หนุ่มสาวดัดจริต > จดหมายจากยุโรป กรณีกรือเซะ ๒๘ เมษา

 

 เรียน พี่น้องผองเพื่อนชาวไทยผู้เป็นที่รักยิ่ง

 

เหตุร้ายในวันที่ ๒๘ เมษายนที่ผ่านมาได้ก่อให้เกิดความเศร้าเสียใจในหมู่พวกเราเป็นอย่างยิ่ง พวกเราเองนั้นแม้จะอยู่ไกลบ้าน แต่ก็มีหัวใจแห่งความห่วงหาอาทรบ้านเมืองและผืนแผ่นดินแม่เช่นเดียวกับเพื่อนชาวไทยทั้งหลาย โดยมิได้ลดน้อยลงไปตามระยะทางเลย

 

ข่าวคราวที่ได้รับเกี่ยวกับสถานการณ์ภาคใต้ในช่วงสามสี่เดือนที่ผ่านมานั้นได้ก่อให้เกิดความวิตกกังวลในใจของพวกเราไม่น้อย เพราะมิอาจทราบได้ถึงสาเหตุที่แท้จริงของปัญหา เมื่อมิอาจหาสาเหตุได้ย่อมมิอาจจะหาหนทางแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกต้อง จึงทำให้ช่วงเวลาที่ผ่านมาสังคมไทยตกอยู่ในความสับสน และนานวันผ่านไปยิ่งขมวดปมขัดแย้งไปในทิศทางของความเข้าใจผิดและไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างพี่น้องชาวไทยพุทธและพี่น้องชาวไทยมุสลิม

 

พวกเราเองนั้นตระหนักรู้ดีว่าอยู่ไกลจากพื้นที่ มิได้มีโอกาสสัมผัสกับปัญหาอย่างพี่น้องชาวไทยในประเทศได้ แต่พวกเราก็มิอาจจะอยู่นิ่งเฉยกับความเดือดร้อนของบ้านเมืองได้ จึงได้พยายามรวบรวมพลังปัญญาและความคิดเท่าที่มีอยู่มานำเสนอแนวทางในการจัดการปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้น โดยได้พยายามข่มความกลัว ทั้งยังเชื่อมั่นในหัวใจอันเปิดกว้างของพี่น้องชาวไทย ในการที่จะรับฟังความคิดเห็นอีกมุมหนึ่งจากยุวชนไทยในต่างประเทศ ซึ่งมีเจตจำนงอันดีต่อบ้านเกิดและพี่น้องชาวไทยอันเป็นที่รักทุกคน ดังมีประเด็นดังต่อไปนี้

 

๑.     ประเด็นปัญหาที่แท้

 

ปัญหาที่แท้จริงนั้นอยู่ที่ความรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นความรุนแรงของผู้ก่อความไม่สงบ การใช้อำนาจรัฐ และมุมมองของสังคมที่มีต่อปัญหา

 

ความรุนแรงของผู้ก่อความไม่สงบนั้น แสดงออกมาในรูปของการทำร้ายพระภิกษุสงฆ์ เจ้าหน้าที่ และพลเมืองผู้บริสุทธิ์ รวมถึงการทำลายทรัพย์สินและสถานที่ราชการ

 

ส่วนความรุนแรงของการใช้อำนาจรัฐนั้น อยู่ในรูปของการปราบปรามผู้กระทำผิดแทนการป้องปราม ดังเหตุการณ์ที่มัสยิดกรือเซะ ซึ่งเป็นเสมือนการถลำตัวเข้าไปในกับดักของความรุนแรง ไม่ว่ากับดักนั้นจะถูกวางโดยใครหรือไม่ แต่ภาพเหตุการณ์ของเจ้าหน้าที่รัฐผู้มีกำลังและอาวุธเหนือกว่าจู่โจมมุสลิมผู้มีจำนวนน้อยกว่า และมีอาวุธน้อยกว่า ได้ถูกเผยแพร่ไปทั่วโลก อาจจะเป็นเหตุให้รัฐอิสลามทั่วโลกประกาศสงครามกับไทยได้

 

ในส่วนของมุมมองสังคมต่อปัญหาก็เต็มไปด้วยท่าทีของความสบใจในการใช้กำลังความรุนแรง ทั้งสื่อมวลชนเองก็เพิ่มอัตราเร่งความเกลียดชังด้วยการนำเสนอข่าวที่ชักนำสู่ความขัดแย้งและแตกแยก ไม่ว่าจะเป็นการเสนอข่าวอาชญากรรมรายวันโดยชาวมุสลิม แทนที่การนำเสนอข้อมูลเชิงลึก ช่วยสร้างความรู้ความเข้าใจของที่มาแห่งปัญหา ทั้งในกรอบของประวัติศาสตร์ สังคม และวัฒนธรรม

