หนุ่มสาวดัดจริต > ทักทายและส่งการบ้าน

Date:  Sun Aug 1, 2004  7:01 pm
Subject:  ทักทายและส่งการบ้านค่ะ

 

 

สวัสดีค่ะ

เพื่อน ๆ ทุกท่าน ตั้งแต่ “หนึ่งวันพันความคิด Big Bang Bangkok” จาก็หาย จากกรุงเทพ ฯ ไปสัปดาห์กว่า ๆ ค่ะ เลยไม่ได้เขียนแจมเพื่อน ๆ เลย ได้ตามอ่านอีเมล์ของเพื่อน ๆ แล้วรู้สึกมีคนไฮเปอร์แอกทีฟก ว่าเราเยอะเลย ฮ่า ฮ่า

วันที่เพื่อนอยู่กันที่ Big Bang จาอยู่ที่ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ค่ะ สนทนากันเรื่องภาคใต้กับกลุ่มนัก วิชาการทีมคุณสุริชัย หวันแก้ว แต่ถึงแม้จะอยู่ที่จุฬาฯ ก็คิดถึง Big Bang ตลอดเวลาค่ะ และได้ยินข่าวเรื่อง Big Bang มาเป็น ระลอกค่ะ คาดว่าจะต้องสนุกกันแน่ ๆ จาต้องขออภัยนะคะที่ไม่ ได้นำกำหนดการของวันเสาร์เรื่องภาคใต้มาลงได้ทันตามคำขอ ของพี่โด่ง เนื่องจากเพิ่งจะเห็นอีเมล์พี่โด่งเดี๋ยวนี้เองค่ะ (/\ ขอ อภัย)

เวลาช่างผ่านไปรวดเร็วค่ะ แม้แต่บิดามารดายังไม่ได้เห็น หน้ากันชัด ๆ เลย หวังว่าท่านจะไม่คิดตื้บเราเสียก่อน วันนี้มาส่ง การบ้านค่ะ รายงานความคืบหน้าเรื่องราวที่ไปร่วมมาค่ะ มีเรื่อง ภาคใต้, Education Reform, Rural Distance Learning in Low Cost และเรื่องแถม

 

๑. เรื่องภาคใต้

วันเสาร์ที่ ๑๗ ก.ค. มีการคุยกันระหว่างนักวิชาการเรื่องภาคใต้ ที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ วันนี้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นเยอะเลยค่ะ ทั้ง Big Bang การปิดประชุมเอดส์โลก และวันนั้นมีเด็กทารกที่โดน แม่ทิ้งถังขยะเกิดขึ้นมาด้วย... ผู้เข้าร่วมเป็นนักวิชาการจากหลายมหาวิทยาลัย ส่วนใหญ่มี ความเกี่ยวข้องกับภาคใต้ค่ะ มีอาจารย์ที่เป็นคนมุสลิมภาคใต้ อาจารย์สุริชัยเป็นผู้ดำเนินรายการที่เก่งมาก เพราะตัดบทคนได้ อย่างธรรมชาติและสรุปได้นิ่มนวลตรงประเด็น สังเกตุเห็นว่า หลายท่านมีความในใจเยอะค่ะ น่าสงสาร ฟัง ๆ ดูแล้ว หากเรา เป็นเขา เราก็คงเป็นอย่างนั้นเหมือนกัน

