หนุ่มสาวดัดจริต > กลองสังกะสี

นิยายเล่มนี้มีชื่อเดิมว่า Die Blechtrommel หรือ The tin drum ในภาษาอังกฤษ เป็นนิยายเรื่องแรกของกึนเทอร์ กรัส นักเขียนเยอรมัน ผู้จบด้านศิลปะ ขณะนั้นยังเป็นนักเขียนอายุ ๓๒ ปี นิยายหนาเจ็ดร้อยกว่าหน้าเล่มนี้ เมื่อแรกตีพิมพ์ถูกแบ่งเป็นสามเล่มจบ เป็นภาคแรกของดานซิกชุดไตรภาค อีกสองเรื่องคือ แมวกับหนู และปีหมา กึนเทอร์ กรัส ถือว่าเป็นนักเขียนคนสำคัญของเยอรมันยุคหลังสงคราม

ฉากหลังของนิยายเรื่องนี้คือเมืองดานซิก นอกจากจะเป็นบ้านเกิดของกึนเทอร์ กรัส แล้ว ยังเป็นเมืองกันชนระหว่างเยอรมันและโปแลนด์ ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ด้วยความที่เป็นเมืองท่าติดทะเล ทั้งเยอรมันและโปแลนด์ต่างก็อ้างว่าดานซิกเป็นของตน แม้ว่าฝ่ายโปแลนด์จะหาหลักฐานมายืนยันได้ ว่าดานซิกเป็นของโปแลนด์ตั้งแต่ปีค.ศ. ๑๙๗๓ ฝ่ายสัมพันธมิตรซึ่งเป็นผู้ชนะสงคราม ก็เลือกตัดสินใจอย่างชาญฉลาด ว่าดานซิกไม่ได้เป็นของทั้งเยอรมันและโปแลนด์ ถือว่าอยู่ในความดูแลของ League of Nations ที่รวมตัวกันขึ้นมาหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง แต่ระบบเศรษฐกิจของดานซิกถือว่าขึ้นกับโปแลนด์

กลองสังกะสีเป็นเรื่องราวของออสการ์ มัทเซอราธ ชายหลังค่อมอายุสามสิบปี ผู้นั่งเขียนประวัติตัวเองและครอบครัวในสถานบำบัด โดยเริ่มตั้งแต่ยุคก่อนสงครามในเมืองดานซิก ช่วงปีค.ศ. ๑๙๒๔ และจบลงที่ยุคหลังสงครามในเมืองดึสเซลดอร์ฟ เขาเกิดมาพร้อมกับหูวิเศษ สามารถรับรู้ทุกเรื่องราว และถือว่ามีความสุกงอมทางจิตวิญญานตั้งแต่เกิด เขาหยุดการเจริญเติบโตทางร่างกายไว้เมื่ออายุได้สามปี มีกลองสังกะสีเป็นเพื่อนคู่กาย และเสียงร้องที่ทำให้แก้วแตกกระจาย

อานนา บรอนสกี แต่งงานกับโยเซฟ โคลยาอิเชค ผู้ต้องหาวางเพลิง ซึ่งหนีจากโปแลนด์มาซ่อนอยู่ใต้กระโปรงสี่ชั้นของเธอ เป็นเหตุให้เกิด อากเนส ลูกสาว ไม่นานนักโยเซฟก็จมหายไปในน้ำใต้แพซุง เธอแต่งงานใหม่กับเกรกอร์ พี่ชายของโยเซฟ ส่วนอากเนสแต่งงานกับอัลเฟรด มัทเซอราธ มียาน บรอนสกี ลูกพี่ลูกน้องเป็นชู้รัก และเป็นบิดาของออสการ์ มัทเซอราธ ที่อัลเฟรด มัทเซอราธต้องรับเลี้ยงไว้เกือบตลอดชีวิตหลังจากที่อากเนส บรอนสกี เสียชีวิตจากการกินปลาไหล และยาน บรอนสกีถูกยิงตายไปช่วงสงคราม

ออสการ์มี แฮร์แบร์ต ทรุคซินสกี เป็นเพื่อนสนิท ชายอารมณ์ดีผู้มีแผลเป็นเต็มหลัง ยอมตกงานเพื่อที่จะได้ไม่ไปชกต่อยกับคนอื่นแม้จะเป็นการป้องกันตัว แต่แฮร์แบร์ตก็จากไป เมื่อถูกไม้แกะสลักรูปหญิงสาวในพิพิธภัณฑ์กอดเอาทะลุอก ออสการ์ตกหลุมรักมาเรีย ทรุคซินสกี น้องสาวของแฮร์แบร์ต และสูญเสียเธอไปให้กับอัลเฟรด มัทเซอราธ บิดาในนามของออสการ์ แม้ว่าเธอจะมีควร์ต ผู้ซึ่งอาจจะเป็นบุตรชายของออสการ์กับเธอ ด้วยความเสียใจ ออสการ์ได้เดินทางหนีไปอยู่คณะละครของเบบรา ที่เดินสายโฆษณาชวนเชื่อให้ฝ่ายรัฐบาลช่วงสงคราม เมื่อโรสวิธา ชู้รักของออสการ์เสียชีวิตลง เพราะลงไปเอากาแฟในบ้านเวลาเดียวกับที่ระเบิดลง เขาก็กลับบ้านไปเป็นหัวหน้าเด็กในนามของพระบุตร และเมื่ออัลเฟรด มัทเซอราธตาย เพราะถูกทหารรัสเซียยิง เขาก็ตัดสินใจที่จะโต เพื่อรับผิดชอบเลี้ยงดูมาเรียและควร์ต แต่ก็สูงขึ้นได้ไม่เท่าไหร่และกลายเป็นคนหลังค่อมไปเสียอีก

