หนุ่มสาวดัดจริต > จดหมายถึงนักศึกษาไทยในต่างประเทศ กรณีความรุนแรงในสังคมไทย

ดร. สิวินีย์ สวัสดิอารีย์
สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

 

สวัสดีค่ะน้องๆ พี่ๆ และเพื่อนๆ ทุกคน  

ข้าพเจ้าขอรบกวนเวลา และเนื้อที่ของท่าน โดยจะขอพูดคุยและเรียกร้องจากทุกท่าน ดังนี้

ข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่าขณะนี้สังคมไทยกำลังเดินมุ่งตรงเข้าสู่ปัญหา ซึ่งเป็นปัญหาซึ่งมีธรรมชาติของความรุนแรงเป็นพื้นฐาน และเป็นปัญหาซึ่งเคยนำยุโรป และท้ายที่สุดคือโลกทั้งหมดเข้าสู่ตาจน และเข้าสู่สงครามมาแล้ว นั่นคือปัญหาความแตกแยกทางเชื้อชาติ ศาสนา ซึ่งนำไปสู่การเหยียดหยาม และเดียดฉันท์ และจบลงที่การเป็นปฏิปักษ์ และทำลายล้าง  

ข้าพเจ้ามีความเห็นว่าความแตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องเชื้อชาติ ศาสนา ความเชื่อ ความคิด ความเห็น หรือรสนิยมเป็นเรื่องปรกติ และไม่ใช่ที่มาของความขัดแย้ง หรือการทำลายล้าง แต่เมื่อความแตกต่างถูกเปลี่ยนเป็นความเดียดฉันท์ แตกแยกแล้วนั้น มันจะกลายเป็นแรงผลักดัน เป็นเชื้อเพลิงของการทำลายล้างให้ปะทุได้ต่อเนื่องยาวนาน และรุนแรง มีปรากฏการณ์ในธรรมชาติมากมายที่สามารถเทียบเคียงได้กับปรากฏการณ์ทางสังคมนี้ ข้าพเจ้าเห็นว่าความแตกแยก เดียดฉันท์ดังกล่าวนี้ได้เกิดขึ้นแล้วในสังคมไทย ไม่ว่าจะเป็นด้วยกลไกใดที่ทำให้ความเดียดฉันท์แตกแยกนี้เกิดขึ้น แต่ขณะนี้ความแตกแยกเดียดฉันท์นั้นได้เกิดขึ้นแล้ว ข้าพเจ้ามีความหวังเพียงอย่างเดียวก็คือ ทำอย่างไร สังคมไทยจึงจะได้รับรู้ว่า ตนเองกำลังตกอยู่ในวังวนของความแตกแยกเดียดฉันท์อันนี้ ได้เห็นกระบวนการ และกลไกการทำลายล้างของความแตกแยกเดียดฉันท์อันนี้ ได้เห็นจุดจบของการเดินตามทางของความแตกแยกเดียดฉันท์ และได้เห็นหนทาง หรือแนวทางในการแก้ปัญหาดังกล่าว  

เมื่อคืนนี้ข้าพเจ้าได้ไปร่วมรับฟังการสนทนา อภิปรายที่ "ชมรมผู้สื่อข่าวต่างประเทศในประเทศไทย" คำถามและความสนใจของผู้สื่อข่าวต่างประเทศซึ่งมุ่งเน้นไปที่การแบ่งแยกดินแดน และการให้มีลงประชามติโดยประชาชนท้องถิ่นนั้น ทำให้ข้าพเจ้าแปลกใจ และฉุกใจ ว่าความสงสัย ความสนใจดังกล่าวมีสาเหตุมาจากอะไร และควรมองความสนใจนี้อย่างไร  

1) ผู้รับจดหมายฉบับนี้ทั้งหมดคือนักเรียนไทยในต่างประเทศ หรืออดีตนักเรียนไทยในต่างประเทศทั้งสิ้น ข้าพเจ้าเลือกที่จะส่งจดหมายมาถึงท่าน เนื่องด้วยข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่าท่านในฐานะนักเรียน และอดีตนักเรียนไทยในต่างประเทศ มีภาระหน้าที่ และมีศักยภาพที่จะสร้างความเข้าใจดังกล่าว เนื่องจากประเทศที่ท่านเคย หรือกำลังศึกษาอยู่นั้น ล้วนเคยประสบปัญหาตามที่ข้าพเจ้าได้เกริ่นไว้ข้างต้น ประเทศเยอรมนี สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา สเปน บอสเนีย และประเทศในแถบบอลข่าน คือตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด ประเทศเหล่านี้ล้วนประสบปัญหาดังกล่าว และ/หรือกำลังประสบปัญหาดังกล่าวอยู่ ดังนั้น ประวัติศาสตร์และปัจจุบันของประเทศเหล่านี้ คือบทเรียนที่ดีสำหรับสังคมไทย  

