อานุภาพพระมหาสิริราชธาตุ

๗๕.พบปาฏิหาริย์ไม่ซ้ำแบบทั้งครอบครัว

คุณศศิวรรณ ลำใย นักธุรกิจ วัย ๔๖ ปี หัวหน้าศูนย์สายไหม บางเขน กทม. เล่าให้ฟังว่า

เธอและครอบครัวเข้าวัดครั้งแรกเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ.๒๕๓๙ และช่วยงานกองทุนธรรมทานมาตลอด วันอาทิตย์ที่ ๒๖ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๑ ก่อนวันคล้ายวันเกิดของตัวเอง ๑ สัปดาห์ เธอได้ รับพระมหาสิรราชธาตุ ซึ่งเธอถือว่า ปีนี้ได้รับของขวัญวันเกิด ที่มีค่ามากมาย มหาศาลทีเดียว เพราะทุกคนในครอบครัวได้ประสบอานุภาพบุญกันอย่างทั่วถึง

เมื่อได้รับพระมหาสิริราชธาตุแล้ว เธอก็ได้นำไปบอกบุญญาติพี่น้องให้มา ทำบุญสร้างมหาธรรมกายเจดีย์ เธอเองสวดสรรเสริญบูชา พระรัตนตรัย และพระมหาสิริราชธาตุจนจำได้ขึ้นใจ เวลาจะออกเดินทางไปยังสถานที่ใดก็ ตาม จะอธิษฐานกับองค์พระบ่อยๆ ว่า ให้ปลอดภัย ขออย่าให้ฝนตกเพราะ ตนเองขับรถไม่เก่ง ซึ่งสำเร็จทุกครั้ง ทั้งๆ ที่เวลานั้นฟ้ามืดและลมแรงพัดกระโชกตามหลังมา มีอยู่วันหนึ่งตรงกับวันที่ ๓ กันยายน พ.ศ.๒๕๔๑ หลังจากที่ได้ถวายภัตตาหารที่วัดแล้ว ก็ออกเดินทางไปจังหวัดสุพรรณบุรีกับสามี เพื่อไปทำธุระเรื่องที่ดิน ฝนตกพรำๆ ตลอดทาง แต่ไม่ได้นึกอะไร เพราะคิดว่า ฝนคงจะหยุดตก เมื่อเข้าเขตสุพรรณบุรี พอเดินทางถึงหน้าวัดไผ่โรงวัว คือเหลือระยะทางอีก ๕ กิโลเมตรก็จะถึงที่หมาย ฝนยังคงตกไม่ขาดสายทำให้รู้สึกกังวล มากว่า ถ้าฝนตกอย่างนี้ ธุระเรื่องที่ดิน ที่จะไปทำ คงไม่สำเร็จ เพราะเป็นท้องไร่ ท้องนา จะทำอย่างไรดี จึงหยิบพระมหาสิริราชธาตุขึ้นมาพนมมือแล้วอธิษฐานในใจว่า

ขออำนาจแห่งความศักดิ์สิทธิ์ของพระมหาสิริราชธาตุ จงดลบันดาลให้บริเวณที่ลูกจะไปทำธุระ อย่าให้มีฝนตกเลย เพราะลูกจะต้องรีบ ทำให้เสร็จ จะได้กลับไปบ้านได้ทันเวลา เพื่อทำธุระอีกอย่างหนึ่งในกรุงเทพฯ

ขณะนั้นเวลาประมาณ ๑๐.๐๐ นาฬิกาแล้ว เหลืออีกหนึ่งกิโลเมตรจะถึงที่ดิน มองไปข้างหน้ายังไม่เห็นฝนหยุดตกเลย แต่พอถึงที่หมาย ฝนก็หยุดตก ท้องฟ้าสว่างใสมาก แสงแดดเรื่อๆ ที่ดินบริเวณนั้นยังมีรอยเปียกปรากฏอยู่ ท้องนาชุ่มชื้นด้วยหยาดน้ำฝน น้ำเจิ่งนอง แสดงว่า ฝนตกหนักก่อนที่จะไปถึง อีกหนึ่งชั่วโมงต่อมา เธอและสามีก็ทำธุระเสร็จแล้ว ขับรถออกมาได้ประมาณหนึ่งกิโลเมตร ฝนก็เริ่มตกใหม่ และ ตกหนัก เป็นบางช่วงไปตลอดทาง ทำให้งุนงงมากว่า สิ่งนี้เกิดขึ้นกับตนเองจริงๆ ได้ด้วยหรือ ทำให้เชื่อมั่นศรัทธา อานุภาพบุญมากขึ้น

