....ตามกราบพระดี.....
เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา อิฉันและแม่โจรหน้าแป้น พร้อมด้วยน้องสาวโจรคนเล็กได้มีโอกาสไปเยี่ยมวัดหมู่บ้านพลัมของพระเวียดนามชื่อดัง
ติช นัท ฮันท์ ทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส
มีเรื่องราวน่าสนใจบันทึกมาฝากเพื่อนๆ ด้วยค่ะ
เข้าวัดคราวนี้ ชีวิตไม่เคร่งเครียดเหมือนที่คาดไว้ เพราะคอนเซปต์การปฏิบัติธรรมของ
Plum Village มิใช่แค่นั่งดูลมหายใจแบบไม่กระดุกกระดิก หากแต่หมายถึงการเจริญสติในทุกย่างก้าว
ไม่ว่าจะระหว่างการกิน การพูด การทำงาน
การเชิญระฆัง (Invite the bell) เป็นระยะ ช่วยดึงสติของเราให้กลับคืนมาได้
การสนทนาแบบน้อมรับฟังความคิดของผู้อื่น ไม่จ้องจะจับผิดวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างรุนแรง
การพูดถึงสิ่งดีของอีกฝ่าย (Flower watering) เพื่อให้กำลังใจกัน
สามารถสร้างความรักในกลุ่มชนให้เกิดขึ้นได้จริงในทุกขณะ และนี่คือปาฏิหารย์แห่งการตื่นอยู่เสมอ
(The Miracle of Mindfulness)
อากาศช่วงนั้นสดใสเชียวค่ะ
การร้องเพลงสวดไพเราะทั้งภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศสและเวียดนาม ท่ามกลางธรรมชาติที่ร่มรื่นทำให้เราสุขใจนัก
ที่วัดล่าง เราเด็ดลูกพลัมสดแสนหวานมารับประทานอย่างเอร็ดอร่อย หลวงพ่อนัทฮันท์แจกธรรมะและรอยยิ้มสงบแก่พวกเราทุกเช้า
วัตรปฏิบัติของหลวงพ่อและนักบวชที่นั่นน่าเลื่อมใสยิ่ง คนที่มาเข้าวัดร่วมปฏิบัติธรรมมีทั้งฝรั่งเศส
อังกฤษ อเมริกัน อินเดีย รวมทั้งพวกเราสามใบเถาจอมยุ่ง
ใน Transformation Family กลุ่มของพวกเรา มี หลวงพี่ Steadiness
ภิกษุณีหน้าใสชาวอเมริกัน และหลวงพี่ Non-Discrimination อดีตแพทย์สาวชาวเวียดนามอเมริกันเป็นแกน
การไปวัดคราวนี้ เราได้เพื่อนใหม่จากทุกมุมโลก คนที่พวกเราซี้ที่สุดน่าจะเป็นป้า
Lauren จากแอลเอ แม่ Ruth จากเพนซิลเวเนีย แม่ Natasha จากเคมบริดจ์
ลุง Matthis จากโลซาน หนู Jasmin จากออสเตรีย หลวงน้องภิกษุณีอิกคิวซังแสนซนจากเวียดนาม
และหลวงพี่นิรามิสา ภิกษุณีที่แสนใจดีจากประเทศไทย
สังฆะ หรือสงฆ์ในความหมายของท่านนัทฮันท์ หมายถึงชุมชนหรือสังคมที่มุ่งสร้างสรรค์ชีวิตที่ดีงาม
ดังนั้น สงฆ์จึงไม่ใช่แค่นักบวชชาย หากแต่หมายถึงนักบวชหญิง รวมทั้งชาวบ้าน
