|
|
๏
เห็นไหมลมพัดดอกไม้ไหว |
หอมหอบหัวใจไปลิบลิ่ว |
กลีบอ่อนเกสรน้อยลอยล่องปลิว |
อยู่ท่ามทิวพฤกษ์ภูผาแห่งป่าดำ
ฯ |
|
|
๏
ผ้าห่มหมอกหอบเมฆมาห่มป่า |
น้ำค้างฟ้าโรยพนาพาชื่นฉ่ำ |
รื่นรื่นชื่นจิตคิดลำนำ |
ร้อยถ้อยคำแทนคิดถึงคนซึ้งใจ
ฯ |
|
|
๏
ทะเลสาบนั้นหรือคือเนตรอัปสร |
อ่อนฉะอ้อนต่อว่าฟ้าฤาไฉน |
วิบวับวูบวามซ่อนความนัย |
เงามิ่งไม้แผ่วไหวมิตอบคำ
ฯ |
|
|
๏
ยินเสียงถอนใจระบัดโศก |
ลมกรรโชกอึงอื้อมาเวลาค่ำ |
พายุฝนสาดซัดชะตากรรม |
จะครวญคร่ำฉะนี้อีกกี่นาน
ฯ |
|
|
๏
วารวันนั้นลิ่วไปลิบพู้น |
สูญเปล่ารอกาละมาประหาร |
อนิจจังที่แท้ทัณฑ์ทรมาน |
โทษฐานจำหลักมั่นกลางหทัย
ฯ |
|
|
๏
สนสังคีตปลอบขวัญอันว้าเหว่ |
มหาชะเลเมฆโอบอ้อมแสงไข |
แทนโคมทิพย์ส่องกลางวนาลัย |
ธารน้ำไหลรินหอมแห่งนิรันดร์
ฯ |
|
|
๏
ดาริการ่วงฟ้าประกายชีวิต |
กระจิดริดรัศมีเลิศเฉิดฉัน |
โอยทานแสงแด่โลกเป็นกำนัล |
กระชั้นสั้นวูบดับลับลือชา
ฯ |
|
|
๏
หลับตามองเห็นเพียงดวงแก้ว |
แหลกแล้วร่วงพลัดจากหัตถา |
ฝันร้ายคือความจริงแสนทรมา |
อนิจจาอีกกี่ฟ้ายังเสียดาย
ฯ |
|
|
๏
แก้วมณีร้าวรวดกลายกรวดหิน |
หวังดื่มกินการงานดับกระหาย |
วิปโยคโศกหมองมิอาจคลาย |
สายหยุดสุดสายที่หายใจ
ฯ |
|
|
๏
อกหนาวปล่าวสะท้านกังวานถวิล |
ทำนองพิณแผ่วพ้อเพียงหวั่นไหว |
พรายฟองไวน์วูบวับรับความนัย |
ผ่อนอาลัยฟ้าไหนใครเมตตา
ฯ |
|
|
๏
จิบหนึ่งเชื้อเชิญดาวประดับเนตร |
ซึ้งวิเศษค่าทิพย์แท้เสน่หา |
จิบหนึ่งยิ้มรับเจ้าดวงมาลา |
ข้ามรุ้งฟ้าผ่านห้วงสีทันดร
ฯ |
|
|
๏
อัศจรรย์ฟุ้งกลิ่นปาริชาติ |
หอมสะอาดธาตุจิตประภัสสร |
ช้อนกอดอุดมคติด้วยอาทร |
เล่ห์ร้ายหลอนหรอกหนาอย่าปรารมภ์
ฯ |
|
|
๏
นิมิตเห็นสาส์นเบื้องบุรพทิศ |
มิ่งมิตรเล่าถามความหวานขม |
เร้าเร่งกลับถิ่นฐานร่วมชื่นชม |
ค้นเพชรตมเจียระไนแพร้วแก้วปัญญา
ฯ |
|
|
๏
มาร่วมเป็นนายช่างบุรีรัตน์ |
สลักสกัดยุคสมัยไร้เดียงสา |
อย่าทิ้งทอดยิ้มเย้ยเพียงเวทนา |
เดรัจฉานอวิชชาสมพาสพัน
ฯ |
|
|
๏
แลนไทยวิ่งพล่านเต็มแหล่งสยาม |
