การมีคาแฟอีนมากกว่า 10 ไมโครกรัมในร่างกาย จะถูกไล่ออกจากการแข่งโอลิมปิก  
     
  ค.ศ. 1992 ชายชราอายุ 65 ปี คนหนึ่งถูกจับหลังจากเทกาแฟร้อน รดหัวเด็กชายอายุ 14 ปี ซึ่งยืนอยู่ใต้สะพานสำหรับคนเดิน ในสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ทั้งนี้ทั้งนั้นเป็นเพราะชายชรา มั่นอกมั่นใจว่าเด็กคนดังกล่าว หวังพินิจสอดส่องชุดชั้นใน เวลาผู้หญิงเดินผ่าน ด้วยความปรารถนาด ีเขาจึงเทกาแฟลงไปโดยไม่เสียดาย ด้วยหวังเพียงว่า จะสามารถป้องกันเด็กชาย จากการเป็นโรคจิตวิปริตทางเพศ  
     
  ค.ศ. 1994 ชายคนหนึ่งซึ่งไม่ค่อยลงรอยกับเพื่อนร่วมงาน ถูกยิงหลังจากกล้องวีดีโอจับภาพได้ว่า เขายิงกระต่ายตรงเป้าเข้าหม้อกาแฟ ในสำนักงาน ก่อนที่คนอื่นจะมาถึงที่ทำงาน หลังจากเหตุการณ์นี้ 1 วัน ไม่ใกล้ไม่ไกลจากสถานที่เกิดเหตุเดิม ชาย 4 คน ถูกจับหลังจากมีพยานมาแจ้งว่า เห็นพวกเขาถ่ายเบาลงแหล่งกับเก็บน้ำของเมือง เต็มสองตา จากเหตุการณ์นี้มีการประกาศให้ ชาวเมืองต้มน้ำก่อนใช้เป็นเวลากว่า 1 สัปดาห์  
       
  หลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษร เกี่ยวกับกาแฟชิ้นแรกคือ โคลง 4 บท ที่เขียนขึ้นในนครศักดิ์สิทธิ์ "เมกกะ" ใน ค.ศ. 1511 เนื่องจากแอลกอฮอล์ เป็นเครื่องดื่มต้องห้ามของศาสนาอิสลาม การดื่มกาแฟจึงได้ความนิยมอย่างรวดเร็ว และด้วยความที่สารคาเฟอีนมีฤทธิ์ กระต้นประสาทให้ตื่นตัวยิ่งทำให้แพร่หลาย ในหมู่นักบวชที่ต้องปฏิบัติกิจทางศาสนา อันน่าง่วงเหงาหาวนอน สามารถประกอบพิธีศาสนา ได้อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งคืน ไม่นานจากนั้น กาแฟได้กลายเป็นสินค้าที่ซื้อขาย และบริโภคกันอย่างแพร่หลาย และลุกลามจากนครเมกกะ เรื่อยไปจนถึงกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ จากเครื่องดื่มระหว่างการประกอบพิธีสวด ระบาดไปสู่การดื่มระหว่างเล่นหมากรุก ร้องรำทำเพลง และการละเล่นอื่นๆ  
       
  กาแฟเป็นอุตสาหกรรมระดับโลกที่ทำให้คนกว่า 20 ล้านคนทั่วโลกมีงานทำ ส่วนมูลค่าการค้าขายก็เป็นสอง รองจากน้ำมันเพียงอย่างเดียว ในแต่ละปีมีการบริโภคกาแฟมากกว่า 400,000 ล้านแก้ว  
     
  อเมริกาดื่มกาแฟวันละมากกว่า 350 ล้านแก้ว  
     
  สัจธรรมการต้มกาแฟ คือ ยิ่งต้มนานรสยิ่งขม เพราะว่าในขณะที่ชงกาแฟ คาเฟอีนจะถูกสกัดออกมาเป็นสารสุดท้าย ก่อนหน้านั้น เป็นของรสเปรี้ยวที่ถูกสกัด นั่นคือ สาเหตุ ุที่ทำให้กาแฟที่ใช้เวลาต้มน้อยเกินไป มีรสเปรี้ยว  
     
  อเมริกา เป็นตลาดกาแฟที่ใหญ่ที่สุดในโลก กว่าครึ่งของชาวอเมริกันเป็นคอกาแฟ ในปีหนึ่งๆ จึงมีกาแฟ 16 - 20 ล้านกระสอบ (2.5 ล้านปอนด์) ถูกลำเลียงเข้าอเมริกา ซึ่งคิดเป็นจำนวนถึง 1 ใน 3 ของกาแฟ ที่ส่งออกทั้งหมด  
     
  อเมริกันชน ดื่มกาแฟโดยเฉลี่ย วันละ 3-4 แก้ว บวกลบคูณหาร เทียบบัญญัติไตรยางค์แล้ว ก็หมายถึงมีกาแฟจำนวน 350,000,000 แก้วต่อวัน ที่ไหลผ่านลำคอคนอเมริกัน และจากปากคำของผู้ค้ากาแฟปลีกรายใหญ่ รายหนึ่งในอเมริกาบอกว่า กาแฟเอสเปรสโซ ถือเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยที่ยังขาย ได้ในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ  
     
  ต้องใช้มือ 1,000 คู่เป็นอุปกรณ์สำคัญ ในการเก็บผลกาแฟให้มากพอ จะแปรรูปเป็นกาแฟคั่วหนึ่งปอนด์ ซึ่งก็คือเมล็ดกาแฟ 4,000 เมล็ด โดยประมาณ  
       
