คุณศศิวัฒน์ อูกะโชค อยู่ที่ อำเภอเมือง จังหวัดระยอง เล่าว่า
มาทำบุญที่วัดพระธรรมกายครั้งแรกต้นปี ๒๕๓๙ กลับไปก็พบปาฏิหารย์หลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ คือคุณศศิวัฒน์ รู้จักเพื่อนเป็น พยาบาลรุ่นพี่ผู้หนึ่ง ชื่อคุณสวาท วงศ์วิวัฒน์ มีสามีรับราชการเป็นที่ดินจังหวัดชลบุรี คุณศศิวัฒน์ ต้องการให้คุณสวาทแนะนำตนเอง ให้รู้จักกับ ทันตแพทย์หญิง เพื่อนร่วมงาน เพื่อคุณศศิวัฒน์จะชวนทำบุญสร้างวิหารหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ
พอคุณสวาทได้ยินคำว่า หลวงพ่อวัดปากน้ำเท่านั้น แสดงความตื่นเต้นเป็นกำลัง พูดขึ้นระล่ำระลักว่า สร้างวิหารหลวงพ่อวัดปากน้ำหรือ ขอสร้างด้วยคนนะ มีเรื่องแปลกจะเล่าให้ฟัง
แล้วเล่าว่า เมื่อ ๔-๕ คืนที่ผ่านมา ฝันเห็นพระภิกษุชรารูปหนึ่ง มีติ่งเล็กๆ ที่คอ ไม่เคยเห็นหน้า หรือรู้จักที่ไหนมาก่อนเลย ท่านเดินนำหน้า พาพระภิกษุมาด้วยอีก ๔ รูป มายืนหยุดตรงหน้าคุณสวาทซึ่งนั่งอยู่บนแคร่ ท่าน พูดกับพระทั้งหมดที่มาด้วยกัน โดยชี้นิ้วมาที่หน้าคุณสวาทด้วยว่า หนูคนนี้ เป็นหลานของหลวงพ่อเองนะ คุณสวาทฟังแล้วตกใจมาก ทำอะไรไม่ถูก เลย ตื่นจากหลับ
วันรุ่งเช้าเล่าความฝันให้สามีฟัง อธิบายลักษณะพระภิกษุที่เห็นให้ทราบ ขอร้องให้สามีช่วยมองหาภาพ พระภิกษุที่มีลักษณะเหมือน หรือ ใกล้เคียงมาให้ดูด้วย
สามีก็รับปาก เขาเดินลงจากบ้านไปเพียงครู่เดียวกลับมาพร้อมกับภาพถ่าย หลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ยื่นให้ภรรยาดูพร้อมกับพูดว่า องค์นี้ ใช่รึเปล่า
ภรรยาเห็นแล้วดีใจ ร้องเสียงดังอย่างลืมตัว ใช่ ใช่แล้วค่ะ หลวงพ่อ องค์นี้ หน้าตาอย่างนี้เลย ดังนั้น พอคุณสวาทรู้ข่าวการสร้าง มหาวิหาร หลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ จึงเต็มใจยิ่ง รับทำบุญสร้างเสามหาวิหารหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ๑ ต้น ๑ แสนบาททันที ทั้งยังรับปาก จะช่วย ชวนคนทำบุญต่อๆ ไป รวมถึงที่ดินอำเภอในเครือข่ายเดียวกัน
สำหรับคุณศศิวัฒน์เอง ได้พบเหตุการณ์อัศจรรย์จริงๆ ด้วยตัวเอง ไม่ใช่ฝัน