ข้าพเจ้าขอเรียกร้องให้ทุกท่านใช้ศักยภาพ และโอกาสที่ท่านมี "สื่อสาร" ให้สังคมไทยได้รับรู้ถึงปัญหา ที่มาที่ไป กระบวนการและกลไก และผลลัพธ์ของปัญหาในลักษณะเดียวกันกับที่เกิดในสังคมไทยขณะนี้ จากประวัติศาสตร์ของประเทศอื่นๆ และที่สำคัญยิ่งก็คือแนวทาง และวิธีการในการแก้ปัญหาดังกล่าว  

ข้าพเจ้าขอเสนอให้มีการรวบรวมเอกสารประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง ผลการศึกษา ผลการวิจัย ความคิดความเห็นของผู้เชี่ยวชาญในการแก้ปัญหาในลักษณะเดียวกันนี้ แล้วนำเสนอภาพรวมของปัญหา จุดจบของปัญหา และการแก้ปัญหาของแต่ละประเทศ ต่อสังคมไทย  

2) ข้าพเจ้าได้มีโอกาสพูดคุย และสอบถามข้อคิดเห็นจากคณาจารย์หลายท่าน ทุกท่านมีความเห็นตรงกันว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ เป็นปัญหาระยะยาว และจะเป็นปัญหาที่จะอยู่กับสังคมไทยไปอีกไม่น้อยกว่า 5 ปี และอาจจะยาวนานกว่านั้นมาก ดังนั้นผู้ที่จะต้องมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหานี้คือท่านทั้งหลาย และน้องๆ รุ่นถัดไป ข้าพเจ้าจึงขอเรียกร้องให้ท่านเตรียมตัวให้พร้อม ใฝ่หาความรู้ ความเข้าใจที่จะเป็นประโยชน์ต่องานในอนาคตของท่าน และไม่ใช่เพียงแต่เตรียมตัวท่านเท่านั้น ท่านต้องเตรียมเพื่อนร่วมงาน ร่วมสังคมของท่านด้วย  

3) ข้าพเจ้าขอเรียกร้องให้ทุกท่านพิจารณาข่าวจากสำนักข่าวไทย ซึ่งรายงานคำให้สัมภาษณ์ของนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย เมื่อเย็นวานนี้ ซึ่งข้าพเจ้าได้แนบต่อท้ายจดหมายนี้ ข้าพเจ้ามีความเห็นว่าการใช้ความรุนแรงยังจะดำเนินต่อไป ไม่ว่าจะเป็นโดยรัฐบาล ฝ่ายต่อต้านรัฐบาล แต่ที่น่ากลัวที่สุดก็คือโดยสมาชิกของสังคมเอง ซึ่งข้าพเจ้าถือเป็นหน้าที่ของข้าพเจ้า ในอันที่จะปรับกระบวนการทัศน์ดังกล่าวนี้ของสังคม ทั้งนี้ ก็เป็นด้วยว่าข้าพเจ้าตระหนักว่าข้าพเจ้าคือสมาชิกคนหนึ่งของสังคม  

ด้วยมิตรภาพ และไมตรีจิต  

สิวินีย์ สวัสดิอารีย์  

 

นายกรัฐมนตรี ย้ำจัดการผู้ก่อความไม่สงบภาคใต้อย่างเด็ดขาด (สำนักข่าวไทย)

