หลายคนถึงกับขมวดคิ้ว
เมื่อชวนอ่านหนังสือเล่มหนา แต่ถ้าไม่ชวนอ่านสามก๊ก ก็ยังนึกไม่ออกว่านิยายเล่มไหนของไทย
มีคุณค่าในทางวรรณกรรมเทียบเท่ากับเรื่องนี้
สามก๊ก ฉบับที่เจ้าพระยาพระคลัง(หน) เป็นแม่กองแปล
ตั้งแต่พ.ศ. ๒๓๔๕ และเป็นร้อยแก้วของไทยที่ได้รับการตีพิมพ์มาตั้งแต่พ.ศ.
๒๔๑๗ ก่อนที่จะสังคมไทยจะได้อ่าน ความพยาบาท นิยายแปลโดยแม่วัน และ
ละครแห่งชีวิต โดยหม่อมเจ้าอากาศดำเกิง รพีพัฒน์ ซึ่งถือเป็นนิยายเล่มแรกของวงวรรณกรรมไทย
จึงเป็นนิยายร้อยแก้วที่เก่าแก่ที่สุดในสังคมไทย สำนวนภาษาตลอดจนค่านิยมดั้งเดิมล้วนปรากฎอยู่ทั่วไปในสามก๊ก
ชนชั้นนำไทยแต่เดิมก็ถือว่าสามก๊กเป็นตำราการเมืองเสียด้วยซ้ำ คติทางสังคมหลายอย่างก็ถอดแบบมาจากสามก๊ก
หนังสือเรื่องนี้จึงน่าเสพและศึกษาไปพร้อม ๆ กัน
สามก๊กมีขนาดสองเล่มจบ
ความหนาหนึ่งพันแปดสิบหกหน้า เนื้อเรื่องมีแปดสิบสามตอน สำหรับหนอนหนังสือแล้วไม่ใช่เรื่องยากเย็นอย่างไร
เพราะหากเทียบกับวรรณกรรมอย่าง ผู้ยากไร้ ของวิคเตอร์ ฮูโก หรือสงครามและสันติภาพ
ของลีโอ ตอลสตอย หรือแม้แต่มังกรหยก ของกิมย้ง แล้ว สามก๊กถือได้ว่าไม่ยากและไม่ง่ายสำหรับการอ่านสักเท่าไหร่
เรื่องสามก๊กนั้นเป็นนิทานที่ใช้เล่าและเล่นเป็นงิ้วในเมืองจีนมาแต่ก่อน
ปราชญ์จีนชื่อ ล่อกวนตง ในยุคราชวงศ์หมิง (พ.ศ. ๑๙๑๑ - ๒๑๘๖) จึงได้เขียนเรียบเรียงเป็นหนังสือ
ต่อมาเม่าจงกัง และ กิมเสี่ยถ่าง ได้แต่งเพิ่มและนำไปตีพิมพ์ ตั้งแต่นั้นจึงได้แพร่หลายขึ้น
และแปลเป็นภาษาต่าง ๆ หลายภาษา ของไทยนั้นแปลในปีพ.ศ. ๒๓๔๕ โดยซินแสผู้รู้ภาษาจีนได้แปลออกมาให้เจ้าพระยาพระคลัง(หน)
เรียบเรียงเป็นภาษาไทยอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้นเมื่อเทียบเคียงกับภาษาจีนหรือแม้แต่ภาษาอังกฤษ
เนื้อความหลายตอนจึงคลาดเคลื่อนกันบ้าง ซึ่งหาเทียบได้จากฉบับที่
สังข์ พัฒโนทัย แปลออกมาใน ตำราพิชัยสงครามสามก๊ก หรือในสามก๊กฉบับวณิพก
ของยาขอบ ซึ่งเทียบจากฉบับภาษาอังกฤษของบริวิต เทเลอร์ แต่เนื้อความภาษาจีนเป็นอย่างไรหรือเรื่องจริงเป็นอย่างไรมิใช่ประเด็นสำคัญ