หลังจากย้ายไปดึสเซลดอร์ฟ ออสการ์ฝึกเป็นช่างแกะสลักหินหลุมฝังศพ รายได้ดีขึ้น แต่มาเรียก็ไม่ยอมแต่งงานด้วย ออสการ์ทิ้งงานไปเป็นนายแบบเปลือยให้นักเรียนศิลปะ ภาพดี แต่มาเรียไม่ยอมรับเงินเลี้ยงดูที่ถือว่าไม่ได้เกิดจากสัมมาชีพ เลยต้องแยกไปเช่าห้องอยู่ต่างหาก เขาพบเคล็ปป์ นักดนตรีที่ชวนเขาตั้งวงแจ๊ส ออสการ์ตีกลองจนมีชื่อเสียง แต่ก็ยังหลงไหลคลั่งไคล้มาเรียและพยาบาลอยู่ดี แฟนเพลงเขาส่วนใหญ่เป็นคนวัยใกล้เคียงกัน เพราะออสการ์เล่นเพลงแห่งความทรงจำในอดีต ผู้คนล้วนแต่จ่ายเงินมาฟังเพื่อหลั่งน้ำตาโดยไม่ต้องอาศัยหัวหอม เขามีวิตลาร์ ผู้ซึ่งเห็นออสการ์เก็บนิ้วมือคนได้ขณะเดินเล่น เป็นเพื่อน แล้วก็ให้วิตลาร์แจ้งความจับตัวเอง และหนีไปปารีส เพื่อที่ว่าวิตลาร์จะได้มีชื่อปรากฎอยู่ในหนังสือพิมพ์บ้าง

นิยายที่เต็มไปด้วยบุคลาธิษฐานเหล่านี้ค่อนข้างอ่านยาก ภาษาเยอรมันของกึนเทอร์ กรัส ถือได้ว่าอ่านแบบหืดขึ้นคอทีเดียว เพราะเขาเขียนให้สิ่งไร้ชีวิตหรือนามธรรมมีชีวิตจิตใจขึ้นมา คล้ายกับสำนวนของ `รงษ์ วงค์สวรรค์ กลวิธีการเขียนที่สนุกตื่นเต้น และไม่ซ้ำแบบในทุกบททุกตอน เป็นแรงผลักดันให้อ่านต่อไปได้ตลอดจนจบ บางตอนอ่านแล้วรู้สึกอยากหัวเราะและร้องไห้ไปพร้อม ๆ กัน กึนเทอร์ กรัสไม่ยอมประนีประนอมกับคนอ่านเอาเสียเลย สรรพนามของออสการ์ที่ใช้เป็นทั้งบุรุษที่หนึ่งและบุรุษที่สาม มีเพียงสองบทเท่านั้น ที่เขียนจากมุมมองของบรูโน บุรุษพยาบาลและวิตลาร์ ผู้สหาย

กึนเทอร์ กรัสเขียนความน่าชังของสงคราม การหักหลังหลอกลวง อาชญากรรม ซ่อนไว้ในรหัสยนัยอย่างแนบเนียน เราจำต้องอ่านด้วยความพินิจพิเคราะห์และตั้งใจ บทสุดท้ายของเล่มแรก ที่ว่าด้วย "ศรัทธา ความหวัง ความรัก" นั้น อ่านแล้วขนลุกด้วยความจับใจจนต้องอ่านซ้ำอีกครั้งหนึ่ง พร้อมกับอุทานว่า “งานเขียนอะไรอย่างนี้”

 

เกี่ยวกับผู้เขียน

กึนเทอร์ กรัส เกิดเมื่อ ๑๖ ตุลาคม ค.ศ. ๑๙๒๗ ที่เมืองดานซิก เยอรมนี หลังจากถูกปล่อยตัวออกมาจากการเป็นนักโทษสงครามในคุกอเมริกัน ก็ไปเรียนเป็นช่างแกะสลักหิน ศึกษาการวาดภาพและประติมากรรมที่เมืองดึสเซลดอร์ฟและเบอร์ลิน ปี ค.ศ. ๑๙๕๖ ตีพิมพ์บทกวีเล่มแรกพร้อมภาพลายเส้น ในปี ค.ศ. ๑๙๕๙ นิยายเล่มแรก “กลองสังกะสี” ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมในปี ค.ศ. ๑๙๙๙ ปัจจุบันพำนักอยู่ใกล้เมืองลือเบ็ค

 



หน้าแรก
| ปัญญาชนสยาม | หนุ่มสาวดัดจริต | กังวานเกี่ยวข้อง | ข้าวตอกดอกมะเขือ | กลับสู่ด้านบน

เว็บไซต์นี้จัดทำด้วยความกระตือรือล้นของใครหลายคนนั้น
ก้อนหิน และหรือดอกไม้ กรุณาหารือกับนักการ
พยายามปรับปรุงข้อมูลครั้งล่าสุด เมื่อวันที่
๗ พฤศจิกายน ๒๕๔๗