เช้าวันที่ ๖ กันยายน พ.ศ.๒๕๔๑ เดินทางไปวัดพระธรรมกาย เพื่อร่วมทำบุญวันอาทิตย์ ที่สภาธรรมกายสากลหลังใหม่ ขณะที่นั่งคอย พระเดชพระคุณ หลวงพ่อเดินทางมาถึง ที่นั่งบนยกพื้นด้านหน้า ซึ่งมีพระธรรมกายสีขาวองค์ใหญ่ ตั้งเป็นประธานอยู่นั้น คุณศศิวัฒน์มองดูองค์ท่าน แล้วโดยฉับพลัน มองเห็นพระภิกษุอีกรูป หนึ่ง มีรูปร่างสูงใหญ่ ห่มจีวรสีเหลืองอร่าม นั่งอยู่หลังองค์พระประธาน ชี้ให้ใคร ดู ก็ไม่มีใครเห็น บางคน ยังกล่าวว่า เป็นแสงสะท้อน สักครู่ภาพนั้นก็ค่อยเลือนหายไปต่อหน้า ขณะที่ใจนึกลังเลในภาพที่เห็นเมื่อสักครู่ ว่าเป็นไปได้หรือ ที่สามารถเห็นภาพ อย่างนั้นด้วยตาเนื้อ สักครู่คุณศศิวัฒน์ถึงกับจ้องมองตาค้าง เพราะเป็นภาพพระภิกษุองค์เดิม คราวนี้ เห็นหน้าตาท่านชัดเจนว่า เป็นหลวงพ่อ วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เห็นอยู่ว่า ท่านไม่ได้นั่งหันหน้ามาทางเดียวกับ พระประธาน แต่หันหน้าไปทางสภาธรรมกาย หลังคาจาก เห็นครู่เดียวก็หายไป
ตอนเย็น ๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๑ ได้เห็นภาพปาฏิหารย์อัศจรรย์ตะวันแก้ว พร้อมกับสาธุชนหลายหมื่นคน ไม่มีความเคลือบแคลงสงสัย ลังเลเหลืออยู่ เลยตั้งแต่เห็นภาพหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ที่เห็นคนเดียวที่ด้านหน้าสภาธรรมกายสากลหลังใหม่ ตอนเช้าวันนั้น และยิ่ง ปลาบปลื้มยินดีเป็นล้นพ้น เมื่อพระอาจารย์รูปหนึ่งของวัด เดินทางไปให้การอบรม ปฏิบัติธรรมที่ศูนย์ปฏิบัติธรรม จังหวัดชลบุรี ท่านเล่าว่า ในวันที่ ๖ กันยายนที่เห็นปาฏิหาริย์กันตอนเย็นนั้น ความจริงแล้วหลวงพ่อวัดปากน้ำท่านได้ เมตตาแสดงภาพท่านให้เห็นกัน ในสภาธรรมกายสากลตั้งแต่ ตอนเช้าของวันนั้นแล้ว มีคนจำนวนมากเห็นกัน คุณศศิวัฒน์ฟังคำยืนยันดังนั้น หายแคลงใจตนเอง กลายเป็นความปลาบปลื้มปีติใจ บอกว่าทุกวันนี้ ยังจำได้ติดตา
อภินิหารเรื่องที่สอง เป็นเรื่องที่พระมหาสิริราชธาตุส่งเสียง ตอบรับคำพูดได้ คือเมื่อคุณศศิวัฒน์รับพระของขวัญ พระมหาสิริราชธาตุ องค์แรก ซึ่งเป็นของลูกสาวไปบ้าน ก็ท่องบทสรรเสริญจนจำได้แม่น บูชาท่านทั้งเช้าเย็นอยู่เนืองๆ และไม่ใช่ท่องเปล่า ขยันพูดคุยกับท่าน พยายาม นึกองค์ท่านเป็นนิมิตที่ศูนย์กลางกาย ให้ท่านกับตนเองเป็นของสิ่งเดียวกัน เพื่อให้เสียงสวดสรรเสริญของตน ดังไปถึงพระนิพพาน
เมื่อสวดจบ และพูดคุยเรื่องต่างๆ แล้ว คุณศศิวัฒน์นั่งเงียบนิ่งๆ ทุกอย่างในห้องพระเวลานั้นเงียบสนิท มีเสียงนาฬิกาอย่างเดียว ดังเป็น จังหวะค่อยๆ ทันใดนั้นเอง เกิดเสียงประหลาดขึ้นข้างๆ ตัว คล้ายเสียงคลื่นความถี่สูงมาก ดัง เอี๊ยว... ผ่านตัวคุณศศิวัฒน์ เสียงนั้นดังชัดเจน มีพลัง จนรู้สึกได้ขณะเสียงวิ่งผ่าน ทำให้ตกใจอุทานดังลั่นออกมา เอ๊ะ เสียงอะไรเนี่ย สักครู่พอนึกได้ว่า คงเป็นเสียงองค์พระมหาสิริราชธาตุ แสดง ปาฏิหาริย์ กระมัง จึงจับองค์ท่าน พนมไว้ในมือ พูดว่า
