หนุ่มสาวดัดจริต > ขับเทพเจ้าผู้พิทักษ์นรชน
   

ครืนครืนฟ้าส่งเสียงคำรามครวญ

อกปั่นป่วนใจสั่นสะท้านโหย

แส้ฝนคะนองฟาดตวาดโบย

โอยกลิ่นดินอบหล้าวายุวาร ฯ
   

แลบฟ้าปราบเปรี้ยงสำเนียงชัด

ถนัดซัดส่าซาดดูฉาดฉาน

อาเพศอากาศล้นพ้นประมาณ

ดังประหารขวัญผู้คนพลเมือง ฯ
   

อนาถนักนรชนรุ่งปัญญา

เข่นฆ่าฟาดฟันจนฟ้าเหลือง

เล่ห์อัตตาหลงดีจึงเปล่าเปลือง

ขัดเคืองข้องติดมมังการ ฯ
   

ฟ้ากะลาครอบอยู่ทุกถิ่นที่

กะลาดีกะลาเลวเคาะขับขาน

เบ่งบ้ากะลาใหญ่คับจักรวาล

กลวงกระบาลกึกก้องกระเดื่องดี ฯ
   

เพลิดเพลินอยู่ในเพลงกะลาแก้ว

วิจิตรแพร้วเทพนิมิตรประสิทธิ์ศรี

วิพากษ์ผิดถูกบูชาแม่กาลี

ถวายพลีซากทัศนะแตกต่างตน ฯ
   

ดุริยางค์หอยแซ่ซร้องสรรเสริญ

อัญเชิญสู่รุ้งฟ้าเวหาหน

นิ่มปัญญาต้องรู้ที่เจียมตน

เลศกลทิงเจอร์อย่าตอแย ฯ
   

เวไนยไวยากรณ์กลับชาติเกิด

เทิดแต่ฉันทลักษณ์น่ารักตอแหล

มิรู้กำซาบสุนทรียรสฤดีแด

เสี้ยวดวงแขจึ่งกลายฝีท้องจันทร์ ฯ
   

ชื่นชมตราชูไม่ดูรากเหง้า

แมลงเม่ามาตรฐานเดียวน่าขบขัน

ศิโรราบกราบกรานมีรางวัล

วิสามัญสามัคคีทฤษฎีเผด็จการ ฯ
   

ระยำล้ำเลิศเหล่าพาลาหมาหมู่

อุ้มชูคุณธรรมมิ่งมิตรเดรัจฉาน

ยอมตายเพื่อสหายคือปณิธาน

เพลิงนรกานต์ผลาญทุกชาติไม่ปรารมภ์ ฯ
   

พระเสื้อเมืองทรงเมืองหลั่งน้ำเนตร

อาเพศวิปริตนครอกไหม้ขม

สงครามสัปปุรุษอินทร์รบพรหม

ธรรมารมณ์แหลกสิ้นไม่เหลืองาม ฯ
   

เทพารักษ์หลักเมืองก็หวั่นก็ไหว

สนิมเนื้อใจกร่อนกร้อนน่าคร้ามน่าขาม

ดีต่อดีสุดจะเลือกอยู่ข้างนิยาม

ทั้งหวั่นลุกลามเนื้อร้ายทำลายดี ฯ
   

อกภูิติบ้านผีเมืองปวดรวดร้าว

วาวอารยะแปดเปื้อนหม่นหมองศรี

เกียรติยศสัตตบุรุษถูกย่ำยี

ใช้แทนที่คำนำหน้าชาติจัญไร ฯ
   

สุภาพชนนั้นอยู่ที่นับถือตน

คนหมิ่นคนจักทำได้ฤาไฉน

หากยกตนข่มท่านเหนือผู้ใด

แท้คือไพร่ในนิสสัยกมลสันดาน ฯ
   

ปางโจรร้ายจักได้ครองบุญ

ขอคุณเทพไท้เทพารักษ์พิทักษ์สถาน

เลิกปกป้องนรชนผู้รอนราน

ผลาญบุราณสมบัติวิบัติอาดูร ฯ
   

แม้นข้าน้อยจักเถลิงเดชแลยศ

ทุกทศทิศชาติคนดีจงสาบสูญ

จักปลูกฝังคุณพระรัตนตรัยให้เพิ่มพูน

ทั้งเทิดทูนจรรยามนุษย์ใหม่ไร้ราคี ฯ
   

หวังสลาย "ตัวข้า" เข้าสู่ "เรา"

เป็นเผ่าพันธุ์ใจวิสุทธิ์บริสุทธิ์ศรี

อัตตาปัจเจกถวายเป็นสังฆะพลี

รู้ยินดีสมดุลสันโดษสังคม ฯ
   

แยกแยะมนุษย์สัตว์กระจ่างชัด

ทิพย์รัตน์มณีปัญญาสง่าสม

อหิงสาย่อมแย้งยุทธนิยม

ร้ายอารมณ์ดับด้วยมหากรุณา ฯ
   

เลิกสมมติวาทกรรมคนล้ำเลิศ

เทิดธรรมแท้แม้ไร้ลัทธิศาสนา

ถือคุณงามความดีเป็นศาสดา

เพียงศรัทธาประโยชน์โลกยิ่งกว่าตน ฯ
   

มุ่งยึดถืออุดมคติอันวิเศษ

หวังล้างเลศโอหังด้วยวิริยะผล

แม้นถูกหมิ่นว่าเพ้อฝันไม่ทุรน

ดีกว่าทนจ่อมอาจมไม่ล้างตัว ฯ
   

นี้คือคำอธิษฐานอันล้ำค่า

กาละเวลาเหล่าคนดีไร้ค่าหัว

ชาติสามานย์จักครองเมืองอย่าหวั่นกลัว

ชั่วกลายดีชะตาหม่นสลายคลาย ฯ
   

ขับเทพเจ้าผู้พิทักษ์นรชน

อย่ารู้ผจญมารอภิบาลฉิบหาย

ถึงวาระคนดีจักวอดวาย

อย่าเสียดายถอยห่างเกรงบุญโจร ๚ะ๛
   
  ชลนภา อนุกูล
  ซาร์บรึคเคน, ๑๔ สิงหาคม ๒๕๔๗

 


 



หน้าแรก
| ปัญญาชนสยาม | หนุ่มสาวดัดจริต | กังวานเกี่ยวข้อง | ข้าวตอกดอกมะเขือ | กลับสู่ด้านบน

เว็บไซต์นี้จัดทำด้วยความกระตือรือล้นของใครหลายคนนั้น
ก้อนหิน และหรือดอกไม้ กรุณาหารือกับนักการ
พยายามปรับปรุงข้อมูลครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ ๒๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๗