กังวานเกี่ยวข้อง > ควายเพื่อนรักของฉัน
 

ขณะนี้ มันทำให้รู้สึกว่า ควายเพื่อนรักของฉันหายหน้าไปไหนกันหมด? ทุกวันนี้ไม่ว่าฉันหันหน้าไปมองทางไหน แทบไม่เห็นเธอเลยที่รัก มันทำให้รู้สึกว้าเหว่ใจมาก ๆ เธอรู้หรือเปล่าว่าฉันเกิดความรู้สึกมาแต่อดีตอันยาวนานแล้วว่า เธอคือส่วนหนึ่งของชีวิตและจิตใจฉันมาตั้งแต่ฉันยังมีอายุไม่มากนัก เพราะเคยเห็นเธอเดินเต็มไปหมด ไม่ว่าที่ไหน ๆ ซึ่งมีคนไทยทำนา หรือที่ไหนซึ่งมีผู้ถือคุณธรรมเป็นหลักปฏิบัติ จะมีเธอร่วมอยู่ด้วยเสมอ ฉันยังจำได้ดีว่า ขณะที่ฉันยังเล็กอยู่ ฉันเคยเล่นกับเธอ ซึ่งเดินเป็นกลุ่ม ๆ อยู่ริมทางรถไฟ บางครั้งก็อยู่ระหว่างช่วง ซึ่งเธอเดินเล็มหญ้ากินในบริเวณชายทุ่ง ฉันเดินเข้าไปตบหลังเธอเล่น บางครั้งก็ใช้ไม้เขี่ยปลิง ซึ่งเกาะกินเลือดเธออยู่ในบริเวณใต้ท้องบ้าง ตามหว่างขาบ้าง เธอเองก็แสนจะดี แม้ว่ามีเขาอันแหลมคม แต่ก็ไม่เคยคิดทำร้ายฉัน หรือแม้แต่ใคร ๆ ทั้งนั้น อย่างไรก็ตาม ฉันเริ่มเห็นคนส่วนใหญ่ คิดเอาแต่ได้กันมาแล้ว จึงมักสะท้อนภาพความรู้สึกจากใจออกมาเป็นคำพูด ดูถูกเธอ โดยเอามาเปรียบกับเพื่อนบางคนว่า "โง่เหมือนควาย"

แทนที่จะมองอีกด้านหนึ่ง แล้วเห็นได้ชัดเจนว่านี่คือความดีส่วนหนึ่งของเธอ เนื่องจากยอมให้เขาใช้งานแม้เหน็ดเหนื่อยแค่ไหน บางคนยังทั้งดุด่าเฆี่ยนตี แต่เธอก็คงไม่มีปากมีเสียง อีกทั้งยังไม่คิดทำร้าย หากไม่เหลืออดจริง ๆ แล้ว ช่วงที่เกิดมา แม้ฉันจะเกิดกลางใจเมืองกรุงเทพฯ ซึ่งแน่นอนที่สุด บนพื้นฐานสังคมลักษณะนี้ เธอคงถูกคนกรุงกีดกันไม่ให้มาเดินเพ่นพ่าน ทำให้ฉันหมดโอกาสที่สัมผัสกับชีวิตเธอในช่วงเริ่มแรก หลังจากเติบโตขึ้นมาจนกระทั่งมีอายุ 4 ขวบ พ่อกับแม่ ก็ย้ายออกมาอยู่ชานเมือง ซึ่งช่วงนั้นยังมีสภาพเป็นทุ่งนาอันกว้างใหญ่ ที่เขียวชอุ่มไปด้วยต้นข้าวในฤดูฝน ซึ่งเกิดจากแรงของเธอแทบทั้งนั้น ฉันรู้สึกรักบรรยากาศแห่งใหม่อย่างลึกซึ้ง แต่ละวันมักใช้ชีวิตออกไปเดินเล่นบ้าง นั่งเล่นบ้าง ตามชายทุ่ง ซึ่งมันมีสภาพตรงใจฉันที่สุด ฉันพยายามมองหาเพื่อนซึ่งมีใจเดียวกัน ทำให้รู้ว่า "เราอยู่คนเดียวในโลกไม่ได้"