สมาชิกในบ้านอีกคนหนึ่งคือ ลูกสาวชื่อน้องนุ้ก ด.ญ.ฉัตราภรณ์ ลำใย อายุ ๑๐ ขวบ เรียนชั้นประถมปีที่ ๖ ก็ได้ประสบสิ่งอัศจรรย์เช่นเดียว กับ พ่อแม่ คือเมื่อคืนวันพุธที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ.๒๕๔๑ น้องนุ้กฝันเห็นหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เดินออกมาจากรูปภาพ ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะหมู่ บูชาพระ   ตรงมาหาน้องนุ้ก ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ไม่ดุเหมือนในรูป และท่านพูดด้วยน้ำเสียง ที่เปี่ยมด้วยความเมตตา จนน้องนุ้กจำได้แม่นยำ จนถึงทุกวันนี้ ว่า อัศจรรย์บังเกิดแล้ว เพราะผู้มีบุญ

เวลานั้น น้องนุ้กมีสภาพเหมือนคนครึ่งหลับครึ่งตื่น หันไปอีกทางหนึ่ง ก็เห็นพระมหาสิริราชธาตุลอยออกมาจาก รูปภาพเล็กๆ บนปกเทป ๒ ม้วน ที่วางขนาบรูป พระบรมพุทธเจ้าสีเงิน บนโต๊ะหมู่บูชา จากรูป ๒ รูป กลายเป็นองค์จริงองค์เดียว ไม่มีลายและไม่มีพญานาค ใสสว่าง ขยายใหญ่ เท่าพระบรมพุทธเจ้า แล้วพระบรมพุทธเจ้า ก็ลอยออกมาจากรูป เป็นองค์จริงองค์เล็กๆ ขนาด ๒ นิ้ว หลายองค์ ลอยรายรอบ พระมหาสิริราชธาตุ ใสแสนใสแทนพญานาค น้องนุ้กได้แต่จ้องมองดูอย่างตกตะลึง

ในเวลาต่อมา ก็มีแสงสีชมพูออกมาจากทางด้านขวาของพระมหาสิริราชธาตุกระจายรอบองค์ พระ แล้วเปลี่ยนเป็นสีเขียวอ่อน สีเหลือง สีฟ้า สีแดงอ่อนๆ เป็นชั้น ๆ ไป สร้างความปีติและประหลาดใจให้น้องนุ้ก เป็นอย่างยิ่ง ตอนสลับสีนี้ สวยงามเหลือที่จะบรรยายทีเดียว เมื่อหันกลับมา มอง หลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เห็นท่านกำลังเดินกลับไปที่รูปอยู่พอดี พระมหาสิริราชธาตุก็ยังมีแสงสว่างลอย เด่นอยู่ท่ามกลาง พระบรม พุทธเจ้า องค์เล็กๆ ใสๆ เหมือนเดิม น้องนุ้กก้มกราบลาหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ได้เพียงครั้งเดียว แม่ก็มาปลุกให้ตื่นเตรียมตัวไปโรงเรียน เพราะขณะนั้นตีห้าแล้ว ในฝันน้องนุ้กหันไปเรียกพี่น้องให้ลุกขึ้นมาดู ก็ไม่มีใครตื่น จึงวิ่งจูงคุณแม่ให้ไปดูอีกที รู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ใน เหตุการณ์ จริงจนอยากให้ทุกๆ คนได้พบเห็นสิ่งนี้เช่นเดียวกันกับน้อง นุ้กด้วย

ทุกวันก่อนที่น้องนุ้กไปโรงเรียน และเมื่อกลับจากโรงเรียนถึงบ้านแล้ว น้องนุ้กก็จะไปกราบรูปหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ทุกครั้ง และพูดกับคนในบ้านอยู่เสมอว่า หลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ท่านอยู่ใกล้ตัวเราตลอดเวลาไม่ว่าเราจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ ไม่ว่าหลับหรือตื่น ก็ตาม ท่านไม่เคยทิ้งเราเลย ท่านจะคอยช่วยเหลือเรา ด้วยอานุภาพบุญทุกยามที่เรา ต้องการท่าน คุณแม่รู้สึกปลาบปลื้มใจมาก ที่ลูกสาวได้ พบเห็น สิ่งที่เป็นมงคล ติดตาตรึงใจจน ลูกมั่นใจ อย่างหนักแน่นว่า ได้ประสบสิ่งนี้ในชีวิตของลูกจริงๆ จนสามารถยึดเป็นที่พึ่งของชีวิตได้

หลังจากวันนั้น น้องนุ้กก็ขยันนั่งสมาธิมากขึ้น และแนะนำให้เพื่อนๆ ที่โรงเรียนนั่งสมาธิด้วย ปกติน้องนุ้กก็เป็นผู้นำบุญน้อยๆ ที่โรงเรียน อยู่แล้ว ชักชวนเพื่อนๆ ให้สะสมเงินทำบุญแล้วก็ชวนคุณครูทำ บุญด้วย เพื่อให้ได้ดวงแก้วใสปิ๊งของคุณยายอุบาสิกา จันทร์ ขนนกยูง น้องนุ้ก จะบอกเพื่อนๆ ว่า นั่งสมาธิ นั่งไปเถอะ เห็นง่ายจะตาย ดวงแก้วน่ะ เห็นแล้วเราจะมีความสุข ไม่ยากเลย น้องนุ้กรู้สึกภูมิใจในตนเองมากขึ้น