  กาแฟอาราบิก้า เป็นชื่อสายพันธ์กาแฟที่ Linnaeus นักพฤกษศาสตร์ ชาวยุโรปตั้งขึ้น ขณะกำลังง่วนกับการแยกแยะ ชนิดดอกไม้ที่ขึ้นที่แหลม Arabian  
     
  ในช่วงภูมิอากาศรุนแรง ชาวเยอรมันอพยพในกัวเตมาลา จะเผาขยะและหญ้าใกล้ๆ กับไร่กาแฟ เพื่อให้กลุ่มควันหนาทึบ จากการเผาไหม้ช่วยปกป้องต้นกาแฟ จากเกล็ดน้ำแข็ง จึงทำให้กาแฟมีรสชาต ิที่บ่งบอกว่าฉันเคยถูกรมควันมานะ  
     
  ชาวยุโรปรู้จักกาแฟครั้งแรกในฐานะไวน์ของอาหรับ  
     
  จากผลิตผลกาแฟทั้งหมดทั่วโลก มีอาราบิก้าเป็นสมาชิกอยู่ถึง 75% แต่มีเพียง 10% เท่านั้น ที่สมบูรณ์พอจะเป็นกาแฟพิเศษ (Specialty Coffee)  
     
  ต้นกาแฟสุขภาพดีหนึ่งต้น จะให้ผลผลิตเมล็ดกาแฟ 5 ปอนด์ต่อปี และมีเพียง 1 ใน 5 ของจำนวนนี้เท่านั้น ที่จะสามารถ ฝ่ากำแพงมาตรฐานขายเป็น กาแฟพิเศษ (Specialty Coffee)  
     
  ในกรีซและตุรกี จะเสิร์ฟกาแฟให้ผู้ทรงวัยวุฒิมากที่สุดเป็นคนแรก  
     
  วอลแตร์ นักปรัชญาชาวฝรั่งเศล ดื่มกาแฟวันละ 50 แก้ว  
     
  ว่ากันว่าเหล่าคาวบอยใจหาญ ใช้ถุงเท้าสะอาดใส่กาแฟบด แล้วจุ่มลงในน้ำซึ่งตั้งไฟไว้กลางแจ้ง พอต้มได้ที่ ก็รินกาแฟใส่ถ้วยดื่มกัน    
       
  กาลครั้งหนึ่งในเยอรมันนี รัฐบาลได้จัดกองกำลังพิเศษ ซึ่งเรียกว่า นักตามกลิ่นกาแฟ (Kaffee Schuffler) เพื่อดมล่าหาคนคั่วกาแฟ และคนลักลอบนำเข้ากาแฟ ซึ่งเป็นแผนที่ทำกันอย่างเอาจริงเอาจัง สาเหตุก็เป็นเพราะพระเจ้าเฟรดเดอริค ไม่เชื่อว่าทหารที่ดื่มกาแฟจะสามารถรบได้ดี แต่ในที่สุด แผนการณ์ดังกล่าวก็ล้มเหลว เพราะพระองค์เองหลงรักกาแฟเข้าให้เต็มเปา โดยสูตรพิเศษของพระองค์ คือกาแฟผสมเชมเปญ  
     
  ช่วงสงครามกลางเมืองในอเมริกา ทหารฝ่ายเหนือทุกคนจะได้รับแจกกาแฟบด 8 ปอนด์ ไว้เป็นส่วนหนึ่งของเสบียงอาหาร 100 ปอนด์ หากใครไม่ชอบใจก็มีเมล็ดกาแฟดิบ 10 ปอนด์ให้เลือกแทนได้  
     
  ชาวอียิปต์คลั่งไคล้กาแฟบริสุทธิ์ ซึ่งให้รสชาติขมเข้มอย่างมาก น้ำตาล นม และ ครีม จึงแทบไม่อยู่ในสายตา ทว่ากาแฟเข้มนี้จะใช้ในงานศพ ส่วนกาแฟที่เติมรสหวานจะใช้ในงานแต่งงาน  
     
  ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่อุดหนุนกาแฟอยู่ในอันดับต้นๆ ของโลก โดยกาแฟเหล่านั้นไม่เพียงแต่ถูกนำไปเป็นอาหารปากเท่านั้น ยังนำไปเป็นอาหารผิวด้วย โดยชาวญี่ปุ่นจะนำกาแฟบดไปหมักกับเนื้อสับปะรดละเอียด แล้วนำไปอาบซึ่งเชื่อว่าสามารถลดรอยเหี่ยวย่นได้  
     
  ชาวอูกันดาจะนำเมล็ดกาแฟดิบ หญ้าชนิดหนึ่ง และเครื่องเทศ หลายอย่างมารวมกันแล้วนำไปตากแห้ง จากนั้นจึงใช้หญ้าห่อทุกอย่างเข้าไว้ด้วยกัน แล้วนำไปแขวนในบ้านเป็นเครื่องรางคุ้มภัย  
     
  กว่าจะได้กาแฟคั่ว 1 กิโลกรัม จะต้องใช้เมล็ดกาแฟถึง 4,000-5,000 เมล็ด  
     
  เหล่าผู้คิดค้น คาปูชิโนลงความเห็นกันว่า กรรมวิธีการทำควรจะอลังการ คู่ควรกับรสชาติและ หน้าตาของคาปูชิโน จึงเกิดการประดิษฐ์เครื่องชงคาปูชิโน อันหรูหราน่าประทับใจ  
     
  บีโธเฟน เป็นคอกาแฟที่พิถีพิถันกับการชงกาแฟมาก จนถึงขั้นต้องนับเมล็ดกาแฟให้ได้ 60 เมล็ดพอดิบพอดี สำหรับกาแฟแต่ละแก้ว  
       
       
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
©Copyright 2004
Cafe' Riche™. All Rights Reserved