บรรยากาศที่ว่า มันทำให้ฉันมีโอกาสพบเธอเสมอ ๆ เธอจึงเป็นที่รักและได้รับความสนใจจากฉันเรื่อยมา บางครั้งฉันเฝ้ามองดูตาเธอ ตาเธอนูนใส และมีความหมาย สมควรแก่ความรู้สึกเมตตามาก ๆ ควายเพื่อนรักของฉัน จากเวลาที่ผ่านพ้นมาแล้ว แม้นานแค่ไหนก็ตาม ฉันยังไม่ลืมความจริงเลยว่าเธอทำงานหามรุ่งหามค่ำให้กับมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูทำนา เริ่มต้นตั้งแต่การไถดะ ไถแปร ลากคราดเก็บ ขี้หญ้ามาปล่อยไว้ตามริมคันนาให้กลายสภาพเป็นปุ๋ย เธอก้มหน้าก้มตาเดินโดยไม่ปริปากร้องแม้แต่แอะเดียว ทั้ง ๆ ที่มนุษย์ส่วนใหญ่ ผู้หวังใช้งานมักใช้วิธีทั้งร้องด่า ทั้งตี อย่างไรก็ตาม ฉันก็ยังมีโอกาสเห็นคนใจดีมีเมตตากับเธออยู่บ้าง แม้ไม่มากนัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามค่ำคืน ยังมีน้ำใจก่อไฟช่วยไล่ยุงและแมลงซึ่งอาจบินมาไต่ตอม เกรงว่าเธอจะเดือดร้อน ฉันพบว่ามีบางคนรักควายเหมือนกับลูก คอยดูแลอย่างใกล้ชิด ในยามค่ำคืนมักเก็บเธอไว้ในคอก ซึ่งใกล้ชิดบ้านที่สุด บางรายให้เธอนอนพักผ่อนใต้ถุนบ้านก็มี แม้ได้ยินเสียงดิ้นผิดปกตินิดหน่อย เจ้าของมักรีบลุกขึ้น เดินลงบันไดมาส่องไฟดูอย่างละเอียดรอบคอบ คอยเป็นห่วงเป็นใยอยู่ตลอดเวลา ฉันเห็นเธอทำงานรับใช้คนแบบอาบเหงื่อต่างน้ำ แม้อาหารก็ไม่ต้องไปเที่ยวได้ซื้อหามาจากที่ไหน เพราะหญ้าและพรรณไม้นานาชนิดในนาและไรก็ยังมีมากพอ นอกจากนั้น ระหว่างช่วงฤดูแล้ง ฟางข้าวซึ่งเก็บไว้ก็ยังเป็นอาหารให้เธอได้อีกด้วย มาถึงช่วงหลัง ๆ คนต่างชาติซึ่งรากฐานจิตใจไม่ได้ผูกพันอยู่กับพื้นดินผืนนี้ ได้นำเอาเครื่องจักรกล ซึ่งเกิดบนพื้นฐานของเขาเข้ามาเผยแพร่ ส่งผลมอมเมาทำให้เราซึ่งเป็นคนท้องถิ่น เริ่มต้นลืมตัว ทำให้คนไทยลืมเธอมากขึ้น ยิ่งถูกคนต่างชาตินำเอากระแส "ความทันสมัย" เข้ามาหลอกล่อให้จำต้องสูญเสียเงินทอง และความรัก ความเมตตา ซึ่งคนผู้เป็นเจ้าของเคยมอบให้กับเธอมาก่อน

ในที่สุดฉันก็พบความจริงจากผลการเปลี่ยนแปลงของรากฐานจิตใจคนท้องถิ่นว่า "เขาส่งเธอเข้าโรงฆ่าสัตว์อย่างเลือดเย็นที่สุด" หรือไม่ก็ขายให้คนชาติอื่นนำไปฆ่าเป็นอาหาร หันกลับมาดูที่พื้นดินของเราเอง เราเปลี่ยนมาใช้เครื่องจักรกลแทน ดังที่เห็นกันได้แทบทุกแห่งหนแล้ว ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีผลสนองประโยชน์แก่คนต่างชาติทั้งด้านล่างและด้านบน ไหนจะต้องเสียเงินค่าน้ำมัน ไหนจะค่าสึกหรอ สารพัดอย่างซึ่งต้องจ่ายให้คนอื่น ชาวนาไทยจึงจำต้องมีหนี้สินล้นพ้นตัว ไทยทั้งชาติจึงกลายเป็นลูกหนี้ชนต่างชาติ ชนิดที่ดิ้นหลุดได้ยากยิ่งขึ้น