เกียรติกามฟุ้งฉาวลาวแขกหยัน |
มาร่วมกำหมัดทะมัดประจัน |
มิพรั่นหวั่นหวาดเพื่อนเคียงกาย
ฯ |
|
|
๏
กากฝรั่งผายลมเหม็นคละคลุ้ง |
ถนัดปรุงรสนิยมศิวิไลซ์ฉิบหาย |
ลิ้นอังกฤษคล่องกว่าไทยน่าละอาย |
ไม่ละม้ายอยู่เมืองนอกสองสามปี
ฯ |
|
|
๏
ร่ำเรียนมารู้แต่วิชาชั้นเลิศ |
มิรู้กำเนิดวิธีคิดเหมาะเมืองศรี |
พร่ำพรอดกอดบูชาถ่านเถ้าทฤษฎี |
กี่ล้านปีจึงจะเห็นสัจจะความจริง
ฯ |
|
|
๏
รู้แต่เขามิรู้เราจะรอดหรือ |
มุ่งยึดถือขี้ฝรั่งดังผีป่าสิง |
มิรู้จริงมิรู้รากจึงทอดทิ้ง |
ยศสยามยิ่งแก้วกลิ้งกลางดิน
ฯ |
|
|
๏
ภูมิปัญญาเก่าเดิมมิรู้จัก |
เฝ้าจงรักเหง้าต่างด้าวมิรู้สิ้น |
อกปู่ย่าตายายแหลกพังพิน |
วิญญานหลานร้างเปล่าเน่าเนยนม
ฯ |
|
|
๏
ลอกเปลือกหลงกากจึงบอดใบ้ |
ยากไร้จักษุปัญญาใจปร่าขม |
สมองซิมเปิลว่าง่ายสมัยนิยม |
ถวายบังคมวิทยาศาสตร์ทาสภักดี
ฯ |
|
|
๏
ขยะอารยธรรมขยันนำเข้า |
เง่างั่งคลั่งไคล้เทพเทคโนโลยี |
อีเดียทมิรู้มารยาทประเพณี |
ศักดิ์ผู้ดีอยู่ที่นับถือตน
ฯ |
|
|
๏
สายสิญจ์ล้อมวิชาเป็นเล้าค่าย |
อเมริกาฝ่ายยูโรปาญี่ปุ่นชวนสับสน |
พะยี่ห้อใบปริญญาศักดินาคน |
สยามสกุลหม่นรันทดท้อขอทานวิชา
ฯ |
|
|
๏
หยิ่งโยโสเส็งเคร็งนักเรียนนอก |
ลูกกรอกนิวเคลียร์มิรู้ค่าหล้า |
สำรอกสำเร็จใคร่ทางปัญญา |
พัฒนาฟ้าสู่นรกอเวจีเบิกบาน
ฯ |
|
|
๏
เบ่งลำพองคะนองค่าหยักสมอง |
ตรองมิรู้ค่าวิสุทธิ์วิเศษแก่นสาร |
ป่าช้าชีวิตเพียงซากดักแด้ดักดาน |
จิตวิญญานเปล่าไร้ความถ่อมตัว
ฯ |
|
|
๏
กระหายทรัพย์งกนับยอดเงินเดือน |
ฟุ้งฟั่นเฟือนชั่งวิชาเทียบค่าหัว |
มิแยกแยะค่าแท้เทียมจึงพันพัว |
งัวงานงั่งคลั่งทองของมายา
ฯ |
|
|
๏
ท้าววิษณุกรรมทอดถอนสะอื้นโศก |
วิปโยควิศวกรไทยแร้นแค้นค่า |
นิมิตเมืองอุจาดอุบาทว์แววตา |
พะว้าพะวังรังรกสยกแสยงใจ
ฯ |
|
|
๏
แพทย์สยามแพศยาค่าเงินทอง |
มิปองอุดมคติอันยิ่งใหญ่ |
เรียนเครื่องมือสั่งเมืองนอกรี่เร็วไว |
รีดคนไข้ไร้จรรยาสง่าสามานย์
ฯ |
|
|
๏
เฉลียวฉลาดแสนรู้นักนักกฎหมาย |