ถ้าเป็นเสียงของพระมหาสิริราชธาตุจริงแล้ว ขอท่านจงพูดหลายๆ ครั้ง จะได้เชื่อมั่น
ต่อมาได้ยินเป็นครั้งที่สอง ขณะทำงานอยู่ในครัว ใจน้อมระลึกถึงองค์ท่านอยู่ที่ศูนย์กลางกาย ปากก็พูดกับองค์พระว่า ขอให้ลูกสมหวัง ดังที่คิดเจ้าค่ะ พูดจบเสียงประหลาดแบบเดิม ก็ดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้ต้องเอามือจับองค์พระพนมขึ้นพูดว่า ท่านพูดได้จริงๆ หรือนี่
ได้ยินครั้งที่สามอีก เนื่องจากไปวัดได้รับพระมหาสิริราชธาตุมาอีกองค์หนึ่ง องค์ใหม่นี้มีธาตุทั้งสามรวมกัน บริบูรณ์ สวยงาม รู้สึกดีใจ และยังได้เห็นสาธุชนนับหมื่น เข้าแถวขอจอง เป็นประธานรอง ฉลองมหาธรรมกายเจดีย์ ปี พ.ศ.๒๕๔๓ วันมาฆบูชา ยิ่งปีติมาก
ตกกลางคืนเมื่อกลับถึงบ้าน หลังจากสวดมนต์สรรเสริญ และทำสมาธิ โดยคล้องพระองค์หนึ่งไว้ที่คอ อีกองค์ติดไว้ที่เสื้อ ตั้งใจว่า จะนำ พระมหาสิริราชธาตุองค์แรก ให้ลูกสาว แล้วล้มตัวลงนอน ใจอยู่ในสมาธิเรื่อยไปจนหลับ ประมาณตี ๒ คุณศศิวัฒน์ก็ต้องตกใจตื่น เพราะเกิดเสียง ประหลาดที่ข้างหูขวา เป็นเสียงเดียวกับที่เคยได้ยิน เหมือนเสียงโต้ตอบกัน จึงลุกขึ้นกำพระทั้งสององค์ พนมไว้ในมือ เขื่อมั่นเต็มเปี่ยมว่า พระพูดได้ แล้วก็ล้มตัวลงนอนทำสมาธิต่อจนหลับไป ไม่คิดว่าจะต้องตื่นอีก
ต่อจากนั้นอีก ๔-๕ คืนได้ยินเสียงอีกเป็นครั้งที่ ๔ เวลาก่อนนอนเธอทำสมาธิไปตามเสียงคำสอน ในเทปของพระเดชพระคุณ หลวงพ่อ ธัมมชโย แล้วก็หลับไป ตอนดึกก็ต้องตื่น ด้วยเสียงดังอย่างเก่า ตอนนี้คุณศศิวัฒน์เลิกแปลก ใจแล้ว กลับรู้สึกมีอารมณ์ขันขึ้นมาแทน คิดในใจว่า แหม พระมหาสิริราชธาตุ อยู่ด้วยกันสององค์เลยคุยกันใหญ่ แล้วหลับตานอน ไม่ได้นึกถึงอีกเลย จนกระทั่งเป็นครั้งที่ ๕ จึงเกิดแรงบันดาลใจ ให้ต้องเขียนเรื่องเล่ามา
วันที่ ๒ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๑ กลับจากทำบุญที่วัดกลับไปบ้าน นั่งในอยู่ห้องพระ คุณศศิวัฒน์มองภาพใบหน้าของหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ หลังจากสวดมนต์ทำสมาธิประจำวันแล้ว พูดกับหลวงพ่อท่านว่า ไปวัดวันนี้ตนเองหวนนึกไปถึงเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๐ กันยายน หลวงพ่อ ธัมมชโย ท่านแสดงธรรมเทศนาจบแล้ว ท่านพูดว่า หลวงพ่ออายุมากแล้วนะ ลูกนะ แล้วท่านก็เงียบไม่พูดอะไรต่อไปอีกเลย