เพราะสามก๊กฉบับภาษาไทยนั้น ได้ชื่อว่าเป็นเพชรเม็ดงามทางร้อยแก้วในวงวรรณกรรมไทย
นอกจากสำนวนภาษาแล้ว เนื้อเรื่องยังได้แสดงตัวละครในลักษณะที่มีความซับซ้อนหลากหลาย
ความเปลี่ยนแปรในจิตใจของมนุษย์ ตลอดจนเบื้องหลังอุปนิสัยตัวละครที่สัมพันธ์อย่างยิ่งกับการเดินเรื่อง
สามก๊กจึงเป็นยอดในแบบของนิยายที่แสดงให้เห็นชีวิตโดยเหตุนี้
เนื้อเรื่องเริ่มในตอนปลายของราชวงศ์ฮั่น กษัตริย์อ่อนแอ ขันทีีมีอำนาจ
บ้านเมืองเต็มไปด้วยความฉ้อฉล พลเมืองถูกกดขี่ กองโจรโพกผ้าเหลืองซึ่งเกิดจากการรวมกลุ่มของชาวบ้าน
ที่ประกาศความเป็นไทจากอำนาจรัฐ เมื่อมีพระราชโองการให้หัวเมืองต่าง
ๆ ยกกองทัพไปปราบปราม กลียุคจากสงครามจึงเป็นโรงละครใหญ่ให้วีรบุรุษได้ปรากฎตัว
ตัวละครหลักประกอบด้วยโจโฉ เล่าปี่ และซุนกวน ซึ่งเป็นผู้นำของอาณาจักรที่ถูกแยกเป็นสามส่วนในตอนท้าย
ตัวละครทั้งสามเป็นแกนหลักของตัวละครอื่นที่ล้อมรอบ หากเข้าใจอุปนิสัยใจคอของตัวละครทั้งสาม
ก็จะเข้าใจตัวละครอื่นได้ไม่ยาก ดังที่ยาขอบได้เขียนแยกเป็นชุด สามก๊กฉบับวณิพก
ได้อย่างน่าสนใจ
โจโฉนั้นเกิดในตระกูลขุนนาง ในวัยรุ่นเป็นเด็กเกเร
ในวัยหนุ่มก็เป็นคนบ้าบิ่น ถึงขนาดรับอาสาถือมีดเล่มเดียวจะไปตัดศรีษะตั๋งโต๊ะ
เผด็จการแผ่นดินในขณะนั้น กระทั่งต้องหนีระหกระเหินไปกับม้าตัวเดียว
ทั้งยังอาจหาญแอบอ้างพระราชโองการ ประกาศให้กองทัพหัวเมืองมารวมตัวกันเพื่อปราบกบฎ
ในการทหารเขาเป็นนายทัพที่เฉลียวฉลาด แม้กองทัพจะเล็ก แต่ด้วยอุบายอันแยบยล
ทำให้ปราบทัพใหญ่ของอ้วนเสี้ยว-มนุษย์ที่ไม่ควรเอาเป็นอย่างในความโง่
และลิโป้-ยอดขุนทวนที่สามพี่น้องเล่าปี่ กวนอู เตียวหุย ยังปราบไม่ลง
ได้ สามก๊กเปิดตัวโจโฉในฐานะวีรบุรุษผู้ปลดปล่อยกษัตริย์จากทรราชย์
แต่อำนาจนั้นก็ผันให้โจโฉกลายเป็นเผด็จการคนใหม่ไปเสียเอง ความเจ้าเล่ห์และทะเยอทะยานของโจโฉนั้น
มีแต่เล่าปี่ที่พอจะเทียบเคียงได้
เล่าปี่เป็นคนยากจน แม้จะได้ชื่อว่าเป็นเชื้อพระวงศ์
แต่ก็เชื้อปลายแถว กำพร้าพ่อแต่เล็ก แม่ต้องเลี้ยงชีพด้วยการทอเสื่อขาย
ความทะเยอทะยานทางการเมืองของเล่าปี่นั้น เป็นไปภายใต้ท่าทีสุภาพอ่อนน้อม
ฉากเฉือนเล่ห์เฉือนคมระหว่างเล่าปี่และโจโฉในตอนดื่มสุราวิจารณ์วีรบุรุษนั้น