สอพลอนายสัตว์การเมืองเชื่องรัฐประหาร |
นิรโทษกรรมเดรัจฉานชำนิชำนาญ |
ถวายงานไดโนเสาร์น่าเห่าหอนชมเชย
ฯ |
|
|
๏
ท่านวิทยาศาสตร์ศาสดาศาสนาใหม่ |
วิบัติวิจัยหวังตำแหน่งมาหนุนเขนย |
ปรีชาญานทรรศนะอื่นละทิ้งละเลย |
ยิ้มหยันเย้ยอินทร์พรหมสูรยจันทร์
ฯ |
|
|
๏
สุดโปรดปรานท่านอีโคฟาสซิสต์ |
เข้มเขียววิจิตรวิลาศป่าฝัน |
โคไมนีสิ่งแวดล้อมยุคปรัตยุบัน |
อย่าคิดสั้นกำแหงแข่งตีความ
ฯ |
|
|
๏
เออหนอสบถบ่นบ้ามาช้านาน |
เกลออย่าพาลลี้หนีหายอุปสรรคคร้ามขาม |
โอกาสวิเศษสร้างประวัติศาสตร์อันเรืองนาม |
กู้สยามยามวิกฤตินิรมิตอมตะงาน
ฯ |
|
|
๏
เหลวไหลมิกลับบ้านมิช้าว้าเหว่ |
จักร่อนเร่อีกกี่ฟ้าหาน้ำผึ้งหวาน |
ฤาภมรจะยอมอดบุหงาลดามาลย์ |
ทอดทิ้งปณิธานกับดินทราย
ฯ |
|
|
๏
สะดุ้งตื่นฟื้นเห็นดวงสุรีย์ศรี |
สาวราตรีน้ำค้างพลันห่างหาย |
นิมิตฝันฝากไว้กับยิ้มพราย |
ถ้อยสหายก้องเหน็บแนมกังวานใจ
ฯ |
|
|
๏
ฝนยังพรายฝ่ายฟ้อนมาอ้อนหญ้า |
แทนสัญญาสินสอดสนรับไหว้ |
เรียวโค้งรุ้งนำทางหว่างดวงหทัย |
กระซิบบอกใบ้ที่ปลายทางมีความงาม
ฯ |
|
|
๏
ชมพนาป่าดำในน้ำฟ้า |
เวิ้งขุนผาสูงเยี่ยมน่าเกรงขาม |
ทะเลสาบลึกล้ำสะท้อนเมฆคราม |
หมอกหวงห้ามดวงตาอย่างยั่วยวน
ฯ |
|
|
๏
เก็บทิพย์ใส่กาพย์กลอนฟ้อนป่าฝัน |
อัศจรรย์เรียงร้อยถ้อยกำสรวล |
หอมบุปผาเสน่หามาเห่ครวญ |
เชื้อชวนเพื่อนร่วมระรื่นชื่นชม
ฯ |
|
|
๏
เจียรเจียระไนจักรวาลล้ำเลิศ |
บรรเจิดเพริดพริ้งสวรรค์สรวงอาศรม |
ศุภสวัสดิ์น้อมสถิตอกนิษฎ์พรหม |
สุทธารมณ์ห่มห้อมทุกดวงชีวิ
ฯ |
|
|
๏
รินคติธรรมถวายโลกน่ารัก |
ชื่นจิตนักธรรมชาติบริสุทธิ์ศรี |
พินัยกรรมเขียนไว้ในใจกวี |
สุนทรีย์วิเวกวิเศษสกาวพราว
ฯ |
|
|
๏
บันทึกนี้มอบไว้แด่มิ่งขวัญ |
วันฝันสั่นสะท้านกลางป่าหนาว |
กระซิบสัญญาตาข่ายประกายดาว |
ผ่าวพิษร้าวผ่อนคืนดวงชีวิน
ฯ |
|
|
๏
เห็นไหมลมพัดดอกไม้ไหว |
หอมหอบหัวใจไปหมดสิ้น |
จุมพิตฝากแทบเท้าแม่แผ่นดิน |
รินรินจะคืนถิ่นมิช้านาน
ฯ |
|
|
ชลนภา
อนุกูล |
|
ซาร์บรึคเคน,
๒๕ มิถุนายน
–
๔ กรกฎาคม
๒๕๔๗ |
|