๒๑
เมษายน ๒๕๔๖
หกโมงเย็น นั่งรถจากฮัมบวร์กกลับเมืองของเรา รถไฟแน่นขนัดเนื่องจากทุกคนกำลังกลับจากเทศกาลอีสเตอร์
โชคดี เราได้ที่นั่ง ทำให้มีโอกาสนั่งหลับหาวนอนสบายกว่าคนอื่น หลังจากสัปหงกไปหลายรอบ
ชมวิวสวยงามจนเบื่อ เลยเปิดกระเป๋าหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน มีหนังสืออยู่สองเล่มอยู่ในนั้น
เล่มแรกเป็นหนังสือประมวลกฎหมายอาญาเยอรมันที่หยิบติดมาจากบ้านเพื่ออ่านเตรียมสอบ
อีกเล่ม เพิ่งได้จากน้องอู นายกสนทย. เพื่อเป็นของสมนาคุณที่ไปช่วยสร้างความบันเทิง
เต้นสายเดี่ยวโชว์เพื่อนๆ ในงานกีฬา ชื่อเรื่อง..แรงราค.. เขียนโดยนิวัติ
กองเพียร
อย่างไม่ต้องสงสัย เราเลือกหยิบหนังสือเล่มที่สองมาอ่านแน่ ปัญหาเกิดขึ้นนิดหน่อยเพราะไอ้เจ้าผู้คนที่ยืนนั่งเบียดเสียดกันอยู่ในรถไฟนี่สิ
พื้นที่ในรถไฟมันเล็กทำให้แต่ละคนนั่งมองหน้ากัน คอยจับตาดูอิริยาบทของกันและกันทุกขณะอยู่แล้ว
ถ้าข้าพเจ้าหยิบหนังสือแรงราคะของคุณพ่อนิวัติมาอ่าน หนังสือที่มีหน้าปกหลังปกเป็นรูปคนคู่เปลือยกายกอดกัน
อะไรจะเกิดขึ้น ครั้นจะหยิบหนังสือกฎหมายมาอ่าน ก็คงจะทำให้วันเวลาตรงนั้นเครียดไปถนัดใจ
เอาวะ ถ้าใจอยากจะอ่านก็จงหยิบออกมาอ่านเถิด ข้าพเจ้าบอกตัวเอง ใครเขาจะว่าอะไรได้
ภาพดรออิ้งเปลือยฝีมือพ่อเทพสิริ สุขโสภาน่าจะมองดูสวยงามมากกว่าจะดูเป็นเรื่องโป๊น่าเกลียด
เป็นอย่างที่คาดการณ์ไว้ไม่ผิด เมื่อหยิบหนังสือเล่มนั้นมาเปิด ทุกคนมองข้าพเจ้าอย่างไม่กระพริบตา
คงสงสัยว่ายายนี่มันอ่านอะไร (วะ) เปิดแค่สารบาญก็ได้เห็นชื่อเรื่องน่าสนใจมากมาย
คุณนิวัติเลือกใช้คำสวยๆ มาเป็นหัวข้อย่อย เช่น ทุ่งข้าวกับเถียงนา
เส้นสายรายรอบเรือนกายนางเอย หรือท่ามกลางใสน้ำฉ่ำเย็น ฯลฯ ภายในเล่มมีภาพประกอบเกือบทุกบท
ใครอยากอ่าน จะให้ยืมต่อนะคะ
๑๙เมษายน
๒๕๔๖
ก่อนเที่ยงเล็กน้อย เรานั่งรถไฟไปฮัมบวร์กเพื่อร่วมงานกีฬานักเรียนไทยในยุโรป
ก่อนไป คิดแล้วคิดอีก ว่าจะไปดีหรือไม่ นั่งคิดถึงบทสนทนากับเพื่อนๆ
น้องๆ หลายๆ คน ก่อนหน้านั้น ..พี่ครับ ผมไปแน่ จะไปดูสาว.. ..หนูไปแน่ค่ะ
จะได้พบเพื่อนใหม่ๆ.. ..ชัวร์ครับ ผมจะไปหาแฟนในงานนี้ แหมพี่ นานๆ
จะเจอสาวหรั่งเศส.. ..เห็นว่ามีสาวอังกฤษมาด้วย อืม ต้องไป..