 

หากเราสามารถเข้าใจพื้นฐานที่มาของความรุนแรงและเกลียดชังนี้ได้ ดังเช่น ในสถานการณ์ที่ตำรวจทหารขณะปฏิบัติหน้าที่ล้อมมัสยิด ถูกบีบคั้นด้วยเหตุปัจจัยรอบด้านขณะนั้น อาจจะพอนึกออกได้ว่ากลุ่มบุคคลที่ก่อเหตุร้ายเหล่านั้นอาจจะได้รับความบีบคั้นจนระเบิดออกมาเป็นความรุนแรงได้ หากเข้าใจถึงความบีบคั้น อันเป็นต้นตอแห่งความรุนแรงที่แท้จริงนั้นได้ เราย่อมอาจสามารถแก้ไขปัญหา ด้วยการไปกำจัดเหตุแห่งความบีบคั้นนั้นโดยตรง ดังนี้ จึงจะเป็นการแก้ปัญหาอย่างถึงรากถึงโคน

 

นอกจากนี้เราจำต้องระลึกอยู่เสมอว่า ศัตรูที่แท้ คือ ความโกรธ ความเกลียดชัง ในหัวใจของเราเอง ต้องระวังมิให้ความโกรธความเกลียดชังเหล่านั้นออกอาละวาดไปทำร้ายทำลายชีวิตของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ศาสนิกชนทุกฝ่ายจำต้องดึงเอาศาสนธรรมมาประยุกต์ใช้ในสถานการณ์วิกฤตร่วมกัน สร้างความรัก ความเมตตา ให้เกิดขึ้น โดยอาจจะถือว่า ในภาวะแห่งความสับสนเดือดร้อนนี้ เป็นโอกาสอันดีในการบำเพ็ญธรรมะว่าด้วยขันติ อุเบกขา และฝึกมองอย่างลึกซึ้ง ให้เห็นโครงสร้างอันซับซ้อนของปัญหา เห็นเหตุปัจจัยต่อเนื่อง ไม่แยกมองปัญหาเป็นส่วน ๆ ทั้งยังต้องระวังในการบริโภคข่าวสารข้อมูล โดยถือกาลามสูตรไว้ให้มั่น ดังนี้ เราจึงจะต่อสู้กับความเกลียดชังในสังคมได้ เมื่อสังคมมีสันติสุข ภัยจากภายนอกก็ย่อมก่อให้เกิดอันตรายมิได้

 

๒.     ประเด็นเสนอแนวทางแก้ไข

 

การพัฒนานั้นย่อมต้องเป็นไปอย่างรอบด้านจึงจะสมบูรณ์ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคม วัฒนธรรม ความมีสติปัญญา ศีลธรรม และความสงบเรียบร้อยทั้งภายนอกภายใน การแก้ไขปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ก็เช่นเดียวกัน ทั้งนี้ การพัฒนานั้นย่อมประสบผลด้วยดีหากปรับเข้ากับวิถีชีวิตของพี่น้องในท้องถิ่น เป็นการรักษาคุณค่าดั้งเดิมให้คงอยู่ คงไว้ซึ่งเกียรติและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ โดยให้คุณค่าทางจริยธรรมอยู่เหนือความเจริญทางวัตถุ ทั้งนี้ แนวทางที่พวกเราใคร่จะนำเสนอนั้น พอจะสรุปได้ดังนี้

 

๒.๑ การศึกษา

การศึกษานั้นย่อมก่อให้เกิดปัญญา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างไร ระบบการศึกษาสมัยใหม่นั้นก็ก่อให้เกิดภาวะมลพิษทางปัญญาได้เช่นกัน ดังนั้นการจัดการศึกษา จำต้องคำนึงถึงการพัฒนาด้านสมองควบคู่ไปกับจิตใจ การผสานหลักสูตรการสอนศาสนาของโรงเรียนปอเนาะ ซึ่งเป็นตักกศิลาของภูมิธรรมอิสลาม เข้ากับหลักสูตรสมัยใหม่ ย่อมเป็นการสร้างโอกาสให้เยาวชนในพื้นที่พัฒนาตนเอง มีโอกาสศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยมากขึ้น ทั้งยังเป็นเยาวชนที่มีวิถีอิสลามเป็นศีลกำกับชีวิต และหากมีการสนับสนุนองค์ความรู้ทางด้านอิสลามในท้องถิ่นอย่างจริงจัง เป็นต้นว่า ยกระดับวิทยาลัยอิสลามให้เป็นมหาวิทยาลัย ย่อมเป็นการเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้ศึกษาแนวทางที่ถูกต้องของอิสลาม โดยไม่จำกัดว่านักศึกษานั้นจะเป็นศาสนิกชนใด ดังนี้แล้ว ประเทศไทยอาจกลายเป็นสุวรรณภูมิขององค์ความรู้อิสลามในเอเชียอาคเนย์ขึ้นมาได้ โดยยุวชนอิสลามไม่จำเป็นต้องออกไปศึกษาต่อยังต่างประเทศ โดยทุนการศึกษาของกลุ่มอิสลามภายนอกประเทศ และอาจจะรับเอาอุดมการณ์ความคิดในทางที่อาจจะเดินคนละทางกับประเทศไทยจากประเทศเหล่านั้นกลับมา