คุณศศิวัฒน์นั่งอยู่แถวหน้า เห็นผู้คนบริเวณนั้นร้องไห้เช็ดน้ำตา รวมทั้งตัวเองด้วย เพราะเกิดความสงสารหลวงพ่อขึ้นมาจับใจ คืนนี้ คุณศศิวัฒน์ จึงตั้งจิตอธิษฐานต่อภาพหลวงพ่อสดว่า ขอให้ลูกมีบารมีแก่ๆ มีความกล้าหาญชวนคนทำบุญ ชวนผู้ใดก็ตาม ให้ผู้นั้นมีปีติใจเลื่อมใส เต็มใจเป็นกำลังให้พระพุทธศาสนาทันที
จบจากขออานุภาพหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญแล้ว คุณศศิวัฒน์ก็หยิบพระของขวัญพระมหาสิริราชธาตุรุ่นดรุณนาคะ มาใส่พนมมือไว้ แล้วพูดกับท่านว่า
พระมหาสิริราชธาตุรุ่นดรุณนาคะ ผู้มีฤทธิ์เดชแต่เยาว์ ท่านได้ยินคำกล่าวขอร้องของลูกแล้วใช่ไหม ถึงความในใจที่ลูกคิดช่วยงาน พระเดช พระคุณหลวงพ่อธัมมชโย ขอพระมหาสิริราชธาตุทั้งที่อยู่ที่นี่ และที่อยู่กับลูกสาว รวมเป็นสององค์ จงช่วยส่งเสริมสนับสนุน ให้ลูกทำงานสำเร็จ ตามความตั้งใจด้วยเจ้าค่ะ
จบคำพูดขอพรลง ทันทีนั้นมีเสียงประหลาดอย่างเดิมเกิดขึ้น ใกล้ตัวคุณศศิวัฒน์อีกเป็นครั้งที่ ๕ ทำให้ขนลุกซู่ พร้อมทั้งเกิดความเชื่อมั่น สุดหัวใจว่า พระมหาสิริราชธาตุศักดิ์สิทธิ์นัก และพูดตอบคำอธิษฐานได้จริงจึงตัดสินใจเขียนเล่าเรื่องมาให้ทราบ
นับแต่วันนั้นมา คุณศศิวัฒน์มีกำลังใจมากมาย ออกเดินหน้าตามหาเจ้าของบุญ ขณะที่เขียนเล่าเรื่องมานี้ ได้ชวนคนมาทำบุญ สร้าง พระธรรมกาย ประจำตัวได้แล้ว เกือบสิบรายแล้ว และคิดว่าจะต้องบอกบุญได้สำเร็จเป็นอัศจรรย์ เพราะพระมหาสิริราชธาตุองค์แรก เมื่อได้รับมา บูชาได้เพียง ๖ วัน ก็มีสิทธิธาตุเพิ่มขึ้นชัดเจน ๒-๓ แห่ง เป็นกำลังใจให้อยู่แล้ว อาจจะบอกบุญได้มาก ถึงขนาดได้รับพระของขวัญพิเศษ พระคะแนนสุด สุด
เรื่องสุดท้ายเป็นความสำเร็จที่นึกไม่ถึง วันที่ ๑๓ สิงหาคม ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของคุณศศิวัฒน์ สามีนั่งเครื่องบินมาจากอุดรธานี เพราะ ย้ายจากชลบุรีไปทำงานที่โน่น ส่วนลูกๆ ก็มาพร้อมหน้า เพื่อจะมารับประทานอาหารร่วมกัน ฉลองวันเกิดให้คุณศศิวัฒน์