จะไม่ให้ลังเลได้อย่างไรคะ ก็เรามันหญิงสาว (สวย) วัยกลางคนเข้าไปแล้ว
ยังนึกไม่ออกว่าจะไปร่วมงานกับเขาทำไม หนุ่มๆ จะมาดูสาว สาวๆ จะมาดูหนุ่ม
ดันได้มาเจอคุณป้าแบบดิฉัน พวกเธอจะเสียกำลังใจกันเปล่าๆ
นั่งนึกถึงงานพบกันครั้งแรกของนักเรียนจากเยอรมันและฝรั่งเศสที่ปารีสเมื่อสามปีก่อน
ยังจำได้ถึงความสนุกสนานที่พวกเรามี ตั้งแต่ออกรถจากอาเค่น พวกเราหกสิบชีวิต
นั่งร้องเพลง ตีกลอง เคาะดนตรีกันไป ราวกับทัวร์ฉิ่งฉับที่เมืองไทย
ยังนั่งคิดถึงวัดไทยที่เราไปพักอาศัย โดยนอนเบียดเรียงแถวกันเป็นตับ
ที่วัดนั้น แม้น้ำไม่มีอาบและเครื่องทำความร้อนก็แทบไม่ทำงาน แต่ความอบอุ่นได้ซึมซาบผ่านจิตใจเราทุกคน
เป็นมิตรภาพที่ส่งผ่านใจต่อใจ แม้ในเกมส์การแข่งขันกลางสายฝนวันนั้นจะมีการกระแทกกันเป็นระยะแต่เราก็มีรอยยิ้มมอบให้แก่กัน
นั่งนึกถึงความสัมพันธ์ที่นักเรียนไทยในยุโรปได้ช่วยกันสร้างสรรค์และตอกย้ำให้มั่นคงยิ่งขึ้น
ทั้งในงานกีฬาที่เบอร์ลินและที่ลียงในปีถัดๆ มา ความทรงจำที่สวยงามเหล่านี้ผลักให้เราแล่นออกจากบ้าน
ขอเข้าร่วมเป็นสมาชิกงานฮัมบวร์กด้วยอีกหนึ่งคน
ที่สนามกว้างของมหาวิทยาลัยทหารฮัมบวร์กวันนั้น นักเรียนชายเล่นฟุตบอลกันสนุก
กองเชียร์ร้องส่งเสียงดังลั่น เชียร์ลีดเดอร์สาวสวยสะบัดกายงดงาม
ที่โรงยิม สาวๆ ผลัดเปลี่ยนไปเล่นวอลเล่ย์บอลในช่วงหลัง หนุ่มๆ นั่งมองตาไม่กระพริบ
เหมือนที่คุณนิวัติเธอพรรณาไว้ในเรื่อง..คืนที่อบอ้าวอวลกลิ่น..ในหนังสือเล่มนั้นไว้เลยค่ะ
.. นั่งดูหญิงงามเล่นกีฬา นั่งดูเบื้องท้ายเธอเคลื่อนไหววิ่งตีลูกจากหน้ามาหลัง
จากซ้ายไปขวา เป็นการเคลื่อนไหวที่เร็วและแรง เป็นท่วงทีที่แข็งแกร่งและมีพลัง
สักพักดอกเหงื่อก็จะผุดพรายและเปียกซึมกับร่องเนื้อ จากหลังไหลไล่ลงไปถึงก้นก้อยและท่อนขา
เคยเห็นหน้านวลสวยที่เปียกปอนด้วยดอกเหงื่อไหม งามราวเกล็ดน้ำค้างต้องอยู่บนกลีบบัวหลวงกลางคลองยามเช้า
รอแดดดูดซับให้หายไปเหลือแต่นวลของกลีบดอก
ลองเป็นแดดดูดซับเอาดอกเหงื่อจากนวลหน้าของหญิงสาว ดูซิรสชาติมหัศจรรย์และเร้าใจอย่างประหลาดล้ำ
มีทั้งรสและกลิ่นเคล้ากันมาอย่างชวนกระสัน เสียงหายใจเพราะเหนื่อยหอบนั้น
ชวนให้โอบกอดปลอบประโลมเหมือนยามเศร้าและเหงาไม่ต่างกัน เสียงหอบเหนื่อยบางทีไพเราะและเร่งเร้า....