เป็นการสู้รบที่ตื่นเต้นโดยไม่ต้องใช้กองทัพหรืออาวุธใดเลย ท่าทีที่สัตย์ซื่อของเขาทำให้หลายคนยอมถวายชีวิตให้
ไม่ว่าจะเป็นชีซี-ผู้สาบานว่าจะไม่คิดร้ายต่อเล่าปี่แม้ต้องไปอยู่กับโจโฉ
จูกัดเหลียง-ขงเบ้ง นักปราชญ์ผู้ต้องละทิ้งความสันโดษมาวางแผนรบทำลายชีวิตผู้คนนับแสน
เตียวจูล่ง-ขุนพลผู้เลือกนาย ความสัมพันธ์ระหว่างเล่าปี่ กวนอู และเตียวหุย
ในฐานะพี่น้องร่วมสาบานนั้นเป็นส่วนที่ก่อให้เกิดความซาบซึ้งยิ่งในสามก๊ก
เป็นทั้งความรุ่งโรจน์และหายนะของตัวละครทั้งสามเลยทีเดียวก็ว่าได้
ซุนกวนนั้นเกิดในกองสมบัติที่พ่อและพี่ได้ทิ้งไว้ให้
แต่เขามีสิ่งที่พ่อและพี่ไม่มี นั่นคือความเป็นผู้นำโดยไม่จำเป็นต้องลงไปอยู่ในสนามรบด้วยตนเอง
เสนาธิการอย่างโลซกและจิวยี่ล้วนจงรักภักดีกับเขา โดยเหตุที่เขาเป็นนายที่ให้ความไว้วางใจกับผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างยิ่ง
ไม่ว่าจะนอนสนทนาบนเตียงเดียวกันกับโลซกทั้งคืน เดินลงจากม้าไปรอรับโลซกต่อหน้ากองทัพ
เพื่อให้ผู้อื่นให้ความเกรงใจแก่โลซก-คนที่ยังไม่มีชื่อเสียงในขณะนั้น
หรือดำเนินตามนโยบายของจิวยี่ในการจับมือกับเล่าปี่ประกาศสงครามกับโจโฉ
ทั้งมอบอาญาสิทธิ์ให้เต็มที่ เพื่อให้นายทัพอื่นเชื่อฟังแม่ทัพหนุ่มอย่างจิวยี่
โครงเรื่องสามก๊กว่าด้วยการต่อสู้ระหว่างเล่าปี่ โจโฉ ซุนกวน ทั้งทางสติปัญญา
จิตใจ และความเป็นผู้นำ โครงเรื่องรองก็จะเป็นเรื่องของตัวละครอื่น
ซึ่งว่าด้วยความกล้าหาญ และซื่อสัตย์ เพียงแต่การวิเคราะห์ลักษณะนิสัยตัวละครก็ทำให้มีเรื่องถกกันได้ไม่รู้จักจบสิ้น
ส่วนคำเตือนที่ว่า "ผู้ใดอ่านสามก๊กสามจบ นั้นคบไม่ได้"
หรือ "ไม่ได้อ่านสามก๊ก มิพึงคิดการใหญ่" ไม่ได้หมายถึงว่าการอ่านสามก๊กเป็นเครื่องหมายของความฉลาดเฉลียว
เพราะการอ่านสามก๊กนั้นต้องใช้ความระมัดระวังอย่างยิ่ง และจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องแยกแยะคุณค่าดีและเลวให้ได้
เพราะคุณค่าบางอย่างนั้นดีในยุคสมัยหนึ่ง แต่เหมาะสมกับยุคสมัยปัจจุบันหรือไม่
เป็นเรื่องที่ต้องขบคิดใคร่ครวญหนักหน่วงพอควร
|