|
จะกล่าวถึงกรุงรัตนโกสินทร์ |
ยุคพาลาครองแคว้นด้าวแดนดิน |
สูญสิ้นครรลองธรรมแต่ดั้งเดิม |
เหตุอัครเสนาบดีนั้นหลงเลส |
มิรู้ทันกิเลสอาเพศเฉลิม |
สัปปุรุษน้อมเตือนกลับเหิมเกริม |
เสริมเสื่อมศรัทธาประชาธรรม |
ปวงราษฎร์มิรู้ค่าเกียรติยศ |
เสพซดซากทรัพย์แห่งสัตว์ต่ำ |
หลงว่ารสทิพย์หวานฉ่ำล้ำ |
เพชรปราชญ์กล่ำกลายแก้วแพร้วมือลิง |
โลภสัตว์ร้ายดื่มกินสิ้นวิญญาน |
ประหารความอายทั้งชายหญิง |
นับแซ่ก็แซ่ซร้องว่ายอดยิ่ง |
พริ้งพานทองพันทางมาพัวพัน |
จัณฑาลมาเสพสมผสมหมู่ |
จับคู่ทุรชนเสนอโปรเจคสวรรค์ |
ลวงว่าเพียงทรัพย์นำสุขอนันต์ |
อาธรรม์แพศยาจึงครองเมือง |
คลื่นวิกฤติจู่โจมเข้าโถมถา |
อกประชาแทบบ้าฟ้าจะเหลือง |
ทั้งโรคห่าไฟใต้มลังเมลือง |
ยังยักเยื้องหลีกเลี่ยงอย่างลังเล |
วิบัติลงเยี่ยมเยือนคนเลืี้ยงไก่ |
สะอื้นไห้เคเอฟซีพลันห่างเห |
น้ำตาสัตว์ไหลท่วมมหาทะเล |
หว่าเว้มนุษยธรรมนั้นวังเวง |
ฟืนโทสะสุมเพลิงใต้ให้เฉิดฉัน |
ปลุกฝันฝุ่นไรที่นอนเขลง |
ดุริยางค์ปืนผสานคล้องทำนองเพลง |
บรรเลงจิตรกรรมเลือดในตำนาน |
คนชั่วเยื้อนยิ้มแย้มยินดี |
สันติวิธีถูกย่ำยีประหาร |
ศีลธรรมย่อยยับม้วยมลาญ |
พระกาฬเข้าผลาญพร่าฝูงชน |
นักปราชญ์พ่ายแพ้ต่อสัตว์ป่า |
ผู้กล้ารันทดท้อหมองหม่น |
ผู้ทรงศีลพ่ายต่อทรชน |
ผู้คนล้วนฝูงผีเข้ายึดครอง |
ล้มตายใช่ว่าปัญหาหมด |
แจกทรัพย์ใช่ทดแทนความเศร้าหมอง |
ทั้งถ้อยคำประนามหยามเหยียดทำนอง |
แค้นจะครองทั่วถิ่นมิคสัญญี |
เปี่ยมโมหาแก้เหตุน่ากังขา |
ฉีกปัญหาเป็นส่วนไม่ถ้วนถี่ |
ใช้เพียงเงินเทคโนโลยีทิ้งประเพณี |
กาลีย่อมเข้าสิงอิงเงาตา |
กรุงรัตนโกสินทร์จะเสื่อมแล้ว |
หากทิ้งแก้วปัญญามิรู้ค่า |
ใช้สติและสมองร่วมกรุณา |
ร่วมรักษาศานติสร้างความดี |
กรุงรัตนโกสินทร์จะเกษมสุข |
เมื่อประชาร่วมทุกข์ไม่หลีกหนี |
วิกฤติเป็นโอกาสสร้างไมตรี |
ร่วมหมู่มุขมนตรีร้องเพลงยาว |
มิ่งรัตนแก้วจักจำรัสจ้า |
เมื่อไพร่ฟ้ามิร้องหาบุรุษม้าขาว |
ร่วมกันถักตาข่ายประกายดาว |
กรุงจักพราวพรายรุ้งมณีปัญญาเอยฯ |
|
|
ชลนภา อนุกูล |
|
ซาร์บรึคเคน,
๓๐ พฤษภาคม |
|