ปัญหามันคงไม่มากเท่านี้ ถ้าเรารู้จักวางชีวทัศน์ไว้ในกรอบใหญ่ระดับจักรวาล
ถ้ามีสำนึกเข้าใจว่าโลกมีอายุจำกัด เอกภพมีเวลาจำกัด และชีวิตคนเป็นเพียงพริบตาเดียวในห้วงยามเหล่านั้น
บางทีเราอาจจะเบียดเบียนกันน้อยลง
ปีกลายนี้เขียนบทความไว้หลายสิบชิ้น เมื่อจัดหมวดหมู่แล้วก็พอจะแบ่งได้เป็นสี่ปัญหาใหญ่
คือ
ปัญหาแรกเป็นเรื่องเกี่ยวกับความเสื่อมทรุดของรัฐชาติ (Nation State)
ในประเทศไทย ซึ่งทำให้สังคมของเราถูกอำนาจภายนอกผูกมัดไว้ด้วยเงื่อนไขเสียเปรียบหลายประการ
ปัญหาที่สอง การเมืองภาคประชาชน ซึ่งเกิดจากความล้มเหลวของแนวทางพัฒนาประเทศแบบรวมศูนย์ความได้เปรียบไว้ที่ส่วนกลาง
และเกิดจากข้อบกพร่องของการเมืองภาคผู้แทน ที่ไม่สามารถแก้ไขโครงสร้างที่กดทับชาวบ้านได้
ปัญหาที่สาม ภาวะเน่าเสียของลูกหลานชนชั้นกลางทั้งในด้านการศึกษา
วัฒนธรรม วิถีชีวิต และความคิดจิตใจ
สุดท้าย ความเสื่อมทรุดทางด้านจิตวิญญาณของคนไทยโดยทั่วไป ซึ่งแสดงออกมาอย่างมากในรูปของการแก่งแย่งชิงดีกัน
ตั้งแต่บนท้องถนนไปจนถึงในห้องทำงาน
ประเด็นต่างๆ โดยแก่นแกนแล้วโยงใยกันอยู่ โดยมีทุนนิยมโลกาภิวัตน์เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญให้เกิดเรื่องพวกนี้ขึ้นมา
ทุนโลกภิวัตน์เกี่ยวอะไรกับสำนึกด้านกาลเวลา อาวุธหลักอย่างหนึ่งของระบบทุนปัจจุบัน
คือข่าวสารที่เดินทางได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้ผู้คนมึนชาทางความคิดไปไม่น้อย
ในทุกเวลานาที ผู้คนได้ถูกกระตุ้นเร้าด้วยข่าวสารที่ถูกปล่อยออกมาอย่างมีแผนการ
ชีวิตสับสนอลหม่าน ย่อยแยะอะไรไม่ทัน อย่าว่าจะไปคิดเรื่องบ้านเรื่องเมือง
ความเร็วไม่ใช่อะไรอื่น หากคือการเดินทางข้ามระยะทางโดยสัมพันธ์กับเวลา
เมื่อข่าวสารเดินทางด้วยเวลาเท่ากับความเร็วของแสง ความถี่ของข่าวที่เข้ามาสู่ผู้รับจึงมากมายมหาศาลจนแทบประมาณมิได้
หลายคนเลิกรับข่าวสารเพราะทนไม่ไหว บางคนเลือกบริโภคข่าวที่ทำให้ตนเองพอใจ
และมีอยู่ไม่น้อยที่รับทุกอย่างแต่คิดตามไม่ทัน
ทุนระบบโลกาภิวัตน์ ได้ทำให้มนุษย์หันมาหมุนรอบตัวเองด้วยความเร็วสูง
จนกระทั่งลืมโคจรข้ามเว้งฟ้าเพื่อชื่นชมจักรวาล
ปัญหาทั้งหมดที่เขียนมาในปีกลาย ถ้าจะสะสางกันจริงๆ คงต้องตั้งสติกันทั้งประเทศเลยทีเดียว
ไม่ว่าจะเป็นการนิยามส่วนรวมใหม่แทนคำว่าชาติแบบกลวง ๆ การขยายกระบวนการประชาธิปไตยเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากขึ้น
ตลอดจนการปฏิวัติระบบการศึกษาเพื่อสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ หรือการถ่วงดุลลัทธิบริโภคนิยมด้วยวัฒนธรรมจิตวิญญาณก็ตาม
ทั้งหมดนี้จำเป็นต้องอาศัยการลงลึกทางปัญญาทั้งสิ้น
ยังนึกไม่ออกว่าจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร ถ้าไม่ตั้งจิตให้สงบเสียก่อน
และวิธีหนึ่งที่ผมใช้ค้นหาความสงบก็คือ ต้องมองข้ามเหตุการณ์เบื้องหน้าไปสู่กรอบเวลาที่กว้างไกล
ครับปีใหม่แล้ว
ผมอยากชวนทุกท่านมาลองทำแบบนี้ดู
เสกสรรค์ ประเสิรฐกุล
มติชนรายวันฉบับวันที่
4 มกราคม 2546
|