หนุ่มสาวดัดจริต > เห็นไหมลมพัดดอกไม้ไหว   

   

เห็นไหมลมพัดดอกไม้ไหว

หอมหอบหัวใจไปลิบลิ่ว

กลีบอ่อนเกสรน้อยลอยล่องปลิว

อยู่ท่ามทิวพฤกษ์ภูผาแห่งป่าดำ ฯ
   

ผ้าห่มหมอกหอบเมฆมาห่มป่า

น้ำค้างฟ้าโรยพนาพาชื่นฉ่ำ

รื่นรื่นชื่นจิตคิดลำนำ

ร้อยถ้อยคำแทนคิดถึงคนซึ้งใจ ฯ
   

ทะเลสาบนั้นหรือคือเนตรอัปสร

อ่อนฉะอ้อนต่อว่าฟ้าฤาไฉน

วิบวับวูบวามซ่อนความนัย

เงามิ่งไม้แผ่วไหวมิตอบคำ ฯ
   

ยินเสียงถอนใจระบัดโศก

ลมกรรโชกอึงอื้อมาเวลาค่ำ

พายุฝนสาดซัดชะตากรรม

จะครวญคร่ำฉะนี้อีกกี่นาน ฯ
   

วารวันนั้นลิ่วไปลิบพู้น

สูญเปล่ารอกาละมาประหาร

อนิจจังที่แท้ทัณฑ์ทรมาน

โทษฐานจำหลักมั่นกลางหทัย ฯ
   

สนสังคีตปลอบขวัญอันว้าเหว่

มหาชะเลเมฆโอบอ้อมแสงไข

แทนโคมทิพย์ส่องกลางวนาลัย

ธารน้ำไหลรินหอมแห่งนิรันดร์ ฯ
   

ดาริการ่วงฟ้าประกายชีวิต

กระจิดริดรัศมีเลิศเฉิดฉัน

โอยทานแสงแด่โลกเป็นกำนัล

กระชั้นสั้นวูบดับลับลือชา ฯ
   

หลับตามองเห็นเพียงดวงแก้ว

แหลกแล้วร่วงพลัดจากหัตถา

ฝันร้ายคือความจริงแสนทรมา

อนิจจาอีกกี่ฟ้ายังเสียดาย ฯ
   

แก้วมณีร้าวรวดกลายกรวดหิน

หวังดื่มกินการงานดับกระหาย

วิปโยคโศกหมองมิอาจคลาย

สายหยุดสุดสายที่หายใจ ฯ
   

อกหนาวปล่าวสะท้านกังวานถวิล

ทำนองพิณแผ่วพ้อเพียงหวั่นไหว

พรายฟองไวน์วูบวับรับความนัย

ผ่อนอาลัยฟ้าไหนใครเมตตา ฯ
   

จิบหนึ่งเชื้อเชิญดาวประดับเนตร

ซึ้งวิเศษค่าทิพย์แท้เสน่หา

จิบหนึ่งยิ้มรับเจ้าดวงมาลา

ข้ามรุ้งฟ้าผ่านห้วงสีทันดร ฯ
   

อัศจรรย์ฟุ้งกลิ่นปาริชาติ

หอมสะอาดธาตุจิตประภัสสร

ช้อนกอดอุดมคติด้วยอาทร

เล่ห์ร้ายหลอนหรอกหนาอย่าปรารมภ์ ฯ
   

นิมิตเห็นสาส์นเบื้องบุรพทิศ

มิ่งมิตรเล่าถามความหวานขม

เร้าเร่งกลับถิ่นฐานร่วมชื่นชม

ค้นเพชรตมเจียระไนแพร้วแก้วปัญญา ฯ
   

มาร่วมเป็นนายช่างบุรีรัตน์

สลักสกัดยุคสมัยไร้เดียงสา

อย่าทิ้งทอดยิ้มเย้ยเพียงเวทนา

เดรัจฉานอวิชชาสมพาสพัน ฯ
   

แลนไทยวิ่งพล่านเต็มแหล่งสยาม

เกียรติกามฟุ้งฉาวลาวแขกหยัน

มาร่วมกำหมัดทะมัดประจัน

มิพรั่นหวั่นหวาดเพื่อนเคียงกาย ฯ
   