หลายท่านงง ๆ ว่าจาและ เพื่อนไปเกี่ยวอะไรด้วย จาเป็นอาจารย์ทางวิศวฯ ทำไมถึงสนใจ เรื่องนี้ จาจึงตอบท่านว่า ที่เราสนใจเรื่องนี้ เพราะเห็นเด็กไทย ค่อย ๆ ร่วงพับกันเป็นแถว ๆ มากว่าปีแล้วค่ะ เรามองกันว่า อีก ๑๐-๒๐ ปีประเทศไทยจะเป็นอย่างไร อันที่จริงเรามองว่า ปัญหา ภาคใต้ ไม่ใช่ปัญหาภาคใต้ แต่เป็นปัญหาของทั้งประเทศค่ะ ตั้งแต่สงครามยาเสพติด เด็กตายไปเท่าไร แล้วเด็กที่ติดยาอีก ต่อมาก็มีแก๊งค์ซามูไรภาคเหนือ เด็กภาคกลางยกพวกตีกันเป็น พัน เด็กแถวนครปฐม ก็เป็นแก๊งค์ข่มขืนผู้หญิง ต่อมาเป็นเด็กใต้ ที่ลุกขึ้นมาเป็นฮีโร่ของมุสลิมภาคใต้ เราเชื่อว่าเหตุการณ์เกิดขึ้น ที่ไหน คนแถวนั้นก็เจ็บปวดใจทั้งนั้น เด็กใกล้ ๆ มหาวิทยาลัยที่ จาสอน รุมข่มขืนผู้หญิง เราอยู่แถวนั้น ฟังแล้วก็รู้สึกปวดใจค่ะ

และเช่นเดียวกันกับการใช้ความรุนแรงในภาคใต้ จาเข้าใจคนที่ เป็นพ่อแม่ญาติพี่น้องของเด็กทางใต้ดี ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่ generation ผู้ใหญ่ทุกคนควรจะมาหารือกันว่าอนาคตประเทศ จะเป็นอย่างไร

ตัวอย่างเรื่องเอดส์โลกที่พี่โด่งเคยเขียนว่า เรื่องนี้ ไม่ใช่เรื่องระหว่างปัจเจก แต่เป็นเรื่องของสังคม เรื่องภาคใต้ก็เช่นเดียวกัน เป็นเรื่องของสังคม จ๋า ชลนภา เคย เขียนปัญหาของกลุ่ม Terrorist ภาคใต้ว่าเป็นพวก Difficult to motivate, but easy to manipulate อันนี้น่าจะเปรียบได้เป็น อาการป่วยนะคะ เป็นอาการของคนที่มีภูมิต้านทานภาวะทางจิต ใจน้อย จาเชื่อว่าความเครียดนั้น เกิดขึ้นกับคนทั้งสังคม ทั้ง ประเทศ แต่ผู้ใหญ่ยังมีภูมิต้านทานมากกว่าเด็ก ดังนั้นอาการจึง เกิดกับเด็กวัยรุ่นก่อน หากความเครียดในสังคมเพิ่มมากขึ้นกว่า นี้ ก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะว่าผู้ใหญ่จะสติแตกวันใดได้บ้างเหมือนกัน ดังนั้นจาจึงเสนอต่อที่ประชุมในเรื่อง “การสร้างภูมิต้านทานต่อ โรคภูมิคุ้มกันบกพร่องของสังคม” คือ

๑. การสร้างความเข้าใจ ในเรื่องต่างวัฒนธรรม

๒. การสร้างสุขภาวะในมิติจิตวิญญาณ

๓. การศึกษาทางเลือกเพื่อให้เด็กรักการเรียนรู้

สิ่งเหล่านี้ต้อง ไปด้วยกันเป็นอันดับแรก โดยเฉพาะการทำให้ชัดถึงคำว่า “รวม กันเราอยู่” เช่นเดียวกับสหภาพยุโรป เกลียดกันมายาวนาน แต่ ซึ้งถึงสัจจธรรมนี้แล้ว อย่าให้ลูกหลานต้องมา “ล้างแค้น” แทน เราเลย พวกเขาควรมีโอกาสที่ดีกว่านี้ค่ะ...

