม่พร้อมของตัวบุคคล
มีการเสนอมาตรการระยะสั้นจำนวนมาก
ดังเช่น
จัดหาผู้ดูแลเพิ่มเติม
เพิ่มการเตรียมความพร้อมสำหรับนักเรียนที่จะจัดส่งในรุ่นต่อไป
อนุญาตให้นักเรียนที่ประสบปัญหาสามารถเปลี่ยนสาขาหรือกลับไปศึกษาต่อยังประเทศไทยได้
เป็นต้น
ทางสมาคมนักเรียนไทยในสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน
(สนทย.)
เห็นว่าการดำเนินการแก้ไขปัญหาแบบยั่งยืนนั้นจำต้องอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลและทัศนะที่ถูกต้องต่อปัญหาหลายประเด็นเพื่อก่อให้เกิดการพิจารณาปัญหาอย่างลึกซึ้งถ่องแท้รอบด้านในการร่วมกันฟันฝ่าวิกฤติการศึกษาอันเกิดจากมายาคติที่ว่าโครงการหนึ่งอำเภอหนึ่งทุนการศึกษาจักช่วยสร้างความเท่าเทียมทางการศึกษาและสอดคล้องกับการพัฒนาประเทศโดยรวม
ในฐานะที่พวกเรากำลังศึกษาอยู่ที่ประเทศเยอรมัน
มีความใกล้ชิดกับเหตุการณ์
ได้สัมผัสรับรู้ปัญหาและข้อขัดข้องในการดำเนินโครงการดังกล่าว
จึงเห็นพ้องต้องกันว่าควรนำเสนอข้อมูลปัญหาเพื่อก่อให้เกิดความเข้าใจ
ตลอดจนข้อเสนอแนะแนวทางการแก้ไขปัญหาหลักที่รากแก้วเพื่อผลประโยชน์ของชาติในระยะยาว
หนึ่งอำเภอหนึ่งทุนการศึกษามิใช่การกระจายโอกาสและความเท่าเทียมทางการศึกษา
แม้แนวคิดเบื้องต้นของโครงการนี้เป็นไปเพื่อการกระจายโอกาสและความเท่าเทียมทางการศึกษาแก่นักเรียนในพื้นที่ส่วนอำเภอครอบคลุมทั้งประเทศ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งครอบครัวที่มีรายได้ต่ำกว่าหนึ่งแสนบาทต่อปี
ทั้งยังมุ่งหวังว่านักเรียนทุนจากภูมิภาคเหล่านี้เมื่อเรียนสำเร็จกลับไปประจำพื้นที่ของตนก็จักช่วยกระตุ้นให้ท้องถิ่นมีความตื่นตัวกระตือรือล้นพัฒนาตนเองขึ้นมา
และจักเป็นการพัฒนาประเทศอย่างทั่วถึงโดยรวม
แต่ข้อเท็จจริงก็คือ
โครงการนี้มิได้เป็นโครงการต่อเนื่องเป็นเพียงการให้ทุนเพียงครั้งเดียว
นักเรียนทุนจากอำเภอเพียงหนึ่งคน
ซึ่งมิได้มีข้อผูกมัดว่าจะต้องกลับไปทำงานรับราชการชดใช้ทุนภายหลังสำเร็จการศึกษา
จักมีส่วนช่วยเหลือหรือเป็นกำลังเพียงไรในการช่วยเหลือพัฒนาท้องถิ่นอำเภอของตน
แล้วรัฐจักตรวจสอบได้อย่างไรว่าเขาเหล่านี้จักกลับไปประจำพื้นที่ของตน
ทั้งโครงการนี้ดำเนินการโดยเร่งด่วน
กระบวนการคัดเลือกที่มิได้เป็นมาตรฐานเดียวกันทุกอำเภอ
บ้างก็ประกวดเขียนเรียงความ
บ้างก็จัดสอบข้อเขียน
แล้วจักกล่าวได้อย่างไรว่ามีความยุติธรรมเท่าเทียม