น้องนุ้กเป็นเด็กที่ยิ้มแย้มแจ่มใสด้วยความสุขตลอดเวลา น้องนุ้กจะสวดสรรเสริญคุณพระมหาสิริราชธาตุทุ กเช้าก่อนไปโรงเรียน และ ทุกวัน พฤหัสบดี น้องนุ้กก็จะช่วยคุณแม่ต้อนรับสาธุชนที่มาปฏิบัติ ธรรมที่บ้านซึ่งมีชื่อว่าศูนย์สายไหม บางเขน ได้ฟังธรรมและนั่งสมาธิ ร่วมกัน กับทุกๆ คน

ส่วนคุณพ่อของน้องนุ้กก็เป็นผู้หนึ่งที่ประสบอานุภาพบุญด้วยตนเองคือ เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๓ กันยายน พ.ศ.๒๕๔๑ หลังวันปรากฏการณ์ บนท้องฟ้า ๖ กันยายน ได้หนึ่งสัปดาห์ ทุกคนที่บ้านรวม ๕ คน ตั้งใจเป็นประธานรอง คุณพ่อก็เป็นตัวแทนไปรับใบปวารณาเป็นประธานรอง ที่สภาธรรมกายสากลหลังใหม่ ขณะนั้น พระเดชพระคุณพระราชภาวนาวิสุทธิ์ หลวงพ่อธัมมชโย กำลังมอบพระมหาสิริราชธาตุให้สาธุชนอยู่ คุณพ่อจึงไปรับใบปวารณาจากตัวแทนคณะสงฆ์มา ๑ ใบ ในใจนึกว่า ถ้าทุกคนในบ้านได้เป็นประธานรองจริง ก็ขอให้ได้รับ ใบปวารณาที่เหลือ จากมือของพระเดชพระคุณ หลวงพ่อด้วยตนเอง จึงไปเข้าแถวผู้ปวารณาเป็นประธานรองใหม่อีกครั้งหนึ่ง

พอถึงคิวของตนพระเดชพระคุณหลวงพ่อก็เป็นผู้มอบให้จริงๆ และท่านได้มอบใบปวารณาประธานรองมาให้ ๔ ชุดให้ครบจำนวนคน ในบ้านพอดี โดยที่ไม่ได้ขอเลย ผู้ที่รับก่อนหน้านั้นยังต้องกราบเรียนท่าน ว่าขอ ๒ ชุดบ้าง ๓ ชุดบ้าง คุณพ่อรู้สึกอัศจรรย์ใจจริงๆ เหลือที่จะกล่าว และมั่นใจว่าทุกคนในบ้านพ่อแม่ลูก ๕ คน จะต้องเป็นประธานรอง ฉลองมหาธรรมกายเจดีย์มาฆบูชา พ.ศ.๒๕๔๓ ได้สำเร็จเป็นอัศจรรย์ อย่าง แน่นอน

เรื่องที่เล่ามานี้ เป็นเรื่องที่ทุกคนในครอบครัวของคุณ ศศิวรรณประสบ ด้วยตัวเอง ด้วยอานุภาพบุญอันเกิดจาก พระมหาสิริ ราชธาตุ และหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ทำให้เกิดมั่นใจ ในการสร้างบารมียิ่งขึ้น แม้ว่ากิจการจะมีปัญหามากก็ตาม ครอบครัวคุณศศิวรรณ ก็ไม่เคย ทอดทิ้งเรื่องบุญกุศล และจะทุ่มเทสร้างมหา ธรรมกายเจดีย์ จนสำเร็จ ด้วยการทำบุญด้วยตนเอง และเป็นกัลยาณมิตร เป็นผู้นำบุญชักชวนผู้อื่น มาสร้างร่วมกัน ในเวลานั่งธรรมะ จะนึกถึงแต่พระมหาสิริราชธาตุ เพียงอย่างเดียว และแนะนำผู้อื่นให้นึกถึงท่านให้อยู่ใน ตัวเราตลอดเวลา ไม่ว่าหลับตาหรือลืมตา จนกระทั่งรู้สึกมีความผูกพันกับท่าน แล้วท่านก็จะดลบันดาลให้สมหวังในสิ่งที่ปรารถนาทุกประการ


[สารบัญ] [ ๖๘ ] [ ๖๙ ] [ ๗๐ ] [ ๗๑ ] [ ๗๒ ] [ ๗๓ ] [ ๗๔ ] [ ๗๕ ]