Laypeople คนธรรมดาแบบพวกเรา รวมทั้งเด็กเล็กๆทั้งหลาย ทุกคนในสังคมสามารถมีบทบาทในการจรรโลงหลักธรรมความถูกต้องของพุทธศาสนาให้รุ่งเรืองต่อไป
การที่ได้มีโอกาสไปเห็นความหมายของชุมชนสังฆะแบบใหม่ที่นี่
ทำให้อยากกลับไปฏิวัติสังคมพุทธของไทยใหม่ อยากกลับไปตะโกนบอกพระ
conservative ทั้งหลายในบ้านเมืองเราให้หยุดผูกขาดการถือศีลปฏิบัติไว้อยู่คนเดียว
และเปิดทางสว่างให้ทุกคนร่วมกันเดิม ร่วมกันสร้างทางสะอาดให้เป็นจริง
ไม่ว่าจะในฐานะนักบวชชาย นักบวชหญิง ในฐานะอุบาสก อุบาสิกา ชาวบ้านชายหญิง
เด็ก คนชรา ทั้งฝรั่งมังค่าและชาวเอเซีย
ทั้งนี้เพราะการเดินสู่จุดหมายทีู่กต้องของชีวิตไม่ใช่เรื่องของ
Individual แต่เป็นเรื่องที่เราทั้งสังคมโลกต้องพากันไปพร้อมๆกัน
ศีลห้าของหลวงพ่อนัท ฮันท์ ไม่ได้เริ่มที่การบังคับ หากแต่ขอให้พวกเราตั้งสติและตระหนักถึงความหมายที่แท้จริงของมัน
นำมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับยุคสมัย มิใช่เพื่อยึดติดในความเป็นพุทธ
หากแต่เพื่อปลดปล่อยตนเองออกจากความไม่บริสุทธิ์ และเพื่อไม่สร้างความทุกข์ให้แก่เพื่อนมนุษย์
เพื่อสามารถสร้างสันติภาพในชีวิตได้อย่างแท้จริง
จริงสิ จะมีอะไรเล่าที่จะดีไปกว่าการไม่ทำร้ายคนอื่น ไม่ทำร้ายตนเอง
ไม่ใช้งานตัวเองหนักจนเหน็ดเหนื่อย ไม่ใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา
จะมีอะไรเล่าดีไปกว่าการไม่คิดเบียดเบียนทรัพย์ใคร คิดหาอาชีพสุจริต
ไม่ทำธุรกิจเอาเปรียบกันทั้งแบบโดยตรงและโดยอ้อม จะมีอะไรเล่า ดีไปกว่าการมีความสัมพันธ์ทางเพศแบบมีสติ
ตั้งใจที่จะผูกพันกันด้วยความรักอย่างจริงจัง มากกว่าจะหลอกหลวงหรือปล่อยอารมณ์ความใคร่แบบไม่ยับยั้ง
จะมีอะไรเล่าดีไปกว่าการไม่โกหก ไม่เผยแพร่ข่าวสารมอมเมา ไม่เป็นประโยชน์
ไม่พูดก้าวร้าว ใช้วาจาทำร้ายซึ่งกันและกัน จะมีอะไรเล่าดีกว่าการหยุดตนเองจากการขาดสติโดยการเสพติดของมึนเมาในทุกรูปแบบ
จากการเสพติดเกมส์กีฬา จากสื่อทุกรูปแบบ จากเทคโนโลยีแบบไม่ลืมหูลืมตา
สันติภาพในโลกเริ่มต้นได้ง่ายๆจากการพยายาม
ฝึกศีลห้าของพวกเราตรงหน้านี้แล้ว
มีสติทุกขณะ
ชีวิตจะสดใส
เบิกบานสำราญใจ
สันติภาพจะกลับมา
(Thich Nath Hahn)
.....เดินสายเยี่ยมรุ่นพี่.....