ทั้งมิได้เป็นเครื่องรับประกันเลยว่าจักเป็นการคัดเลือกได้นักเรียนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมในการศึกษาต่างประเทศซึ่งมีเกณฑ์การตรวจวัดผลที่เข้มงวด
ซึ่งอาจนำผลร้ายมาสู่อนาคตของนักศึกษาได้ในภายหลัง
นอกจากนี้นักเรียนทุนโครงการนี้ทั้ง
๗๙๐ คนส่วนใหญ่ถูกกำหนดให้ไปศึกษายังประเทศที่มิได้มีภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่
ดังเช่น ส่งไปฝรั่งเศส
๑๖๔ คน ญี่ปุ่น
๑๒๘ คน เยอรมัน
๘๕ คน อิตาลี
... คน เนเธอร์แลนด์
... คน แม้จะเป็นการเลี่ยงมิให้ทักษะในการใช้ภาษาอังกฤษของนักเรียนทุนจากต่างจังหวัดกลายเป็นจุดอ่อนในการศึกษา
แต่ก็มิได้คำนึงถึงว่านักศึกษาเหล่านี้ก็ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเรียนรู้ภาษาแม่ของประเทศที่ไปศึกษาอยู่เป็นหลัก
ทั้งประเทศเหล่านี้เองมิได้มีเจ้าหน้าที่ในการดูแลนักศึกษาไทยไว้อย่างพอเพียงเพราะมีนักศึกษาไทยอยู่เป็นจำนวนน้อย
บ้างก็ยังไม่มีสมาคมนักเรียนไทยด้วยซ้ำ
เมื่อส่งคนมาศึกษาต่อเป็นจำนวนมากกว่านักศึกษาที่มีอยู่เดิมจักมุ่งหวังให้นักศึกษารุ่นพี่ที่มีจำนวนน้อยกว่าและวัยวุฒิมิได้แตกต่างกันมากเข้าไปช่วยดูแลได้อย่างไร
ดังนี้
การดำเนินการด้วยเงินแผ่นดินกว่า
๖,๐๐๐
ล้านบาทสำหรับทุนการศึกษาเจ็ดปีของคนราวแปดร้อยคน
จึงมิอาจเรียกว่าเป็นการกระจายโอกาสและความเท่าเทียมทางการศึกษาระยะยาวของคนทั้งประเทศได้
ทั้งยังมิได้เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศในระยะยาวอย่างแท้จริง
แม้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ยังคาดว่าจักมีนักศึกษาจำนวนไม่ต่ำกว่า
๑ใน ๔ ที่ไม่อาจสำเร็จการศึกษาด้วยซ้ำไป
สถานการณ์การศึกษาต่อในเยอรมันที่ยากไร้ผู้ดูแล
การเรียนภาษา
ผู้ที่จบระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจากประเทศไทยจักศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาในเยอรมันได้เฉพาะหลักสูตรภาษาเยอรมันเท่านั้น
และแม้ไม่มีการสอบคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัย
แต่นักเรียนทุกคนจักต้องสอบภาษาเยอรมันเพื่อเข้าโรงเรียนเตรียมมหาวิทยาลัยก่อน
จึงต้องเตรียมตัวด้านภาษาให้มีความพร้อม
และใช้เวลาในการเรียนภาษาราวหกเดือนถึงหนึ่งปี
เมื่อส่งนักเรียนมาเป็นจำนวน
๘๔ คน ในขณะที่สถาบันภาษามาตรฐานมีจำนวนจำกัด
จึงต้องจัดการให้นักเรียนไทยจำนวนมากเข้าเรียนที่โรงเรียนภาษาแห่งเดียวกัน
แม้การเรียนที่เดียวกันจักช่วยสร้างมิตรสัมพันธ์ระหว่างนักเรียนทุนแต่ก็ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการเรียนภาษาและอาจจะละเลยการเรียนรู้และสัมพันธภาพกับนักศึกษาต่างชาติซึ่งมีวัฒนธรรมแตกต่างกันด้วย