กากฝรั่งผายลมเหม็นคละคลุ้ง

ถนัดปรุงรสนิยมศิวิไลซ์ฉิบหาย

ลิ้นอังกฤษคล่องกว่าไทยน่าละอาย

ไม่ละม้ายอยู่เมืองนอกสองสามปี ฯ
   

ร่ำเรียนมารู้แต่วิชาชั้นเลิศ

มิรู้กำเนิดวิธีคิดเหมาะเมืองศรี

พร่ำพรอดกอดบูชาถ่านเถ้าทฤษฎี

กี่ล้านปีจึงจะเห็นสัจจะความจริง ฯ
   

รู้แต่เขามิรู้เราจะรอดหรือ

มุ่งยึดถือขี้ฝรั่งดังผีป่าสิง

มิรู้จริงมิรู้รากจึงทอดทิ้ง

ยศสยามยิ่งแก้วกลิ้งกลางดิน ฯ
   

ภูมิปัญญาเก่าเดิมมิรู้จัก

เฝ้าจงรักเหง้าต่างด้าวมิรู้สิ้น

อกปู่ย่าตายายแหลกพังพิน

วิญญานหลานร้างเปล่าเน่าเนยนม ฯ
   

ลอกเปลือกหลงกากจึงบอดใบ้

ยากไร้จักษุปัญญาใจปร่าขม

สมองซิมเปิลว่าง่ายสมัยนิยม

ถวายบังคมวิทยาศาสตร์ทาสภักดี ฯ
   

ขยะอารยธรรมขยันนำเข้า

เง่างั่งคลั่งไคล้เทพเทคโนโลยี

อีเดียทมิรู้มารยาทประเพณี

ศักดิ์ผู้ดีอยู่ที่นับถือตน ฯ
   

สายสิญจ์ล้อมวิชาเป็นเล้าค่าย

อเมริกาฝ่ายยูโรปาญี่ปุ่นชวนสับสน

พะยี่ห้อใบปริญญาศักดินาคน

สยามสกุลหม่นรันทดท้อขอทานวิชา ฯ
   

หยิ่งโยโสเส็งเคร็งนักเรียนนอก

ลูกกรอกนิวเคลียร์มิรู้ค่าหล้า

สำรอกสำเร็จใคร่ทางปัญญา

พัฒนาฟ้าสู่นรกอเวจีเบิกบาน ฯ
   

เบ่งลำพองคะนองค่าหยักสมอง

ตรองมิรู้ค่าวิสุทธิ์วิเศษแก่นสาร

ป่าช้าชีวิตเพียงซากดักแด้ดักดาน

จิตวิญญานเปล่าไร้ความถ่อมตัว ฯ
   

กระหายทรัพย์งกนับยอดเงินเดือน

ฟุ้งฟั่นเฟือนชั่งวิชาเทียบค่าหัว

มิแยกแยะค่าแท้เทียมจึงพันพัว

งัวงานงั่งคลั่งทองของมายา ฯ
   

ท้าววิษณุกรรมทอดถอนสะอื้นโศก

วิปโยควิศวกรไทยแร้นแค้นค่า

นิมิตเมืองอุจาดอุบาทว์แววตา

พะว้าพะวังรังรกสยกแสยงใจ ฯ
   

แพทย์สยามแพศยาค่าเงินทอง

มิปองอุดมคติอันยิ่งใหญ่

เรียนเครื่องมือสั่งเมืองนอกรี่เร็วไว

รีดคนไข้ไร้จรรยาสง่าสามานย์ ฯ
   

เฉลียวฉลาดแสนรู้นักนักกฎหมาย

สอพลอนายสัตว์การเมืองเชื่องรัฐประหาร

นิรโทษกรรมเดรัจฉานชำนิชำนาญ

ถวายงานไดโนเสาร์น่าเห่าหอนชมเชย ฯ
   

ท่านวิทยาศาสตร์ศาสดาศาสนาใหม่

วิบัติวิจัยหวังตำแหน่งมาหนุนเขนย

ปรีชาญานทรรศนะอื่นละทิ้งละเลย