เมื่อออกจากวัด พวกเราได้มีโอกาสแวะเที่ยวเมืองทางใต้ของฝรั่งเศสอีกเล็กน้อย
ก่อนบินกลับเยอรมัน ที่เมือง Sarlat เมืองเก่าสมัยกลาง ตึกรามบ้านช่องยังมีสภาพดีมาก
ม????i?:?:?:?:?:??ีตรอกซอกซอยตรอกเล็กตรอกน้อยทรงเสน่ห์ร่ำรวยอารยธรรมเหลือเกิน
แถวเมือง Lascaux มีทิวทัศน์งดงาม
ที่ Toulouse พวกเราได้มีโอกาสไปเยี่ยมรุ่นพี่เก่าแก่และพบเพื่อนๆนักเรียนไทยในฝรั่งเศส
ได้รับฟังเรื่องราวชีวิตความเป็นอยู่ของเพื่อนนักเรียนที่น่าสนใจ
ที่เมือง Aix-en-Provence อิฉันได้แอบไปเยี่ยมเพื่อนๆ อีกกลุ่ม ได้พบว่าเด็กไทยที่กำลังขยันขันแข็งร่ำเรียนวิชาเพื่อกลับไปพัฒนาชาติยังมีอยู่ทุกหัวระแหงในฝรั่งเศส
อดีตนักกิจกรรมเมืองไทยก็ยังมีอยู่กันหลายคน เราได้มีโอกาสคุยเรื่องกิจกรรมนักเรียนกันเยอะด้วย
"พวกเราฝรั่งเศสไม่ปึ้กแบบในเยอรมันหรอกครับ" น้องคนนึงที่นั่นกล่าว
"แล้วทำไมไม่ปึ้กหล่ะคะ" อิฉับถามแบบอยากรู้
"ก็มันไม่มีใครเริ่มครับ"
"แล้วทำไมไม่เริ่มหล่ะคะ"
"ก็เหตุปัจจัยมันไม่ลงตัวครับ"
จริงด้วย
สิ่งใดจะเกิดก็แล้วแต่เหตุแล้วแต่ปัจจัย
กิจกรรมนักเรียนสะท้อนถึงคนในชุมชนนักเรียนนั้น ว่าเราจะนิ่งดูดายแยกย้ายกันอยู่คนละหมู่คนละเหล่า
หรือจะจับมือพากันเดินไป
จะต่างคนต่างสู้หรือจะร่วมกันสู้
จะนั่งเป็นเบื้อใบ้เชื่อว่าตัวเองแน่ที่สุดในปฐพี หรือจะเคารพยอมรับความเห็นที่แตกต่างแล้วหาจุดประสานให้ได้
ทุกอย่างแล้วแต่เหตุแล้วแต่ปัจจัยทั้งสิ้น
ดีใจที่แอบได้ยินว่า ตอนนี้ นักเรียนไทยในเยอรมัน รวมทั้งมีความช่วยเหลือจากเพื่อนๆประเทศอื่นๆ
โดยเฉพาะจากฝรั่งเศส กำลังวางแผนกันจัดงานประชุมวิชาการนักเรียนไทย
เพื่อให้มีการช่วยกันค้นหาวิชาการที่ล้ำเลิศ ช่วยกันหาวิธีสร้างความรู้แบบถ่องแท้
ช่วยกันสร้างเครือข่ายความร่วมมือ และสุดท้าย ช่วยกันจัดโอกาสให้พวกเราได้มาพบกันเพื่อแลกเปลี่ยนพูดคุย
เพื่อค้นหาคำตอบว่าบทบาทของนักวิชการไทยยุคนี้ควรเป็นอย่างไร ทบทวนว่าเราจะเดินไปทางใดต่อ
ให้เหมาะสมกับเส้นทางที่เป็นไทของสังคมไทย เพื่อให้สอดคล้องกับโลกยุคใหม่ที่หมุนไปแบบรวดเร็ว
น่าดีใจที่นักเรียนไทยในยุโรปเลือกวิธีที่จะก้าวเดินไปพร้อมๆ กัน
....หวังหนีความวิลัย....