หวนกลับไปนึกถึงอดีต แต่ก่อนนี้ คนไทยเคยมีน้ำใจต่อกัน เคยใช้ชีวิตอยู่อย่างเรียบง่ายมาก ไม่เคยหลงอยู่กับความฟุ้งเฟ้อ หากอยู่ในสภาพที่อาจกล่าวว่า "พอมีพอใช้" โดยไม่มีหนี้สินล้นพ้นตัว อีกทั้งมุ่งมั่นทำงานอยู่กับพื้นดิน อย่างรู้คุณค่า "ในวิญญาณของฉันเอง ขอรักคนลักษณะนี้ยิ่งชีวิตตัวเอง เพราะขณะนี้หายากที่สุดแล้ว หากมีอยู่อาจเปรียบได้ดุจเพชรเม็ดงามที่สุดของแผ่นดินไทย แม้วันนี้อาจจมอยู่ในโคลน แต่มันก็เป็นโคลน ซึ่งมีคุณค่าที่สุดเช่นกัน" โดยทั่ว ๆ ไปแล้ว มาถึงช่วงนี้ ฉันอดรู้สึกไม่ได้ว่า คนไทยส่วนใหญ่มาก ๆ ชอบดูถูกของดีของตัวเอง แล้วจึงสานไปถึงการทำลายล้างกันเองในที่สุด อนิจจาชีวิตไทย! เท่าที่ผ่านพ้นมาแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างทำให้ฉันมองเห็นว่า คนไทยส่วนใหญ่สนใจของสูง ยิ่งสูงมากเท่าไหร่ก็ยิ่งอยากได้มากเท่านั้น ซึ่งความจริงแล้ว ความคิดเป็นสิ่งบ่งบอกถึงทิศทาง ที่ส่งผลสร้างสรรค์หรือทำลายรากฐานชีวิตตัวเอง หากสามารถคิดกลับทิศทางได้ ย่อมมองเห็นความจริงได้เองอย่างอิสระว่า ยิ่งต่ำลง ก็ยิ่งรู้สึกว่ามีคุณค่าสูงขึ้น เมื่อนั้นแหละ เมืองไทยจะกลับฟื้นคืนสู่สภาพปกติ เช่นแต่ก่อน ช่วยให้สามารถมั่นคงอยู่ได้

ควายที่รักของฉัน เพราะฉันไม่เคยรู้สึกดูถูกเธอเลย ฉันจึงคิดและมองเห็นสัจธรรม ซึ่งนำมาบันทึกไว้แด่ชนรุ่นหลัง ฉันขอฝากสิ่งนี้ทั้งหมดไว้ให้เธอทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่รู้ได้ลึกซึ้งที่สุด ย่อมดึงฉันได้ก่อน ก่อนที่ชีวิตนี้จะจบสิ้นลง ไม่ว่าเพราะเหตุใด ซึ่งแต่ละคนย่อมไม่อาจรู้ได้ถึง จนกว่าสิ่งนั้นจะเกิดขึ้นแล้ว

 

ระพี สาคริก



หน้าแรก
| ปัญญาชนสยาม | หนุ่มสาวดัดจริต | กังวานเกี่ยวข้อง | ข้าวตอกดอกมะเขือ | กลับสู่ด้านบน

เว็บไซต์นี้จัดทำด้วยความกระตือรือล้นของใครหลายคนนั้น
ก้อนหิน และหรือดอกไม้ กรุณาหารือกับนักการ
พยายามปรับปรุงข้อมูลครั้งล่าสุด เมื่อวันที่
พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๗