 

๒.๒ คุณภาพชีวิตและโอกาส

 

วิถีอิสลามนั้นให้ความสำคัญกับจิตใจเหนือวัตถุ ดังนั้น มิอาจจะเอาตัวเลขทางเศรษฐกิจมาเป็นดรรชนีในการพัฒนาได้ หากมีการดูแลเรื่องสิทธิและโอกาสในการมีคุณภาพชีวิตที่ดี ก็เป็นการลดเงื่อนไขความบีบคั้นทางโครงสร้างอันว่าด้วยความอยุติธรรมในระดับหนึ่ง คิดง่าย ๆ ว่า หากเขาเจ็บป่วย เขาย่อมมีสิทธิที่จะได้รับการรักษาพยาบาลตามควร มีสิทธิจะได้เรียนหนังสือแก้ความไม่รู้ของตัว มีปัญหาทุกข์เดือดร้อน ย่อมมีสิทธิที่จะได้รับความคุ้มครองจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ ดังนั้น หากมีการผลิตบุคลากรด้านสาธารณสุขการและการศึกษาด้วยการให้ทุนการศึกษากับยุวชนในท้องที่ เพื่อสร้างบุคลากรมีคุณภาพและความเจริญในท้องถิ่น น่าจะแก้ปัญหาขาดแคลนบุคลากรด้านนี้ไปได้ในระดับหนึ่ง หรือการจัดการบริหารส่วนท้องถิ่น โดยคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของคนในพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้นำทางศาสนา ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับการยอมรับจากชุมชน เหล่านี้ อาจช่วยลดปัญหาการเลือกปฏิบัติอันเกิดจากความเหลื่อมล้ำทางวัฒนธรรมลงไปได้บ้าง ทั้งยังสร้างความมั่นคงปลอดภัย และไว้วางใจ ระหว่างประชาชนในพื้นที่กับเจ้าหน้าที่รัฐ

 

๒.๓ การสร้างความเข้าใจในสังคม

ความเกลียดชังนั้นมีพื้นฐานอยู่บนความไม่รู้ หากพี่น้องต่างถิ่นได้เรียนรู้จักวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของแต่ละฝ่ายย่อมก่อให้เกิดความเข้าใจ และสร้างบรรยากาศผ่อนปรนประนีประนอมระหว่างกันได้มาก กระทรวงวัฒนธรรมสามารถทำงานในแนวรุกได้ โดยการใช้เครื่องมือของรัฐที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นสถานีโทรทัศน์ วิทยุ สนับสนุนให้สร้างรายการทางวัฒนธรรม  ซึ่งมิได้หมายถึงการนำเสนอสถานที่ท่องเที่ยว แต่เป็นการนำเสนอชีวิตผู้คนในแต่ละท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นชีวิตของพี่น้องชาวไทยในภาคเหนือ อิสาน กลาง ใต้ ออก ตก เพื่อก่อให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ระหว่างกัน ได้เห็นความแตกต่าง ขณะเดียวกันก็รับรู้ถึงความเป็นมนุษย์เหมือน ๆ กันในความแตกต่างนั้น กระทรวงศึกษาก็สามารถร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในการจัดสร้างหลักสูตรการศึกษาที่เหมาะสมสอดคล้องกับวิถีท้องถิ่น ให้เข้าใจถึงประวัติศาสตร์ด้วยท่าทีที่ถูกต้อง คือ มิใช่เพื่อฟูมฟายกับความหลัง แต่เป็นการเรียนรู้รากที่มา สร้างความภาคภูมิและเชื่อมั่นในตนเอง ทั้งยังเรียนรู้จากความผิดพลาด มหาวิทยาลัยเองก็สามารถส่งเสริมงานวิจัยในพื้นที่นี้เพื่อสร้างองค์ความรู้ให้เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือกระทรวงอุตสาหกรรมสามารถส่งเสริมการผลิตอาหารอิสลามเพื่อการตลาดได้ โดยประสานกับชุมชนอิสลาม เพราะตลาดอาหารอิสลามทั้งในและนอกประเทศก็เป็นตลาดใหญ่ที่น่าสนใจ เป็นการสร้างงานในท้องถิ่นอีกด้วย นักวิชาการจำต้องออกมาให้สติปัญญาต่อสังคมให้มากขึ้น แม้ในส่วนของผู้นำทางศาสนาก็ต้องพยายามจัดสนทนาวิสาสะกันให้มาก เพื่อสร้างตัวอย่างอันดีว่า ผู้มีคุณภาพทางจิตวิญญาณนั้น ที่แท้เขาไม่ทะเลาะกันเลย นั่นคือ กระทรวงต่าง ๆ จำต้องร่วมมือกันทำงานในการแก้ไขปัญหาภาคใต้ มิใช่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายความมั่นคงแต่เพียงอย่างเดียว กลุ่มองค์กรอิสระต่าง ๆ ก็จำต้องร่วมมือกันสร้างความเข้าใจอันดีงามให้เกิดขึ้นภายในสังคม ไม่แบ่งแยกหรือเกี่ยงกันว่าการทำงานและความรับผิดชอบต้องตกอยู่ในมือของฝ่ายรัฐเพียงด้านเดียว เพราะหากแม้กระทั่งรัฐและองค์กรอิสระไม่อาจจะร่วมมือกันทำงานได้ จะสร้างความสมานสามัคคีภายในชาติได้อย่างไร