ทำเนียบฯ 17.. - นายกรัฐมนตรี ย้ำจะจัดการกับผู้ก่อความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ อย่างเด็ดขาด ตามกฎหมาย ยกพระราชดำรัสของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่รับสั่งว่า ผู้ที่ก่อเหตุในภาคใต้ไม่ใช่พี่น้องชาวไทยมุสลิม ประกาศจะทำหน้าที่อย่างดีที่สุด มั่นใจว่าจะควบคุมสถานการณ์ได้ โดยไม่ต้องให้สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จยิงปืนด้วยพระองค์เอง พร้อมเรียกร้องคนไทยทุกคนแสดงพลังให้รู้ว่า รักและห่วงใยพี่น้องในภาคใต้ รักแผ่นดินไทย และจะไม่ยอมให้ใครมาแบ่งแยกเด็ดขาด

...ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ระหว่างมอบนโยบายในการประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “อุบัติเหตุแก้ไขได้ ถ้าทุกฝ่ายเอาจริง” ว่า เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา หลังจากรับฟังพระราชดำรัสของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ แล้ว ทำให้ทุกส่วนต้องมีบทบาท โดยเฉพาะผู้ว่าราชการจังหวัด ถึงเวลาที่ทุกคนจะต้องเข้าใจเรื่องความรัก ความสามัคคีในชาติ สิ่งที่เกิดขึ้นในภาคใต้ จากที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ รับสั่งออกมาคำหนึ่ง มีความหมายลึกซึ้งมาก ที่พูดออกมาจากส่วนลึกของพระหทัยว่า เสด็จภาคใต้มา 30 กว่าปี เห็นพี่น้องชาวไทยมุสลิมมาอย่างต่อเนื่อง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทรงรับสั่งว่า ไม่ใช่พี่น้องชาวไทยมุสลิม“

ตรงนี้บอกให้รู้เลยว่า คนที่ทำมันไม่ใช่ไทยมุสลิมพันธุ์แท้ ผมบอกเลยว่า วันนี้ถึงเวลาที่พวกเราจะต้องแสดงพลังเพื่อให้พี่น้องใน 3 จังหวัดภาคใต้ รู้ว่า พวกเรารัก และห่วงใย โดยเฉพาะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพวกเห็นสันติ ดังนั้น พวกเราจะกดดันเรียกร้องให้เอาสันติคืนมา ส่วนคนที่คิดร้าย คิดมักใหญ่ใฝ่สูง อยากแบ่งแยกดินแดน เราจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด ซึ่งก็ไม่หนักหนาเกินไป” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี ยังย้ำมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 16 พฤศจิกายน ที่เชิญชวนคนไทยทั่วประเทศพับนกกระดาษ 62 ล้านตัว เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของสันติภาพ และในวันที่ 5 ธันวาคม รัฐบาลจะนำนกกระดาษจากประชาชนทั่วประเทศ ขึ้นเครื่องบินของกองทัพอากาศ ที่จะบินในระดับต่ำ เพื่อโปรยนกกระดาษไปในพื้นที่หมู่บ้าน และชุมชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเครื่องบินยังจะพ่นควันสีธงชาติ เพื่อบอกให้พี่น้องภาคใต้ทราบว่า เราห่วงใย และต้องการเห็นสันติภาพ ขอให้ดึงลูกหลานที่หลงผิดออกจากกระบวนการเสีย ส่วนพวกมักใหญ่ใฝ่สูงที่มีไม่กี่คนนั้น เราจะจัดการเอง ไม่ต้องห่วง ตนจัดการแน่ ไม่เอาไว้ทำพ่อสักคน