ยิ้มหยันเย้ยอินทร์พรหมสูรยจันทร์ ฯ
   

สุดโปรดปรานท่านอีโคฟาสซิสต์

เข้มเขียววิจิตรวิลาศป่าฝัน

โคไมนีสิ่งแวดล้อมยุคปรัตยุบัน

อย่าคิดสั้นกำแหงแข่งตีความ ฯ
   

เออหนอสบถบ่นบ้ามาช้านาน

เกลออย่าพาลลี้หนีหายอุปสรรคคร้ามขาม

โอกาสวิเศษสร้างประวัติศาสตร์อันเรืองนาม

กู้สยามยามวิกฤตินิรมิตอมตะงาน ฯ
   

เหลวไหลมิกลับบ้านมิช้าว้าเหว่

จักร่อนเร่อีกกี่ฟ้าหาน้ำผึ้งหวาน

ฤาภมรจะยอมอดบุหงาลดามาลย์

ทอดทิ้งปณิธานกับดินทราย ฯ
   

สะดุ้งตื่นฟื้นเห็นดวงสุรีย์ศรี

สาวราตรีน้ำค้างพลันห่างหาย

นิมิตฝันฝากไว้กับยิ้มพราย

ถ้อยสหายก้องเหน็บแนมกังวานใจ ฯ
   

ฝนยังพรายฝ่ายฟ้อนมาอ้อนหญ้า

แทนสัญญาสินสอดสนรับไหว้

เรียวโค้งรุ้งนำทางหว่างดวงหทัย

กระซิบบอกใบ้ที่ปลายทางมีความงาม ฯ
   

ชมพนาป่าดำในน้ำฟ้า

เวิ้งขุนผาสูงเยี่ยมน่าเกรงขาม

ทะเลสาบลึกล้ำสะท้อนเมฆคราม

หมอกหวงห้ามดวงตาอย่างยั่วยวน ฯ
   

เก็บทิพย์ใส่กาพย์กลอนฟ้อนป่าฝัน

อัศจรรย์เรียงร้อยถ้อยกำสรวล

หอมบุปผาเสน่หามาเห่ครวญ

เชื้อชวนเพื่อนร่วมระรื่นชื่นชม ฯ
   

เจียรเจียระไนจักรวาลล้ำเลิศ

บรรเจิดเพริดพริ้งสวรรค์สรวงอาศรม

ศุภสวัสดิ์น้อมสถิตอกนิษฎ์พรหม

สุทธารมณ์ห่มห้อมทุกดวงชีวิ ฯ
   

รินคติธรรมถวายโลกน่ารัก

ชื่นจิตนักธรรมชาติบริสุทธิ์ศรี

พินัยกรรมเขียนไว้ในใจกวี

สุนทรีย์วิเวกวิเศษสกาวพราว ฯ
   

บันทึกนี้มอบไว้แด่มิ่งขวัญ

วันฝันสั่นสะท้านกลางป่าหนาว

กระซิบสัญญาตาข่ายประกายดาว

ผ่าวพิษร้าวผ่อนคืนดวงชีวิน ฯ
   

เห็นไหมลมพัดดอกไม้ไหว

หอมหอบหัวใจไปหมดสิ้น

จุมพิตฝากแทบเท้าแม่แผ่นดิน

รินรินจะคืนถิ่นมิช้านาน ฯ
   
ชลนภา อนุกูล  
ซาร์บรึคเคน, ๒๕ มิถุนายน ๔ กรกฎาคม ๒๕๔๗  

 



หน้าแรก
| ปัญญาชนสยาม | หนุ่มสาวดัดจริต | กังวานเกี่ยวข้อง | ข้าวตอกดอกมะเขือ | กลับสู่ด้านบน

เว็บไซต์นี้จัดทำด้วยความกระตือรือล้นของใครหลายคนนั้น
ก้อนหิน และหรือดอกไม้ กรุณาหารือกับนักการ
พยายามปรับปรุงข้อมูลครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ ๒๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๗