จำได้ว่าตอนนั่งเมากับเพื่อนรุ่นพี่ที่ฝรั่งเศส มีใครสักคนในวงเบียร์
เล่าเรื่องคำพยากรณ์เก่าแก่ของหลวงพ่อโต พรหมรังสีให้ฟัง ฟังแล้วก็ขนลุก
หลวงพ่อท่านทำนายว่า เมืองสยามของเรายุคนี้เป็นยุคถิ่นกาขาว เคยได้ยินคำนี้กันไหมคะ
ตามที่ีฟังมาอีกทีนั้น จับความได้ว่ากาขาวหมายถึงฝรั่งตาน้ำข้าวค่ะ
ดูๆแล้ว สงสัยเมืองไทยยุคนี้เป็นถิ่นฝรั่งกาขาวตามคำทำนายจริงๆ ก็เพราะในวันนี้เราไม่มีอะไรเหลือไว้ให้คนไทยแล้วไงคะ
ฝรั่งหน้าขาวมายึดประเทศแทบจะหมดแล้ว ไม่เชื่อ ลองกวาดตามองดูให้รอบสิคะ
ธนาคาร บริษัทประกัน บริษัทรับเหมา สำนักงานทนาย ห้างสรรพสินค้า
ทั้งบ้านทั้งเมืองเป็นของฝรั่งหมดแล้ว เงินที่หมุนเวียนในตลาดก็เงินกู้ฝรั่งทั้งนั้น
ที่ดินไทยก็โดนฝรั่งยึดไปเยอะ ได้อ่านข่าวพี่น้องคนไทยโดนไล่ออกจากที่ดินทำกินถูกจับไปอยู่ในคุกกันไหมคะ
ช่างน่าอดสูเหลือเกิน แต่ทั้งหมดคือความจริงค่ะ
รุ่นพี่คนเดิมเล่าพยากรณ์หลวงพ่อโตให้ฟังต่ออย่างนี้ค่ะ ท่านว่ายุคหน้าเมืองไทยจะพบแน่นอนกับความ..วออิวิ
ลอไอลัย
วิไลแปลว่าสดใส วิลัยแปลว่าหายนะ
ไม่มีใครยืนยันว่าหลวงพ่อพูดคำไหน
ไม่มีใครรู้ว่าอะไรกำลังคืบคลานมาในอนาคตอันใกล้
จะวิไลหรือวิลัยก็คงจะขึ้นอยู่กับคนไทยเราในยุคสมัยนี้นี่แหละ
อิฉันพยายามมองหารัฐบุรุษแห่งเมืองสยามอยู่ค่ะ
แต่สงสัยท่านๆ คงจะตายไปหมดแล้วมังคะ มองไปทางไหนเลยไม่เห็นใครเป็นความหวังได้
ทฤษฎีคนขี่ม้าขาวมาก็คงใช้ไม่ได้แล้วกระมัง
สงสัยคนเล็กคนน้อยแบบพวกเราคงต้องร่วมใจกันมากขึ้น
รวมพลังเล็กๆ ก่อนไปสานให้ใหญ่ขึ้นในวันข้างหน้า มุ่งมั่นร่ำเรียนวิชาเพื่อค้นหาความูกต้องให้แก่โลก
และสังคมไทย มีสติทุกย่างก้าว น้อมรับความจริงเข้าใส่ตัว รับรู้และกล้ายอมรับว่าเรายืนอยู่ที่ใด
เพื่อจะได้ช่วยกันคลำหาทางที่จะเดินต่อในวันข้างหน้าให้เจอ
อนาถนัก
แผ่นดินแม่ลุกเป็นไฟ
แผ่นดินไหนๆ ก็ไม่สงบ
การรวมพลังของคนรุ่นใหม่ที่จะแก้ไขปัญหาอย่างชาญฉลาด
น่าเป็นทางเดียวที่จะหยุดไฟไม่ให้ลามต่อ
ไม่ทราบเพื่อนๆ พร้อมกันหรือยังคะ
สำหรับอิฉัน และแม่โจรหน้าแป้นรวมทั้งน้องสาวโจรคนเล็ก
ขออาสาเป็นแนวร่วม ไม่ยอมปล่อยให้โลกใบน้อยนี้ต้องวิลัยไปต่อหน้าต่อตาหรอกค่ะทั่นผู้ชม
พวกเราขอเอารอยยิ้ม สติ และหัวใจเป็นเดิมพันค่ะ
จอมโจรหน้าสวย
นำเสนอครั้งแรกในเว็บบอร์ดสมาคมนักเรียนไทย
ในพระบรมราชูปถัมภ์ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๔๕
http://www.thaimisc.com/freewebboard/php/vreply.php?user=tsvd&topic=1009
|