 

อาจจะมีผู้ค่อนว่า แนวทางดังกล่าวเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของคนกลุ่มน้อย ทั้งคนไทยในภูมิภาคอื่นเขามิได้คิดจะแยกตัวออกไปปกครองตนเองอย่างพี่น้องทางภาคใต้เลย พวกเราขอเรียนด้วยความนับถือว่า หากใคร่ครวญพิจารณาปัญหาความไม่สงบทางภาคใต้อย่างจริงจังแล้ว จะพบว่ามีเงื่อนไขปัจจัยแตกต่างมากมาย ดังเช่น หากเทียบกับเชียงใหม่ อดีตเมืองหลวงของล้านนา ผู้คนในเชียงใหม่ยังอู้คำเมือง แต่งชุดเมือง มีความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมท้องถิ่นของตน ทั้งยังเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของประเทศไทย มีโรงเรียน มหาวิทยาลัย และวิทยาลัยจำนวนมาก ยังไม่นับโรงพยาบาล และคลีนิคที่อยู่เต็มเมือง สภาพคุณภาพชีวิตเช่นนี้มิได้ปรากฎในสี่จังหวัดภาคใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัตตานี ซึ่งมีอดีตยิ่งใหญ่ ทั้งด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมเลย เมื่อผู้คนได้รับความบีบคั้น เขาย่อมจะหาทางดิ้นรนไปทางอื่น แล้วเรื่องของความบีบคั้นนั้นมิได้เกิดขึ้นเพียงชั่วคืนเดียว การทำความเข้าใจความบีบคั้นอันก่อให้เกิดความโกรธและความเกลียดชังสะสมแล้วระเบิดออกมาเป็นความรุนแรงนั้นสามารถทำได้ด้วยการศึกษาจากประวัติศาสตร์ไว้เป็นบทเรียน

 

ปัญหาความขัดแย้งในมิติต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนี้ แม้มิใช่เรื่องง่ายที่จะแก้ไข แต่พวกเราเชื่อว่าสังคมไทยยังมิได้เข้าไปอยู่ในตาอับ ยังมีทางเลือกต่าง ๆ มากมาย ดังที่ได้พยายามเขียนแสดงไว้ข้างต้นนานาประการ ความรุนแรงซึ่งมักจะมีเหตุผลรองรับว่าไม่มีทางเลือกนั้นมิอาจจะเกิดขึ้นได้เลย หากได้ใคร่ครวญพิจารณาปัญหาอย่างลึกซึ้ง พวกเรามุ่งหวังว่า ข้อเสนอแนะในบทความนี้ อาจจะช่วยเสริมมุมมองในการแก้ไขปัญหาบนพื้นฐานของสติปัญญาและอหิงสธรรมในสังคมบ้างไม่มากก็น้อย

 

ด้วยความรักและนับถือ

 

สมาคมนักเรียนไทยในสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน ในพระบรมราชูปถัมภ์

 



หน้าแรก
| ปัญญาชนสยาม | หนุ่มสาวดัดจริต | กังวานเกี่ยวข้อง | ข้าวตอกดอกมะเขือ | กลับสู่ด้านบน

เว็บไซต์นี้จัดทำด้วยความกระตือรือล้นของใครหลายคนนั้น
ก้อนหิน และหรือดอกไม้ กรุณาหารือกับนักการ
พยายามปรับปรุงข้อมูลครั้งล่าสุด เมื่อวันที่
๗ พฤศจิกายน ๒๕๔๗