การสอบเข้าโรงเรียนเตรียมมหาวิทยาลัย
โรงเรียนเตรียมมหาวิทยาลัยทั้งสายสามัญและสายอาชีพทั่วทั้งเยอรมันมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด
๔๓ แห่งเท่านั้น
ซึ่งจำกัดอัตราการรับนักเรียนจากแต่ละประเทศ
ฉะนั้น
นอกจากนักเรียนไทยจะต้องสอบแข่งขันกับนักเรียนต่างชาติแล้วยังต้องแข่งขันกับนักเรียนไทยด้วยกันเอง
โดยทางมหาวิทยาลัยกำหนดให้แต่ละคนมีโอกาสสอบเข้าเพียง
๓
ครั้งเท่านั้น
นอกจากนี้
แต่ก่อนนั้นรัฐบาลไทยไม่เคยส่งนักเรียนนักศึกษาไปศึกษาในพื้นที่เยอรมันตะวันออก
เพราะเป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงที่ชาวต่างชาติอาจถูกทำร้ายได้
แม้ปัจจุบันจะลดน้อยลง
แต่ทัศนคติของคนเยอรมันแถบนั้นต่อชาวต่างชาติยังคงไม่เป็นด้านบวกนัก
หากในที่สุดแล้วต้องส่งนักเรียนไทยโครงการนี้ไปเรียนในพื้นที่นั้นเพราะข้อจำกัดเรื่องอัตราที่นั่งในการเรียนทางฝั่งตะวันตก
ก็อาจเกิดเผชิญกับปัจจัยปัญหาอื่น
จนส่งผลต่อประสิทธิภาพในการเรียนได้
ผู้ดูแลนักเรียนไทยในเยอรมัน
ปัจจุบันในเยอรมันไม่มีสำนักงานผู้ดูแลนักเรียนไทยของก.พ.
ตั้งอยู่ นักเรียนทุนรัฐบาลไทยล้วนอยู่ในความดูแลของอัครราชทูตฝ่ายการศึกษาประจำลอนดอน
ซึ่งนอกจากจะอยู่ห่างไกลก็ยังมีภาระในการดูแลนักเรียนในอังกฤษเองกว่าหกร้อยคน
นักเรียนทุนในเยอรมันช่วงระยะสองปีแรกก่อนเข้ามหาวิทยาลัยจักอยู่ในความดูแลของบริษัทเอกชนที่รัฐบาลจ้างไว้โดยจ่ายเป็นรายหัว
โดยมีผู้รับผิดชอบในการดำเนินงานเพียงหนึ่งคน
ซึ่งไม่อาจจะดูแลได้อย่างทั่วถึงได้
สถานทูตไทยในเยอรมันเองก็มีข้อจำกัดในการช่วยเหลือดูแลชาวไทยในเยอรมันหลายหมื่นคนอยู่แล้ว
มิพักต้องกล่าวถึงการดูแลนักเรียนไทยด้วยซ้ำ
นักเรียนทุนรัฐบาลร้อยกว่าคนและทุนส่วนตัวอีกหลายร้อยคนจำเป็นต้องดูแลและให้คำแนะนำกันเอง
โดยมีสมาคมนักเรียนไทยฯ
ในเยอรมัน
เป็นศูนย์กลางการให้ข้อมูลการศึกษา
ทั้งยังให้คำแนะนำและความช่วยเหลือกับนักศึกษาไทยที่ประสบปัญหาอีกด้วย
แต่องค์กรก็มีข้อจำกัดทั้งด้านกำลังทุนและกำลังคนซึ่งเป็นนักศึกษาไทยที่เป็นอาสาสมัครมาดำเนินการ
และยิ่งส่งนักเรียนทุนมาเป็นจำนวนเกือบร้อยคนในทีเดียวโดยปราศจากการพิจารณาเตรียมการเรื่องอัตราส่วนในการดูแลของเจ้าหน้าที่ภาครัฐ
สถานการณ์ของนักศึกษาไทยในเยอรมันจึงถือได้ว่าปราศจากผู้รับผิดชอบดูแลโดยตรงอย่างเต็มที่และจริงจัง
ข้อเสนอแนะ
๑.
