หนังสือเล่มนี้ของอัลวิน
ทอฟเลอร์เป็นเล่มที่สาม ในหนังสือชุดว่าด้วยความพยายามการเปลี่ยนแปลงของโลก
โดยเริ่มตั้งแต่ ฟิวเจอร์ช็อค(พ.ศ. ๒๕๑๓) คลื่นลูกที่สาม(พ.ศ. ๒๕๒๓)
และอำนาจใหม่(พ.ศ. ๒๕๓๓) มิติทางด้านเวลาของหนังสือชุดนี้ครอบคลุมราว
พ.ศ. ๒๔๙๓ - ๒๕๗๘
เมื่อสังเกตเทียบกับกระบวนการเปลี่ยนแปลงของโลกในทศวรรษที่่ผ่านมา
โลก ก็ดูเหมือนจะหมุนไปในทิศทางที่เขาพยากรณ์ไว้ ทั้งเขาเองได้รับเชิญเป็นที่ปรึกษาประธานาธิบดีคลินตัน
หนังสือเขามีอิทธิพลต่อรองประธานาธิบดีอัล กอร์ ผู้ได้ชื่อว่าเป็นนักการเมืองที่เป็นปัญญาชนคนหนึ่ง
ขนาดไหน ก็ดูได้จากว่าอัล กอร์ใฝ่ใจกับการผลักดันให้อเมริกาเป็นประเทศผู้นำทางเทคโนโลยีสารสนเทศ
ตลอดจนสังคมความรู้อย่างไร
ฟิวเจอร์ช็อค อธิบายถึงกระบวนการเปลี่ยนแปลงของโลก คลื่นลูกที่สาม
แสดงให้เห็นถึงทิศทางในการเปลี่ยนแปลง ส่วนอำนาจใหม่ บอกว่าใครจะเป็นผู้ควบคุมการเปลี่ยนแปลง
ข้าพเจ้าเองเห็นว่าสังคมไทยกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการเปลี่ยนแปลง
เทคโนโลยีสารสนเทศได้เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตมนุษย์อย่างไร มิพักจำเป็นต้องพูดถึงอีกต่อไปแล้ว
อำนาจใหม่จึงเป็นหนังสือที่อธิบายยุคสมัยปัจจุบันได้ค่อนข้างเด่นชัด
หนังสือเล่มนี้มีชื่อในภาษาอังกฤษว่า
Powershift: Knowledge, wealth and violence at the edge of the
21st century - การเคลื่อนย้ายอำนาจ: ความรู้ ความมั่งคั่ง และความรุนแรง
ณ จุดเริ่มของศตวรรษที่ ๒๑ อัลวินได้แจกแจงอำนาจออกเป็นสามประเภท
คือ อำนาจที่เกิดจากการใช้กำลัง อำนาจที่เกิดจากเงิน และอำนาจที่เกิดจากความรู้
ทั้งนี้ เขายืนยันว่าความรู้เป็นอำนาจที่มีคุณภาพมากที่สุด โดยได้แสดงภาพอำนาจจากความรู้ซึ่งมีบทบาทมากที่สุดในสังคมเทคโนโลยีสารสนเทศ
ซึ่งเป็นทิศทางของโลกในปัจจุบัน ทั้งยังแสดงให้เห็นว่าผู้ที่ควบคุมช่องทางของความรู้ก็คือผู้ที่ควบคุมอำนาจเหล่านั้น
เขาได้ชี้ให้เห็นชิ้นส่วนต่าง
ๆ ของอำนาจในทางสังคมและการเมือง การช่วงชิงอำนาจในระดับต่าง ๆ ทั้งระดับประเทศและโลกก็คือการประสานใช้อำนาจทั้งสามประเภท
คือความรู้ เงิน และกำลัง อย่างเหมาะสม
เมื่ออ่านจบก็ทำให้มองเห็นภาพรวมของสังคมร่วมสมัยได้ไม่ยาก
และทำให้เข้าใจได้มากขึ้นว่าอำนาจนั้นอยู่ในมือใครบ้าง และอย่างไร
อัลวินเป็นผู้เชี่ยวชาญในการคิดคำใหม่ขึ้นมาใช้
ตอนที่เขาเขียนหนังสือคลื่นลูกที่สาม เขาใช้คำว่า globalization
แต่ภาษาไทยยังไม่มีคำว่าโลกาภิวัฒน์ จึงจะเห็นคำแปลที่่ว่า เป็นไปทั้งโลกอยู่ทั่วไป
เมื่อเขาเขียนหนังสือเล่มใหม่ คำว่าสังคมความรู้ ก็เป็นคำใหม่ที่เขาเสนอขึ้นมา
วาทกรรมเรื่องสังคมความรู้นั้นกำลังก่อให้เกิดความสับสนในสังคมไทยพอควร
เพราะ นัยยะสังคมความรู้ของทางตะวันตกนั้น เป็นที่มาของอำนาจ ซึ่งจะนำมาซึ่งความมั่งคั่งในท้ายที่สุด
ทั้งนี้ความผาสุกของสังคมโดยรวมนั้นกลับเป็นสิ่งที่ถูกมองข้ามโดยปริยาย
อัลวินเองก็ออกจะยอมรับข้อบกพร่องในการมองโลกแง่ดีของตนในแง่นี้
เขาจึงได้เขียนหนังสือ สงครามและสันติภาพ ออกมาอีกเล่ม โดยมีเนื้อหากล่าวเตือนว่า
หากมีการใช้อำนาจที่ก่อให้เกิดความตึงเครียดบีบคั้น โลกก็จะสูญเสียความสมดุล
ก่อให้เกิดสงครามและความขัดแย้งไม่มีสิ้นสุด คำกล่าวเตือนของเขาเป็นจริงหรือไม่นั้น
ก็ขอให้พิจารณาว่าช่วงปีที่ผ่านมา มนุษย์โลกต้องผจญกับสงครามทั้งที่ประกาศและไม่ประกาศ
โดยเหตุแห่งการใช้อำนาจอันไม่ชอบธรรมมาแล้วกี่ครั้ง
|