๒๐
เมษายน ๒๕๔๖
ตีสาม ในวงเบียร์กลุ่มเล็ก พวกเราบางคนนั่งบ่นเสียดายที่เพื่อนนักเรียนไทยจากฝรั่งเศสจัดรถมาไม่ได้ตามเป้าหมาย
เสียดายโอกาสดีๆ ที่พวกเราจะได้มาพบกัน แลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่ดีร่วมกัน
แต่ไม่เป็นไร วันนี้มาไม่ได้ วันหน้าก็ยังมีอีก ที่สำคัญคือ เพื่อนที่มาในวันนี้คือคุณค่าที่เราจะถนอมไว้ราวไข่ในหิน
ถนอมให้เป็นเมล็ดพันธุ์ที่จะงอกงามเติบโตต่อไป เป็นหน่ออ่อนของมิตรภาพที่ไม่สิ้นสุด
สิบโมงเช้า พวกเราทุกคนได้มีโอกาสนั่งคุยกันเป็นวง ได้เห็นหน้าเห็นตา
ได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น หลายคนมาร่วมงานเพราะประทับใจในความสนุกสนานของงานครั้งก่อนๆ
หลายคนอยากมาทำความรู้จักเพื่อนใหม่ๆ หลายคนบอกว่าอยากมาเป็นส่วนหนึ่งของพลังนักเรียนที่จะขับเคลื่อนสังคมไทยในวันข้างหน้า
บ่ายสอง พวกเรากลุ่มใหญ่ได้มีโอกาสไปเดินเที่ยวชมเมืองฮัมบวร์กร่วมกัน
ทำความรู้จักกันแบบตัวต่อตัวให้ลึกซึ้งขึ้น หนุ่มเจอหนุ่ม หน่มเจอสาว
สาวเจอสาว สาวเจอหนุ่ม ทุกคนมีเสรีภาพที่จะสร้างสรรค์ความสัมพันธ์ระหว่างกันให้งอกงามขึ้น
ไม่ว่าจะในรูปแบบไหน แล้วแต่ฟ้าดินจะกำหนด แล้วแต่ใจจะประสงค์ มีพวกเรากลุ่มเล็กๆ
อีกกลุ่ม ทั้งเด็กเยอรมันและนักเรียนจากต่างประเทศ แยกออกมานั่งประชุมต่อจากการคุยในคืนก่อนเพื่อเตรียมกิจกรรมวิชาการที่จะมีขึ้นในปีนี้
ทั้งในส่วนการประชุมใหญ่ประจำปี ที่จะมีในต้นเดือนตุลาคม รวมทั้งกิจกรรมวิชาการกลุ่มย่อย
เช่น กิจกรรมดูงานเขื่อนผลิตไฟฟ้าที่มึนเช่นในเดือนหน้า หรือกิจกรรมของนักเรียนกลุ่มสังคมศาสตร์
เช่นเรื่องการศึกษาปัญหาผู้หญิงไทยในยุโรป ฯลฯ ไม่ว่าจะในกิจกรรมเดินเที่ยวหรือกิจกรรมการประชุมวิชาการ
เรามีมิตรภาพเป็นพื้นฐานของกิจกรรมทุกรูปแบบ พวกเราทุกคนมีความสุขที่ได้มาอยู่ท่ามกลางเพื่อนๆ
ที่รัก ทุกคนมีความสุขที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน
การแสดงบนเวทีสนุกสนานเกินกว่าที่คิดไว้ค่ะ กลุ่มสีที่แบ่งกันตั้งแต่ช่วงเล่นกีฬา
ทำหน้าที่จัดหาการแสดงมาคนละชุด กลุ่มหนึ่งทำละคอนหนูน้อยหมวกแดง อีกกลุ่มทำละคอนต้านสงคราม
กลุ่มหนึ่งมีละคอนล้อเลียนเพื่อนๆ อีกกลุ่มทำประกวดเต้นและร้องเพลง
ดิฉันเองได้เกิดก็ตอนนี้แหละค่ะ :P
ตีหนึ่ง ก่อนจะมีพิธีปิดงานอย่างเป็นทางการ นักเรียนรุ่นพี่ๆ ขึ้นไปบนเวทีร้องเพลงเพื่อชีวิตมอบแด่น้องๆ เสมือนเป็นการมอบขวัญและกำลังใจให้แก่กัน พวกเรามาพบกัน แล้วก็ต้องจาก แต่มิตรภาพอันยิ่งใหญ่จะไม่เสื่อมคลาย หนุ่มสาวคือความงดงามของโลก พลังของหนุ่มสาวสูงค่าเกินกว่าใครจะมาดูถูก ในคืนนั้น เพื่อนเรามากมายเต้นรำอยู่ในงานต่อกันจนเช้า ท่ามกลางเสียงดนตรี ความรักระหว่างหนุ่มสาวผลิบาน ท่ามกลางเสียงดนตรี มิตรภาพของเพื่อนรุ่งโรจน์ ดิฉันแยกย้ายออกมานอนเมื่อถึงเวลาอันสมควร หลับฝันดีจนรุ่งสาง....
สาวสายเดี่ยว
นำเสนอครั้งแรกในเว็บบอร์ดสมาคมนักเรียนไทย
ในพระบรมราชูปถัมภ์ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๔๖
http://www.thaimisc.com/freewebboard/php/vreply.php?user=tsvd&topic=1444
|