แต่ในยามนี้ไม่ว่าจะใช้วัคซีนตัวใดก็ต้านยาทั้งนั้นหละค่ะ จึงมี การต่อต้านในทุก ๆ เรื่อง ทุก ๆ แง่ ทำให้ไม่รู้ว่าอะไรถูกหรืออะไร ผิดกันแน่ จนหมอเองก็ไม่มั่นใจ

จาคิดถึงข้อแนะนำของพี่ชัย วัฒน์มากเลยค่ะ เรื่องการทำไดอะล็อค “หนึ่งวันพันความคิด” กับคนทั้งพัน ซึ่งพี่ชัยวัฒน์เคยให้ไอเดียมาก่อนหน้านี้นานแล้ว ยิ่งเห็นภาพชัดเมื่อวัน Big Bang Bangkok อาจารย์วิลาสินี (นิเทศ จุฬาฯ สตรีศึกษา ธรรมศาสตร์) ได้พูดเรื่องนี้ในที่ประชุม เช่นกันค่ะ ดังนั้นในขณะที่ประชุมกันเรื่องภาคใต้ ก็นึกถึงทุก ท่านที่อยู่ใน Big Bang ค่ะ หน้าพี่ ๆ หลายคนก็ผุดขึ้นมา เช่น พี่ ชัยวัฒน์ ถิระพันธ์ พี่วิศิษฐ์ วังวิญญู หมอวิธาน ฐานะวุฒน์ และ อาจารย์เอเชีย เป็นต้น แต่คนเหล่านี้ก็งานยุ่งเหลือล้นจริง ๆ ค่ะ ตอนนี้ที่ทำได้ก็คือการขายไอเดียให้กับคนทุก ๆ ฝ่าย ทุก ๆ ระดับ พยายาม hint ท่านรัฐมนตรีกระทรวงต่าง ๆ ว่าท่านน่าจะ นัดประชุมกันทุกกระทรวงได้แล้ว โดยด่วน ระดมวัคซีนที่ เป็น “การสร้างความชัดเจน” เพื่อการสร้างภูมิค้มกันหรือระบบ Securities โดยด่วน ที่ไม่ใช่ “หาคนกระทำผิด” อย่างเดียว!!! อย่าให้เกิดตัวกลางต่างประเทศมาช่วยเจรจาสงบศึกเลยค่ะ ตัว กลางจะช่วยได้แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่ในที่สุดเราต้องแก้ปัญหา ระหว่างเรากันเอง เหตุการณ์มันกำลังดำเนินไปตามทางที่จะ เหลือคำตอบเดียว ซึ่งเราจะกลายเป็น “ผู้ไม่มีสิทธิ์เลือก” อีกตาม เคย เช่นเดียวกับเหตุการณ์ IMF ค่ะ แต่คราวนี้ความเป็นพ่อพระ จะยิ่งแนบเนียนมากขึ้น แต่ตีลังกาดีดลูกคิด คำนวณความเสีย หายที่เกิดขึ้นและค่าใช้จ่ายสำหรับตัวกลาง รวมทั้งอธิปไตยใน การคัดสรรผู้นำ กติกาต่าง ๆ สำหรับประเทศเราในอนาคต ทีนี้ หละจะเป็นคนทั้งประเทศที่ suffer ร่วมกัน (อีกแล้ว) ซึ่งเราโทษ เขาก็ไม่ได้ค่ะ จาอยากให้ไอเดียแพร่หลาย โดยไม่รู้มาจากที่ ไหน เพราะสังคมไทยเป็นเช่นนี้ค่ะ ข่าวลือไปง่ายกว่าโครงการ วิจัย ฮิฮิ ;) อยากให้คนไทยรักกันเสียที ประเทศเรากระจิ๊ดริดแค่ นี้เอง

หากรัฐมนตรีท่านใดชักชวนคนอื่นให้ลุกขึ้นมาช่วยกันแก้ปัญหา และอยากบอกว่าเป็นความคิดท่านก็เชิญเลยเอ้า... ทุก วันนี้นั่งลุ้นว่าท่านจะพูดให้สัมภาษณ์อย่างไร ท่านจะจับประเด็น ถูกหรือยัง จับประเด็นถูกสักทีเถิดเจ้าประคู้ณ...