นายกรัฐมนตรี เรียกร้องให้ทุกฝ่ายช่วยแสดงพลังให้รู้ว่า เรารักแผ่นดินไทย ใครจะแยกแผ่นดินไทยไปจากเราไม่ได้ เราห่วงพี่น้องคนไทย ไม่ว่าจะนับถือศาสนาใด เราถือว่าเป็นคนไทยด้วยกันทั้งนั้น เราต้องการเห็นสันติ และต้องการให้ผู้ว่าฯ ผู้บัญชาการตำรวจ ข้าราชการ และภาคเอกชน ที่เข้าร่วมประชุม ช่วยกันขับเคลื่อนแสดงพลังตามพระราชดำรัส“สำหรับผมจะพยายามทำให้ดีที่สุด มั่นใจว่าเอาอยู่ ไม่ต้องถึงกับให้สมเด็จพระนางเจ้าฯ เสด็จยิงปืนด้วยพระองค์เอง การรับสั่งเช่นนี้แสดงให้เห็นว่า พระองค์ท่านพร้อมจะปกป้องแผ่นดินไทย แม้จะทรงพระชนมายุถึง 72 พรรษา ฉะนั้น คนไทยทั้งประเทศต้องร่วมมือกัน ถ้ามีการแยกดินแดนขึ้นจริง ผมจะอยู่ข้างหน้าเอง ผมไม่กลัวอยู่แล้ว แต่รับรองว่าเราจะใช้สันติวิธีให้มากที่สุด เพราะเชื่อว่ามันมีผู้หลงผิดอยู่ด้วย เราจะให้โอกาสผู้หลงผิด แต่ไอ้คนที่ตั้งใจจริง ๆ นั้น เราไม่เอาไว้” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า ถือเป็นบุญของคนไทยที่มีสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงห่วงใย และรักผืนแผ่นดินไทยมาก ทรงรักประเทศไทย และคนไทยทุกคน วานนี้ (16..) ทรงแสดงให้เห็นชัดเจนว่า ทรงห่วงใยมาก แม้กระทั่งจะทรงฝึกยิงปืน

สำหรับวิธีการดำเนินการกับคนร้ายนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่มีปัญหา ทุกฝ่ายทำงานเข้าที่เข้าทางกันแล้ว คิดว่าต่อไปนี้จะดีขึ้น ทหารก็ยังจะดูแลประชาชนเหมือนเดิม เพราะถ้ามีหน้าที่ปกป้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ ถ้าทหารไม่ดูแลแล้วใครจะดูแล ส่วนเรื่องการคุมฝูงชนที่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปดำเนินการแทนทหาร เพราะตำรวจมีความชำนาญในการควบคุมฝูงชน จะได้ไม่เกิดอุบัติเหตุขึ้นเท่านั้น

ต่อข้อถามว่า จำเป็นจะต้องเสริมกำลังทหารในพื้นที่หรือไม่ เพราะสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระราชดำรัสว่า ประชาชนให้ความไว้วางใจทหารมาก นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เวลานี้การจัดกำลังทหารมีเพียงพอ โดยเฉพาะในจุดที่อ่อนไหว ซึ่งเหตุการณ์ปัจจุบันก็เบาบางลงไปแล้ว ส่วนกรณีที่จะนำเอาประชาชนมาฝึกความกล้า และการใช้อาวุธ เป็นการฝึกเพื่อป้องกันตัวเองของคนที่เป็นแม่ม่าย หรือกลุ่มชาวไทยพุทธที่เคยถูกกดดันให้ออกนอกพื้นที่

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีปัจจัยอะไรที่ทำให้มั่นใจว่า จะใช้เวลาสั้นลงในการแก้ไขปัญหา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งที่ทำให้เกิดความมั่นใจคือ ข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้รับ หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่มัสยิดกรือเซะ จ.ปัตตานี และที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ทำให้เห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น จึงคิดว่าสถานการณ์จะเบาขึ้นมาก การทำงานต่อไปจะแคบลง แต่คงไม่สามารถกำหนดระยะเวลาได้ แต่จะพยายามทำให้ดีที่สุด

สำหรับระเบิดที่พบหน้าบ้านนายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ ส..นราธิวาส พรรคไทยรักไทย นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้รับรายงานว่าเป็นการวางระเบิด แต่สามารถกู้ได้ โดยวางไว้ห่างจากตัวบ้านประมาณ 20 เมตร และใกล้กับโรงเรียน คาดว่าเป็นการก่อความไม่สงบ ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับการเมือง นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการปล้นอาวุธปืนของชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ว่า กองกำลังเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กอ.สสส.จชต.) กำลังแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น.

- สำนักข่าวไทย
วันที่ : พุธ ที่ 17 พฤศจิกายน 2547
เวลา 18:24 

 



หน้าแรก
| ปัญญาชนสยาม | หนุ่มสาวดัดจริต | กังวานเกี่ยวข้อง | ข้าวตอกดอกมะเขือ | กลับสู่ด้านบน

เว็บไซต์นี้จัดทำด้วยความกระตือรือล้นของใครหลายคนนั้น
ก้อนหิน และหรือดอกไม้ กรุณาหารือกับนักการ
พยายามปรับปรุงข้อมูลครั้งล่าสุด เมื่อวันที่
๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๔๗