ในฝั่งตะวันตกนั้น
มโนภาพเกี่ยวกับจักรวาลของปโตเลมี นั้นมีอิทธิพลต่อผู้คนตั้งแต่คริสตศตวรรษที่
๒ - ๑๗ ไบเบิลและประวัติศาสตร์ยุโรปยุคกลางนั้นเต็มไปด้วยภูติผี
ปีศาจ เทพเจ้า แม่มด สังคมถูกแบ่งเป็นลำดับชั้น เช่นเดียวกับลำดับชั้นของจักรวาล
ที่ว่าด้วยโลกเป็นจุดศูนย์กลาง และมีดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ล้อมรอบ
พระเจ้านั้นอยู่ดินแดนเหนือโลก มนุษย์อยู่ตรงกลาง และสิ่งอื่นอยู่ใต้ดวงจันทร์
เมื่อคอปเปอร์นิคุสประกาศในปีค.ศ. ๑๕๔๐ ว่าจักรวาลนั้นมีพระอาทิตย์เป็นศูนย์กลาง
มีดาวเคราะห์อื่นล้อมรอบ ระยะห่างของสิ่งต่าง ๆ นั้นเกิดจากแรงดึงดูดระหว่างกัน
ทุกสิ่งล้วนแต่สัมพันธ์ข้องเกี่ยวกัน ภาพของจักรวาลโดยคอปเปอร์นิคุสท้าทายอำนาจสูงสุดของศาสนจักร
เขาถูกจับขังคุก และเสียชีวิตหลังจากนั้นสามปี หนังสือของเขาถูกกำหนดให้เป็นหนังสือต้องห้ามจนถึงปีค.ศ.
๑๗๕๗ หลังจากนั้นคนเยอรมันก็บอกว่าคอปเปอร์นิคุสเป็นชาวเยอรมัน คนโปแลนด์ก็บอกว่าเขาเป็นชาวโปล
แล้วภาพของจักรวาลในยุคสมัยของเราเป็นอย่างไร? และจักอธิบายยุคสมัยของเราได้ดังที่เคยเป็นมาหรืือไม่?
จักรวาลนั้นมีขอบเขตสิ้นสุดหรือเปล่า อวกาศและเวลามีจุดเริ่มต้นอย่างไร
เวลาเดินถอยหลังได้หรือไม่ จักรวาลเกิดจากบิ๊กแบงจริงหรือ กำลังขยายตัวหรือหดตัว
และเราอยู่ส่วนไหนของจักรวาล สตีเฟน ฮอว์คิง
ได้พยายามอธิบายแก่เราถึงคำตอบของคำถามเหล่านั้น ด้วยถ้อยคำง่าย
ๆ แต่ชัดเจน เลี่ยงคำอธิบายในทางทฤษฎีที่ซับซ้อน และเปี่ยมด้วยอารมณ์ขัน
เนื้อหาหนังสือว่าด้วยฟิสิกส์ ที่มุ่งอธิบายตั้งแต่จักรวาลจนถึงอนุภาคเล็ก
ๆ ฮอว์คิงสามารถทำให้เรื่องยากกลายเป็นเรื่องง่าย หนังสือทั้งเล่มมีสมการปรากฎอยู่เพียงสมการเดียวเท่านั้น
แต่เขาสามารถอธิบายทฤษฎีและสมการอื่นได้ด้วยการเปรียบเทียบ ยกตัวอย่าง
และแทรกเกร็ดประวัติความเป็นมาของทฤษฎีเหล่านั้น รวมทั้งการทำให้เรามองเห็นนักวิทยาศาสตร์ในฐานะมนุษย์
ที่มีโลภ โกรธ หลง เช่นเดียวกับมนุษย์อื่น มีความกระหายอยากรู้ และแข่งขันที่จะเป็นผู้ค้นพบหรือคิดค้นทฤษฎีใหม่เป็นคนแรก
ทั้งนี้เขาได้กล่าวถึงด้วยเมตตาและเต็มไปด้วยอารมณ์ขันยิ่ง
หนังสือเล่มนี้พิมพ์ครั้งแรกในปีค.ศ. ๑๙๘๘ และประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง
ติดอันดับหนังสือขายดีในซันเดย์ ไทมส์ ถึง ๒๓๗ สัปดาห์ติดต่อกัน
ได้รับการแปลเป็นภาษาอื่นถึงสี่สิบภาษา ฉบับภาษาเยอรมันที่ข้าพเจ้าอ่านก็เป็นฉบับที่พิมพ์ซ้ำเป็นครั้งที่
๑๒ แล้ว
จุดเด่นของหนังสือเห็นจะเป็นว่า เขียนด้วยภาษาง่าย ที่บุคคลทั่วไปไม่จำเป็นต้องเรียนฟิสิกส์ก็เข้าใจง่าย
ผลจากแบบสอบถามหนึ่งแสดงให้เห็นว่า เรามักจะเชื่อว่านักวิทยาศาสตร์ที่เป็นนักฟิสิกส์หรือ
นักฟิสิกส์ที่ได้รับรางวัลโนเบล จะฉลาดกว่านักวิทยาศาสตร์สาขาอื่น
แต่ความจริงแล้วน่าจะเป็นว่า นักฟิสิกส์ส่วนใหญ่ ขาดความสามารถ ที่จะสื่อสารและถ่ายทอดความรู้ให้กับบุคคลทั่วไป
จึงทำให้ดูเหมือนว่าฟิสิกส์เป็นวิชาที่ยากเกินกว่าจะทำความเข้าใจ
หากขาดความฉลาดในขั้นอัจฉริยะ แต่หนังสือเล่มนี้ของฮอว์คิง ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับอำนาจในการเข้าถึงความรู้
ความรู้ของนักฟิสิกส์มิได้เป็นของนักฟิสิกส์เพียงฝ่ายเดียวอีกต่อไป
บุคคลอื่นก็สามารถมีความรู้ดังกล่าวได้ ความรู้เฉพาะทางจึงได้กลายเป็นของโลกโดยเหตุนี้
เมื่อมีการใช้ภาษาที่เหมาะสมในการอธิบาย
ใช่ว่าข้าพเจ้าจะโจมตีว่านักฟิสิกส์เป็นพวกหวงวิชา เพราะนักฟิสิกส์ที่จะมีความสามารถในการถ่ายทอดความรู้
ก็ต้องถือว่าต้องใช้ความสามารถพิเศษทางภาษา เช่นเดียวกับผู้เชี่ยวชาญสาขาอื่นเช่นกัน
และหากจะมีผู้เชี่ยวชาญที่มีความเมตตากับเพื่อนมนุษย์ ปรารถนาจะถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้อื่น
เช่นเดียวกับฮอว์คิง ก็คงเป็นผลดีกับโลกไม่น้อย
|