ขอให้รัฐบาลทบทวนระงับโครงการในลักษณะเดียวกันที่จะมีขึ้นในอนาคต
และหารูปแบบการดำเนินการใหม่ที่เหมาะสม
ไม่ว่าจะเป็นการจัดตั้งกองทุนกลางเพื่อให้ทุนให้เปล่าแก่นักเรียนที่สอบเข้าวิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัยได้แล้วแต่ครอบครัวมีฐานะยากจน
การเพิ่มเงินสนับสนุนให้กับสถาบันศึกษาเพื่อนำไปจัดสรรและมอบทุนการศึกษาให้กับนักเรียนนักศึกษาที่ยากจน
การยกระดับมาตรฐานการศึกษาในท้องถิ่นให้ทัดเทียมกับในเมืองใหญ่หรือต่างประเทศ
จัดตั้งวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยในท้องถิ่นที่เก็บค่าเล่าเรียนแต่น้อยหรือไม่เก็บเลย
ดังนี้ จึงจะเป็นการสร้างความยุติธรรมด้านโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาที่มีมาตรฐานทั้งระดับโรงเรียน
วิทยาลัยและมหาวิทยาลัย
และเป็นการใช้เงินงบประมาณแผ่นดินอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลตรงเป้าหมายตามปรัชญาการกระจายความเท่าเทียมทางการศึกษา
๒.
การส่งนักเรียนไทยไปศึกษาต่างประเทศแม้จะมีข้อดีที่ได้เรียนรู้วิทยาการของประเทศอื่น
แต่นักเรียนนอกก็ขาดความรู้ดั้งเดิมในประเทศตน
การตัดต่อยอดความรู้จึงมิอาจกระทำได้หากขาดซึ่งรากฐานทางปัญญาที่เข้มแข็งในสังคม
การศึกษาในประเทศจึงสมควรได้รับการสนับสนุนและปรับพื้นฐานให้แข็งแกร่งเพื่อปรับประยุกต์ได้กับความรู้จากต่างประเทศ
ด้วยการให้งบสนับสนุนการวิจัยค้นคว้าในประเทศ
จัดหางบเช่าซื้อการเข้าใช้ฐานข้อมูลวารสารวิชาการต่างประเทศและจัดตั้งศูนย์กลางแจกจ่ายข้อมูลไปยังมหาวิทยาลัยทั่วประเทศดังนี้
เราจึงจักสามารถสังเคราะห์ความรู้ของตนเอง
ที่เหมาะสมและตอบสนองความต้องการของประเทศไทยได้
๓.
การสนับสนุนเด็กนักเรียนที่เรียนดี
มีความสามารถ
ให้มีโอกาสได้มาศึกษาต่อในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้นนั้น
สามารถดำเนินการจัดศูนย์สอบแข่งขันชิงทุนรัฐบาลในต่างจังหวัด
จัดให้มีเงินสนับสนุนค่าใช้จ่ายเหล่านั้นให้กับนักเรียนยากจนที่ต้องการสมัครสอบ
เพื่อลดค่าใช้จ่ายในขั้นตอนการสอบชิงทุน
และเป็นขั้นตอนคัดเลือกที่มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับ
สามารถคัดเลือกบุคคลที่มีศักยภาพในการเรียนการปรับตัว
สามารถช่วยเหลือตนเองได้
ทั้งยังต้องจัดเจ้าหน้าที่ดูแลอย่างใกล้ชิดในอัตราส่วนที่เหมาะสมขณะที่ทำการศึกษา
สมาคมนักเรียนไทยฯ
มุ่งหวังว่า
ประเด็นปัญหา
ข้อมูล และข้อเสนอแนะที่นำเสนอเหล่านี้จักช่วยเสริมสร้างความเข้าใจและเป็นประโยชน์ในการพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาในระยะยาวได้
ขอแสดงความนับถือ
สมาคมนักเรียนไทยในสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน
ในพระบรมราชูปถัมภ์
(สนทย.)
|