เขียนมายืดยาวเลยค่ะ จริง ๆ มีเรื่องที่ไปเกี่ยวข้องมาอีก แต่ใคร อ่านไม่ไหวก็ไม่เป็นไรค่ะ อันที่จริงเหมือนเรื่องตลก มันเป็นเรื่องที่ คาดว่าน่าจะเกี่ยวกันได้ในรายละเอียดเล็ก ๆ กับวิธีคิดเรื่อง ปัญหาภาคใต้ ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาค ฯลฯ ค่ะ ฮ่า ฮ่า

 

๒. Education Reform in Thailand

หลังจากประชุมที่จุฬาฯ ก็ไปพิษณุโลกต่อเลยค่ะ มีประชุมเรื่อง Strategic Planning in Higher Education วันที่ ๑๙-๒๒ ก. ค. โดยมีม.นเรศวรเป็นเจ้าภาพ และอีกหลายมหาวิทยาลัยเป็น เจ้าภาพพันธมิตรค่ะ มี U. of Idaho และ Washington State U. รวมอยู่ด้วย เป็นความตั้งใจดีของกลุ่มนี้ที่จะสร้างมาตรฐาน ร่วมกันและใช้ทรัพยากรร่วมกันทั้งบุคลากรและเครื่องไม้เครื่อง มือ ท่านรองนายกจาตุรนต์ไปปาฐกถาเรื่อง Education and Globalization ท่านพูดได้ดีเรื่อง สติในการคัดเลือกความรู้ในยุค โลกาภิวัฒน์ แล้วท่านก็แถม surprise เพลง “สามสิบยังแจ๋ว” แบบมีนศ.ออกมาเซิ้งสีไหน่ารักน่าเอ็นดู...

จาได้มีโอกาสไป นมัสการพระพุทธชินราชก่อนกลับค่ะ ดีใจที่ได้ไปกราบท่าน บังเอิญเป็นช่วงลอกผิวอยู่พอดี เห็นคนในวัดบอกว่า ๒๐๐ ปี จะ ลอกผิวลงลักษณ์ปิดทองครั้งหนึ่ง ตอนนี้พระพุทธชินราชจึงเป็น สีดำลงลักษณ์อยู่อย่างนั้น จนถึงปลายตุลาฯ ค่ะ หากเพื่อน ๆ สนใจ ขับรถจากกรุงเทพฯ ก็ราว ๆ ๕-๖ ชม. ค่ะ

 

๓. Rural Distance Learning

กลับจากพิษณุโลกก็เข้าร่วม Workshop ของ World Bank เรื่อง “Rural Distance Learning in Low Cost” น่าสนใจมาก ค่ะ คนที่มาร่วมมีหลายพวก ทั้ง World Bank, UNESCO, Distance Learning Centre UK ศูนย์การเรียนทาง ไกลพระราชวังไกลกังวล นักวิชาการจากหลายแห่ง เราทึ่งนัก เศรษฐศาสตร์และนักสังคมศาสตร์มากค่ะ มานั่งทำ Digital Visio Flow Chart สรุปกิจกรรมออกมาได้ ๔๒ ประการ

ที่น่า สนใจคือค่าใช้จ่ายคำนวณกันดี ๆ การเรียนทางไกลแพงกว่า การเรียนธรรมดาทั้งสิ้นทั้งปวง แถมบางวิชาที่จัดไป เป็นสิ่งที่ ชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าจะนำไปประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวัน อย่างไร เผอิญได้ไปนั่งพิจารณาโครงการขององค์การนักศึกษา มหิดลที่จะไปออกค่ายชนบท เลยแนะนำให้เด็ก ๆ มานั่งฟัง สัมมนานี้ด้วยกัน

Tony Bates (Director of Distance Learning Centre UK) ให้โจทย์ว่า What are the priorities of rural education? Do we need to change their life styles? and Why? คำตอบนี้ท้าทายมากในสังคมโลกปัจจุบัน ค่ะ มีทั้งคนที่ให้คำตอบสุดขั้วและคำตอบอยู่ตรงกลาง มันสอด คล้องกับเรื่อง Globalization ด้วย มีทั้งต้องเปลี่ยน/ไม่ต้อง เปลี่ยนและเปลี่ยนบ้างไม่เปลี่ยนบ้าง แต่สัดส่วนของเปลี่ยนกับไม่ เปลี่ยนรวมแล้วเยอะกว่าเปลี่ยนบ้างไม่เปลี่ยนบ้างในบางครั้ง และต้องตอบแบบฟันธงว่าเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนในบางครั้งเช่น กัน...