สำหรับใจจริงๆ ของคุณศศิวัฒน์ต้องการไปทำบุญเลี้ยงพระ ที่วัดพระธรรมกาย ซึ่งได้รับการ์ดวันเกิดจากทางวัด อวยพรเป็นศิริมงคลให้ ยิ่งคิดก็อยากไปวัดมากขึ้น เมื่อพร้อมหน้าพร้อมตากันเช่นนี้ ก็มีการถามกันขึ้นว่า แม่อยากไปทำบุญที่วัดไหน คุณศศิวัฒน์ตอบตรงๆ ไปว่า อยากไป ทำบุญที่วัดพระธรรมกายมากที่สุด ตอบไปแล้ว เห็นทุกคนพากันนิ่งเงียบ โดยเฉพาะสามีเห็นขมวดคิ้วเล็กน้อย จึงต่างคนต่างไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้ อีก คุณศศิวัฒน์เองรู้ตัวว่า คงหมดหวัง จึงคิดว่า ไปวัดที่ต้องการไม่ได้ ทำบุญตักบาตรที่หน้าบ้านพักก็แล้วกัน
แต่แล้วเหมือนปาฏิหาริย์ ขณะนั่งดูข่าวเวลา ๒ ทุ่ม ลูกสาวเข้ามาหา พูดแสดงความดีใจว่า คุณแม่คะ คุณพ่อจะพาแม่ไปทำบุญ ที่วัดพระธรรมกายค่ะ
ดีใจที่สุด นึกไม่ถึงว่าความปรารถนาจะสำเร็จ ได้แต่ระลึกถึงเนื้อสิทธิธาตุสีแดงในองค์ พระของขวัญมหาสิริราชธาตุ ด้วยใจชื่นชมบูชา พระท่านมีชีวิต พูดได้ ให้ความสำเร็จได้ ต่อนี้ไปคุณศศิวัฒน์ตั้งความปรารถนายิ่งใหญ่ คือขอเป็นประธานรอง ฉลองมหาธรรมกายเจดีย์ให้ได้ ขอจงสำเร็จ ขอจงสำเร็จ ขอจงสำเร็จ
เรื่องนี้รายละเอียดอาจจะยาวไปบ้าง ผู้เล่าคงเจตนายืนยันว่าท่านได้ยินเสียง ประหลาดนั้นจริงๆ จึงต้องนับครั้งเล่าให้ฟัง ถ้าสังเกตให้ดี มักเป็นเวลาที่ใจของผู้เล่าสงบ และคิดผูกพันบูชาองค์พระอยู่ ใจหยุดนิ่งสนิท กายภายนอกและกายภายในตรงกัน ทั้งตาเนื้อที่เห็นภาพหลวงพ่อ วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เมื่อวันที่ ๖ กันยายน ซึ่งนั่นเป็นตาภายนอกและ ตาภายในตรงกัน ส่วนการได้ยินเสียงเหมือนเสียงความถี่สูง นี่เป็นหูนอก และหูในตรงกัน มี บางรายเช่น รายอาจารย์ใหญ่ท่านหนึ่ง ได้อาราธนาให้พระมหาสิริราชธาตุท่าน พูด อาจารย์ผู้นั้น ก็ได้ยินเป็นคำ พูดเสียงเล็กๆ ว่า อะระหัง อยู่ ๒ ครั้ง แล้วหุบพระโอษฐ์
เรื่องเหล่านี้อาจจะดูเป็นเรื่องเหลือเชื่อ ไม่น่าเป็นไปได้ แต่ในการปฏิบัติธรรมจนเข้าถึงพระธรรมกายแล้ว สามารถพิสูจน์ข้อเท็จจริงกัน ในญาณ ทางสมาธิจิตขั้นสูงได้
ใครก็ตามฟังคำบอกเล่าเรื่องเหลือเชื่อแล้ว อย่าเพิ่งด่วนต่อต้าน ในเมื่อตนเองยังพิสูจน์ไม่ได้ ควรพิจารณาดูว่า ถ้าเชื่อแล้วจะเกิดประโยชน์ อะไร เช่น ทำให้มีใจศรัทธาใน พระพุทธศาสนา ต้องการสร้างบุญกุศล มีประโยชน์เป็นที่ตั้งก็ควรเชื่อและ สร้างบุญกุศลตาม ถ้าไม่เชื่อ ต้องกลาย เป็นคนดื้อ ไม่ชอบสร้างบุญกุศล เกรงจะถูกหลอกไปเสียหมด ย่อมหมดเวลาสร้างความดี คนฉลาดอ่านเรื่องเหล่านี้แล้ว ย่อมสามารถตัดสินใจ ได้ถูกทาง
[สารบัญ] [ ๖๘ ] [ ๖๙ ] [ ๗๐ ] [ ๗๑ ] [ ๗๒ ] [ ๗๓ ] [ ๗๔ ] [ ๗๕ ]