พบว่าการได้มาซึ่งคำตอบต่างหากเป็นสิ่งที่สำคัญ ที่เรียกว่า Learning และจำเป็นอย่างยิ่งไม่เฉพาะ rural แต่ urban ก็ต้อง การเช่นกันโดยเฉพาะ critical thinking เป็นสิ่งจำเป็นมาก แม้ แต่ในชั้นเรียนปัจจุบัน เรื่องหนัก ๆ เป็นเรื่องไม่สนุกที่จะคิด คาด ว่าอาจารย์ทุกท่านคงพยายามแล้วให้เด็กฝึกคิดซับซ้อนขึ้น เพื่อความจำเป็นในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ท้ายที่สุดชาวบ้านไม่ได้ต้องการความรู้ทางวิชาการ แต่ต้องการ รู้วิชาชีพมากกว่า และต้องการรู้เพียงแต่ว่าจะสามารถอยู่อย่าง ปลอดภัยได้อย่างไร จากภัยธรรมชาติ ภัยผู้บุกรุก (คนไทยด้วย กันเองบ้าง)

บางครั้งก็เป็นสมมติฐานที่ท้าทายว่า หากชาว บ้านอยากอยู่อย่างปลอดภัยมากขึ้น ก็อาจจะต้องมีการปรับปรุง บางอย่าง เพื่อการแก้ปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพได้ด้วยตนเอง แม้วิชาการเป็นหนทางหนึ่งที่จะช่วยฝึกฝนการคิดแบบซับซ้อน แต่มีวิธีอื่นไหมที่จะทำได้เช่นกัน โดยเฉพาะแทนเรื่องภาษา ก็น่า สนุกดีนะคะได้ลองคิดเล่น ๆ แบบนี้

 

๔. แถม (ผู้ว่าฯ)

นั่งฟังรายการ “ถึงลูกถึงคน” เมื่อวันศุกร์ ดึกมาก เราก็หลับ ๆ ตื่น ๆ แต่สนุกดีค่ะ มี คุณอภิรักษ์ คุณเฉลิม คุณปวีณา คุณชู วิทย์ และคุณพิจิตร มาพูดนโยบายกรุงเทพฯ ให้ฟัง โดยมีคุณ สรยุทธถามอย่างตรงไปตรงมา คิดว่าผู้สมัครผู้ว่าฯ ทุกคนคงจะ เตรียมใจกันมาอยู่แล้ว

ที่ขำก็คือ ทุกคนง่วงนอนกันหมดพูดจา ตะกุกตะกัก ยกเว้นคุณชูวิทย์ที่ตาเบิกโพรงพูดคล่อง เอ...หรือ แกตาเบิกโพลงทั้งวันทั้งคืนหนอ... ผู้สมัครแต่ละคนยังไม่เห็นมีใครบอกนโยบายการฝ่าอุปสรรคเลย มีแต่นโยบาย ส่วนรายละเอียดว่าจะทำได้อย่างไร ไม่เห็นบอก เลย แล้วถ้าเกิดอุปสรรคขึ้นมา เช่น บางกลุ่มลุกขึ้นมาประท้วง จะแก้ปัญหาอย่างไร แล้วจะทำได้อย่างที่พูดไหมนี่

 

ด้วยความเคารพค่ะ

จา



หน้าแรก
| ปัญญาชนสยาม | หนุ่มสาวดัดจริต | กังวานเกี่ยวข้อง | ข้าวตอกดอกมะเขือ | กลับสู่ด้านบน

เว็บไซต์นี้จัดทำด้วยความกระตือรือล้นของใครหลายคนนั้น
ก้อนหิน และหรือดอกไม้ กรุณาหารือกับนักการ
พยายามปรับปรุงข้อมูลครั้งล่าสุด เมื่อวันที่
กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๘